พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 900 จุดจบของสำนักเงินตรา
สำนักเงินตราอันยิ่งใหญ่ถูกทำลายลงในที่สุด ความจริงนี้แม้แต่เหล้าผู้เชี่ยวชาญที่หลิงตู้ฉิงชวนมายังแทบไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริง
ไม่ต้องสงสัยถึงความแข็งแกร่งของสำนักเงินตราเลยว่าพวกเขานั้นคือสำนักที่เรียกได้ว่าอาจจะแข็งแกร่งที่สุดในโลกเบื้องล่างในตอนนี้ด้วยซ้ำ เพราะด้วยจำนวนอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาครอบครองอยู่
แต่แล้ววันนี้สำนักนักที่แข็งแกร่งขนาดนี้กลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง
แต่แน่นอนว่าถึงแม้พวกเขาจะมีส่วนร่วม แต่ปัจจัยหลักที่ทำให้สำนักเงินตราถูกโค่นลงได้นั้นคือหลิงตู้ฉิง เพราะถ้าไม่มีหลิงตู้ฉิง พวกเขาทั้งหมดคงไม่สามารถมารวมตัวกันได้แบบนี้โดยเฉพาะมหาจักรพรรดิเทพยุทธ์ และผู้สำเร็จเต๋าอย่างเย่เจียงไห่
ทุกคนต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงเป็นสายตาเดียวกัน ถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะลงมือเพียงแค่สามครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาลงมือมันคือจุดเปลี่ยนหลักที่ทำให้พวกเขาสามารถโค่นสำนักเงินตราได้สำเร็จโดยเฉพาะการลงมือครั้งสุดท้าย
ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงตู้ฉิง พวกเขาทั้งหมดคงตายกันไปหมดแล้ว!
และเมื่อนึกย้อนไปว่าสำนักมหาอำนาจอีกหนึ่งสำนักถูกทำลายลงต่อหน้าหลิงตู้ฉิง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นพลางคิดในใจ
ชายผู้นี้ช่างชอบทำลายสำนักมหาอำนาจซะเหลือเกิน!
“นายท่าน พวกเราควรทำอะไรกันต่อดี?” กวนหลิงอู่เอ่ยถามขึ้น
ในตอนนี้บนพื้นเต็มไปด้วยสมบัติมากมายจำนวนนับไม่ถ้วนรวมไปถึงอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ 1,000 กว่าชิ้น และตาชั่งครึ่งเต๋า ซึ่งพวกเขาไม่รู้จะแบ่งกันยังไงดี
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าปกติว่า “เอาไว้พวกเราค่อยคุยกันเรื่องนี้หลังจากข้าจัดการเรื่องประตูเคลื่อนย้ายเสร็จ”
สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำในทันทีตอนนี้ก็คือการเปลี่ยนพิกัดตำแหน่งของประตูเคลื่อนย้ายที่มีอยู่ในสำนักเงินตราทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้พันธมิตรของสำนักเงินตราเดินทางมาถึงที่นี่เร็วเกินไป ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงเสียเวลาสู้รบแบบไม่ได้พักแน่นอน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็ตามไปไล่แก้พิกัดตำแหน่งของประตูเคลื่อนย้ายจนครบ จากนั้นเขาพูดกับมี่ตั้วตั้วว่า “ท่านพ่อตา รบกวนท่านเดินทางกลับไปที่อาณาจักรจันทราเพื่อบอกกับยี่เทียน ให้เขาส่งคนของเขามาที่นี่เพื่อขนย้ายสมบัติที”
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงยกเลิกเขตแดนประกาศิต เพื่อทำให้ทุกคนสามารถใช้แหวนมิติของตัวเองได้เหมือนเดิม
จากนั้นหลิงตู้ฉิงตะโกนบอกกับทุกคนว่า “ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนสามารถแยกย้ายกันไปเก็บสมบัติได้แล้วตามผลงานที่พวกเจ้าได้ทำเอาไว้ พวกเจ้าน่าจะรู้ตัวเองดีว่าจากผลงามที่พวกเจ้าทำลงไปพวกเจ้าควรจะเก็บสมบัติไปได้เท่าไหร่ ข้าคงไม่ต้องเตือนว่าหากพวกเจ้าโลภมากเกินไปมันจะมีผลต่ออนาคตของพวกเจ้ายังไง”
คนอื่น ๆ ต่างพยักหน้าอย่างเข้าใจ เนื่องจากพวกเขาทุกคนต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าพลังแห่งกรรมนั้นมันมีผลอย่างไรต่อชีวิตของพวกเขาบ้าง
เย่เจียงไห่หัวเราะ “น้องเขย เตาหลอมมหาวายุแปดทิศนี้ข้าจะคืนให้เจ้าตามที่ตกลงไว้ ส่วนเรื่องส่วนแบ่งข้าคงจะขอเลือกแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์สัก 30 ชิ้น ซึ่งมันน่าจะเพียงพอทำให้เหล่าศิษย์ของข้าสามารถปกป้องตัวเองได้หลังจากที่ข้าขึ้นไปอยู่บนโลกเบื้องบน!”
อันที่จริงสิ่งที่เย่เจียงไห่ต้องการก็คือตาชั่ง ซึ่งมีอำนาจเท่ากับ 1 ใน 10 ส่วนของอาวุธเต๋า และเป็นของที่ล้ำค่าที่สุดในสำนักเงินตรา
แต่เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถเลือกมันได้
เหตุผลข้อแรกก็คือผลงานที่เขาทำมันไม่เพียงพอที่จะได้รับมัน
เหตุผลข้อที่สองก็คือเต๋าที่เขาบ่มเพาะมันเป็นธาตุไฟ ซึ่งตาชั่งอันนี้มันคืออาวุธสำหรับเต๋าแห่งเงินตรา ดังนั้นต่อให้เขาได้ไปเขาก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังของมันได้อยู่ดี
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “อืม ส่งเตาหลอมมหาวายุแปดทิศมาให้ข้าได้เลย และอีกอย่าง หลังจากที่เจ้าจัดการธุระของเจ้าเสร็จหมดแล้วเจ้าจงมาหาข้าที่อาณาจักรจันทราด้วย เจ้ากับข้ายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกรอบเกี่ยวกับอนาคตของเจ้า”
“เข้าใจแล้ว!” เย่เจียงไห่พยักหน้า
ในตอนนี้เย่เจียงไห่เชื่อแล้วว่าหลิงตู้ฉิงน่าจะสามารถทำให้ชีวิตนี้ของเขาก้าวข้ามชีวิตก่อนได้แน่นอน เพราะสิ่งที่หลิงตู้ฉิงเพิ่งทำลงไปนั้นต่อให้เป็นตัวเขาเองเมื่อชีวิตก่อนก็คงทำไม่ได้
กวนหลิงอู่เดินยิ้มร่าเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงเช่นกัน และพูดว่า “นายท่าน ข้าขอขอบคุณจริง ๆ ที่ท่านให้เกียรติชวนข้ามาในวันนี้ สำหรับส่วนแบ่งข้าอยากถามความเห็นท่านก่อนว่า อาวุธศักดิ์สิทธิ์ 15 ชิ้น เหรียญผลึกจักรพรรดิ 30 ล้านเหรียญ อาวุธระดับจักรพรรดิ 1,000 และอาวุธระดับสวรรค์อีก 100,000 ชิ้น จำนวนเท่านี้เหมาะสมหรือไม่ที่ข้าจะนำไป หรือว่าข้าต้องปรับลดอะไรอีก?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ด้วยผลงานของเจ้าเจ้าจงเลือกอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ไปอีก… ไม่สิเดี๋ยวข้าจะมอบหมัดดาราอัสนีสวรรค์ให้เจ้าจะดีกว่า!”
“ขอบคุณนายท่าน!” กวนหลิงอู่โค้งคำนับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าเบิกบาน จากนั้นเขาเดินออกไปเลือกสมบัติมาใส่ในแหวนมิติของเขาเอง
ในเวลาเดียวกัน ซวนหยวนเบนสายตามองไปยังทิศทางที่ม่านพลังป้องกันของอาณาเขตเงินตราที่ถูกเจาะ และพูดว่า “พวกเสี่ยงโชคเริ่มเข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว!”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา ไม่ว่าสิ่งใดที่พวกเขาเอากลับไปได้มันถือว่าเป็นวาสนาของพวกเขา พวกเราไม่ควรไปก้าวก่าย แต่พวกเขาเองก็โทษใครไม่ได้หากความโลภที่มากเกินพอดีมันทำให้พวกเขาตาย!”
ในเวลานี้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตรอบ ๆ เริ่มได้ข่าวแล้วว่าอาณาเขตเงินตราโดนโจมตีจนย่อยยับ ซึ่งแน่นอนว่าข่าวนี้มันย่อมทำให้ใครหลายคนที่ถูกความโลภเข้าครอบงำตัดสินใจแอบเข้ามาเสี่ยงโชคหาสมบัติติดไม้ติดมือกลับไป
พวกเขาจะกล้าเข้ามาหยิบสมบัติที่หล่นเกลื่อนพื้นอย่างผ่าเผยได้ยังไง? สมบัติเหล่านี้หากพูดกันตามเหตุผลแล้วในเวลานี้มันได้กลายเป็นทรัพย์สมบัติของกลุ่มคนที่บุกโจมตีอาณาเขตเงินตราได้สำเร็จ และไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่สามารถทำลายล้างอาณาเขตเงินตราได้แบบนี้ สิ่งหนึ่งที่เดาได้แน่นอนคือจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เหนือกว่าพวกเขาแน่นอน
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิผู้หนึ่งที่เข้ามาเสี่ยงโชคเช่นกัน และด้วยความสงสัยเขาจึงลองบินลึกเข้ามาถึงใจกลางอาณาเขตเงินตรา ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อบินมาถึงเขาก็ได้พบกับกลุ่มของหลิงตู้ฉิงที่กำลังจัดการแบ่งสมบัติกันอยู่ ซึ่งภาพเช่นนี้มันทำให้เขากลัวจนแทบจะหยุดหายใจเพราะเขารู้ดีว่าการที่เขาบังอาจเข้ามาปล้นสินสงครามแบบนี้หากเป็นตามปกติแล้วโทษที่เขาจะได้รับคือตายสถานเดียว!
แน่นอนว่าเขารีบหันหลังกลับและบินหนีไปแบบไม่คิดชีวิตทันที ซึ่งถึงแม้ในใจจะรู้ว่าถ้าหากกลุ่มของหลิงตู้ฉิงเอาเรื่องขึ้นมาเขาก็คงไม่อาจหนีรอดได้ก็ตาม
อย่างไรก็ตามโชคดีที่หลิงตู้ฉิง และคนอื่น ๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเขาเลย
หลังจากที่มี่ตั้วตั้วกลับไปแจ้งข่าวหลิงยี่เทียน คนแรกที่เดินทางผ่านประตูเคลื่อนย้ายมาก็คือหลิงฟ่างหัว และเมื่อนางเห็นสมบัติที่หล่นเกลื่อนพื้นนางก็อดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นว่า “นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย! ข้าคิดมาตลอดว่าอาณาจักรจันทราของข้ารวยมากแล้วนะ แต่ที่นี่มันรวยสุดยอดจนทำให้อาณาจักรของข้าดูจนไปเลย!”
หวงซีถอนหายใจ “ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ๆ หากเอามาเทียบกับอาณาเขตเงินตรามันก็ดูจนหมดนั่นล่ะ! ฟ่างหัว ทำไมคนอื่น ๆ ยังไม่เดินทางมาอีก?”
“น้องหกกำลังตามมาเดี๋ยวนี้แหละท่านแม่หวงซี!” หลิงฟ่างหัวตอบกลับพลางพุ่งตัวไปหยิบอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ดูงดงามชิ้นหนึ่งขึ้นมาถือไว้
หลังจากนั้นแทบจะในทันที ประตูเคลื่อนย้ายก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งและคราวนี้เป็นหลิงยี่เทียนกับกองทหารขนาดใหญ่ของเขาที่ปรากฏกายออกมาจากประตูเคลื่อนย้าย
และก็เช่นกันเหมือนกับหลิงฟ่างหัว สีหน้าของหลิงยี่เทียนและเหล่าทหารต่างตกตะลึงไปกับภาพของสมบัติที่หล่นเกลื่อนเต็มพื้น
หลังจากนั้นหลิงยี่เทียนก็สั่งให้บรรดาทหารทยอยขนสมบัติต่าง ๆ กลับไปที่อาณาจักรจันทราผ่านประตูเคลื่อนย้ายทันที ปล่อยให้ หลิงตู้ฉิง ซวนหยวนตู่ และเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดทั้งหลายคอยป้องกันอาณาเขตเงินตราให้ในระหว่างที่ยังขนสมบัติไม่เสร็จ
จากนั้นไม่นานนักในเวลาที่พวกเขากำลังขนสมบัติกัน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดหลายคนก็ปราฏกายขึ้นบนท้องฟ้าเหนือกลุ่มของหลิงตู้ฉิง และแน่นอนว่าสายตาของพวกเขาต่างเปล่งประกายเต็มไปด้วยความโลภเมื่อเห็นสมบัติที่หล่นเกลื่อนเต็มพื้น
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดที่เพิ่งมาถึงตะโกนขึ้นถามกลุ่มของหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าจริงจังทันที “พวกท่านกับสำนักเงินตรามีความแค้นอะไรกัน ทำไมพวกท่านถึงต้องสังหารคนมากมายถึงขนาดนี้ด้วย?”
หลิงตู้ฉิงแหงนมองขึ้นไปหากลุ่มคนที่ตั้งคำถามกับเขา และถามกลับว่า “ทำไม? หอการค้าเชื่อมสวรรค์อยากมีปัญหากับข้างั้นเหรอ?”