พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 902 แบ่งสมบัติ
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงเรียกให้กลุ่มคนของหอการค้าเชื่อมสวรรค์เข้ามาและพูดขึ้นว่า “ข้าไม่มีความแค้นอะไรกับพวกเจ้ามากสักเท่าไหร่ อันที่จริงข้าออกจะชอบทำการค้ากับพวกเจ้าด้วยซ้ำ แต่ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเองนั้นมีความสัมพันธ์กับสำนักเงินตราพอสมควรโดยเฉพาะเทพแห่งความมั่ง 9 ใน 10 ส่วนนั้นคือคนของสำนักเงินตรา ดังนั้นข้าไม่มีปัญหาหากพวกเจ้าจะต้องการล้างแค้นข้า”
“แต่สิ่งที่ข้าจะไม่ยอมรับเด็ดขาดก็คือหากพวกเจ้าเอาความแค้นที่มีต่อข้าไปลงกับเหล่าผู้คนรอบกายของข้าแทนในตอนที่ข้าจากไปแล้ว ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็จงภาวนากันเอาไว้ให้ดี ๆ เพราะเมื่อไหร่ที่ข้าอาจจะบังเอิญกลับมา ข้าบอกเอาไว้เลยว่าข้าจะทำให้ชะตากรรมของพวกเจ้าไม่ต่างอะไรกับสำนักเงินตราแน่นอน!”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญของหอการค้าเชื่อมสวรรค์รีบตอบกลับทันที “ผู้อาวุโสท่านคิดมากไปแล้วพวกเราไม่กล้าทำอะไรเช่นนั้นแน่นอน!”
“คิดได้แบบนี้ก็ดี!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เอาล่ะตอนนี้ข้าหมดเรื่องที่นี่แล้ว พวกเจ้าก็จัดการเก็บกวาดที่นี่ให้ดีก็แล้วกัน บรรดาศพที่ยังเหลืออยู่อีกนิดหน่อยพวกเจ้าจำเป็นต้องจัดการให้ดี ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นปัญหาในอนาคต ข้าไปก่อนล่ะ!”
“น้อมส่งท่านผู้อาวุโส!” บรรดาผู้คนของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ต่างโค้งตัวคารวะด้วยท่าทีเคารพ
เมื่อเห็นท่าทีที่เคารพอย่างแท้จริงของเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ ก่อนจากไปหลิงตู้ฉิงจึงอดไม่ได้ที่จะพูดทิ้งท้ายว่า “อีก 10 ปีพวกเจ้าจงมาที่อาณาจักรจันทราเพื่อเป็นประจักษ์พยานส่งผู้ที่จะขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนคนแรกของยุคนี้”
ในเวลา 10 ปี เย่เจียงไห่ควรจะเสร็จธุระของเขาต่อตำหนักของเขาแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นเย่เจียงไห่จะต้องขึ้นไปสู่โลกเบื้องบน
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่เชิญพวกเรา!” กลุ่มผู้เชี่ยวขอบเขตมหาจักรพรรดิของหอการค้าเชื่อมสวรรค์โค้งตัวคารวะอีกครั้ง
การได้เป็นพยานมองดูคนแรกที่สามารถขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนได้นั้นนับว่าเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่พวกเขาจะรู้สึกซาบซึ้งในโอกาสที่หลิงตู้ฉิงมอบให้เช่นนี้
หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็นำคนของเขาทุกคนเดินเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายเพื่อเดินทางกลับไปที่อาณาจักรจันทรา
พื้นที่ราบบริเวณใจกลางอาณาจักรจันทราตอนนี้ถูกทำให้กลายเป็นลานกว้างขนาดยักษ์ ซึ่งทั่วพื้นที่มีแหวนมิติมากมายมหาศาลกองสุมสูงพอ ๆ กับภูเขา
ในแหวนมิติเหล่านี้ต่างบรรจุทรัพย์สมบัติเอาไว้มากมายอยู่ด้านใน ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ วัสดุ เหรียญผลึก หรือก้อนผลึกวิญญาณ แต่สิ่งที่เด่นมากที่สุดก็คือตาชั่งครึ่งเต๋าที่วางอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักเงินตรา
หลิงตู้ฉิงหันไปมองมี่ตั้วตั้ว ซึ่งกำลังดูกองสมบัติอยู่ “ท่านพ่อตา ตาชั่งสวรรค์นั่นข้าขอมอบให้ท่านรวมไปถึงอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ 10 ชิ้น อาวุธระดับจักรพรรดิอีก 1,000 ชิ้น และเหรียญผลึกจักรพรรดิอีก 100 ล้านเหรียญ”
“แต่ว่าข้าต้องขอเตือนท่านเอาไว้ก่อน ตาชั่งสวรรค์อันนี้ท่านควรจะใช้มันเพื่อศึกษาเต๋าแห่งเงินตราเพียงอย่างเดียว ท่านไม่ควรจะใช้มันเป็นอาวุธประจำกายของท่านเอง ไม่เช่นนั้นท่านจะถูกมันครอบงำ ซึ่งมันจะทำให้ท่านกลายเป็นแบบผู้คนของสำนักเงินตราที่ตกเป็นทาสของเงิน”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็หันไปหาซวนหยวน และพูดว่า “สำนักเต๋าสวรรค์ของเจ้า ข้าจะแบ่งอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ให้ 20 ชิ้น อาวุธระดับจักรพรรดิอีก 2,000 ชิ้น เหรียญผลึกจักรพรรดิอีก 100 ล้านเหรียญ และก้อนผลึกวิญญาณ 1,000 ชิ้น”
ซวนหยวนยิ้มอย่างขมขื่นและแย้งขึ้นว่า “เห็นแก่ว่านถิง ท่านแบ่งอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ให้ข้าอีกสัก 10 ชิ้นไม่ได้เหรอ?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “นี่มันมากที่สุดที่ข้าจะแบ่งให้เจ้าได้แล้ว หากข้าให้เพิ่มมากกว่านี้มันจะกลายเป็นผลเสียต่อสำนักของเจ้าเองในอนาคต”
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงไม่สนใจซวนหยวนอีกต่อไป เขาหันไปพูดกับซวนหยวนตู่ว่า “เผ่าภูตดินของเจ้าตกต่ำมานานจนแทบจะสูญพันธ์ด้วยซ้ำ ดังนั้นตอนนี้มันถึงเวลาที่พวกเจ้าจะเฟื่องฟูแล้ว ในเมื่อพวกเจ้ามีภูตดินขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด 47 ตน ข้าเองก็จะมอบอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเจ้า 47 ชิ้นเช่นกัน”
“นอกเหนือจากนั้นข้าจะมอบอาวุธระดับจักรพรรดิให้ตามจำนวนสมาชิกที่เจ้ามีอยู่ในเผ่าตอนนี้ รวมไปถึงเหรียญผลึกจักรพรรดิอีก 100 ล้านเหรียญ และก้อนผลึกวิญญาณอีก 100 ก้อน”
ซวนหยวนตู่รีบคุกเข่าคารวะทันที “ขอบคุณองค์เหนือหัว!”
ถึงแม้ว่าเผ่าภูตดินจะได้รับส่วนแบ่งมากขนาดนี้ คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะพวกเขาเห็นว่าเผ่าภูตดินนั้นพาคนมาด้วยถึง 20 คน ซึ่งนับได้ว่ามากที่สุดจากกองกำลังเดียว
จากนั้นหลิงตู้ฉิงหันไปหาเย่ชางคง และมองอยู่สักพักก่อนที่จะถอนหายใจ และพูดว่า “ข้าจะให้อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์กับท่าน 10 ชิ้น เหรียญผลึกจักรพรรดิ 100 ล้านเหรียญส่วนอาวุธระดับจักรพรรดิข้าคิดว่าสำนักของท่านคงไม่ขาดพวกมันอยู่แล้ว ดังนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องให้ท่านเพิ่ม”
เย่ชางคงและมู่หลงหยานต่างพยักหน้า และตอบกลับ “อืม ก็เอาตามที่เจ้าว่าก็แล้วกัน งั้นข้าขอไปเลือกสมบัติก่อน แล้วจากนั้นพวกข้าคงต้องขอตัวกลับเลยเพราะข้าไม่ได้บอกใครในสำนักว่าข้าจะไปไหน ข้าต้องรีบกลับไปดูแลความเรียบร้อยก่อน”
พวกเขาไม่ได้สร้างผลงานอะไรมากสักเท่าไหร่ ดังนั้นพวกเขาจึงพอใจแล้วกับรางวัลที่ได้รับมาถึงแม้ว่ามันจะน้อยกว่าคนอื่น ๆ ก็ตาม
หลังจากเย่ชางคงและมู่หลงหยานจากไป หวงซีและคนของภูเขาฟีนิกซ์ก็เดินยิ้มร่าเข้ามาหา
“ท่านห้ามแบ่งให้ข้าน้อยกว่าคนอื่นเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นท่านต้องอย่าลืมว่าท่านยังไม่ได้ให้สินสอดกับข้า ดังนั้นท่านต้องบวกมันเข้าไปด้วย!” หวงซีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
เฟิงปิงหัวเราะและพูดขึ้นเสริมเช่นกันว่า “องค์เหนือหัว ท่านอย่าลืมว่าตอนนี้ลูกสาวของท่านได้กลายเป็นผู้นำของภูเขาฟีนิกซ์แล้ว ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลว่าท่านจะให้พวกเรามากเกินไป เพราะการที่ท่านให้พวกเรามันก็เหมือนกับท่านให้สมบัติกับลูกของท่านเองนั่นล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ก่อนหน้านี้เฟิงปิงเกรงกลัวหลิงตู้ฉิงอย่างสุดหัวใจ แต่เมื่อเขาได้มีปฏิสัมพันธ์กับหลิงตู้ฉิงนานเข้า เขาก็ได้รู้ว่าหลิงตู้ฉิงไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีความกล้าที่จะพูดหยอกล้อด้วยมากขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มพร้อมกับพยักหน้าและพูดว่า “อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์และระดับจักรพรรดิที่เป็นธาตุแสงหรือมีอำนาจในการทำลายวิญญาณร้ายทั้งหมด ข้าจะมอบให้กับภูเขาฟีนิกซ์! ส่วนเหรียญผลึกจักรพรรดินั้นข้าจะมอบให้ 1,000 ล้านเหรียญ และอีกอย่าง หวงซี เจ้าจงรับอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดชิ้นนี้ไป อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้มีอำนาจของยมโลกแฝงอยู่ และระดับของมันยังสามารถพัฒนาต่อได้ เจ้าจงเก็บมันไว้ใช้กับตัวเองคนเดียวไม่ต้องนับมันรวมกับสมบัติของภูเขาฟีนิกซ์”
หวงซีพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าเข้าใจแล้ว!”
เหตุผลที่หลิงตู้ฉิงมอบสมบัติให้กับภูเขาฟีนิกซ์มากมายขนาดนี้เป็นเพราะเขาต้องการให้ภูเขาฟีนิกซ์มีความพร้อมมากที่สุดเพื่อจัดการกับแดนกระดูกขาว
หากมองจะมุมของคนภายนอกมันอาจจะดูว่าส่วนแบ่งที่ภูเขาฟีนิกซ์ได้รับมากเกินไป แต่สิ่งที่คนอื่น ๆ ไม่รู้ก็คือในอนาคตภูเขาฟีนิกซ์คือฝั่งที่จะต้องเสียหายมากที่สุดเพราะแดนกระดูกขาว ดังนั้นรางวัลที่พวกเขาได้รับตอนนี้มันจึงสมเหตุสมผลแล้ว
หวงซีสั่งให้เฟิงปิงและคนอื่น ๆ ไปเลือกสมบัติทันที จากนั้นนางหันมาถามหลิงตู้ฉิงต่อว่า “พวกเราเหลือเวลาอีกเท่าไหร่?”
หลิงตู้ฉิงคำนวณอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงตอบกลับ “ราว 500 ปี!”
“กระชั้นชิดจริง ๆ” หวงซีถอนหายใจ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “หากพวกเราไม่แก้ไขให้เสร็จทันเวลา แดนกระดูกขาวจะถูกแดนยมโลกเข้าครอบครอง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ภูเขาฟีนิกซ์จะยิ่งเป็นสถานที่ที่อันตรายมากยิ่งขึ้น”
“ถ้างั้นข้ารีบกลับไปเตรียมตัวก่อนก็แล้วกัน!” หวงซีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
“อืม” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เจ้าไปเถอะ ข้ารับประกันว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยทันเวลา”
ในท้ายที่สุดอาวุธที่ภูเขาฟีนิกซ์เลือกไปก็มีอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์มากกว่า 100 ชิ้น และอาวุธระดับจักรพรรดิอีกมากกว่า 20,000 ชิ้น ซึ่งแน่นอนว่าทุกชิ้นนั้นมีพลังธาตุแสงสถิตอยู่หรือไม่ก็มีอำนาจในการทำลายวิญญาณร้าย
จากนั้นหลิงตู้ฉิงหันไปหามู่หยุนชาน จักรพรรดินีเผ่าภูตนางฟ้า หมิงยู่กับคนที่เหลือและพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าทั้งหมด ข้าจะแบ่งอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเจ้าฝ่ายละ 20 ชิ้น อาวุธระดับจักรพรรดิอีก 1,000 ชิ้น และเหรียญผลึกจักรพรรดิอีกฝ่ายละ 100 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ หยุนชาน หมิงยู่ สำนักของพวกเจ้าทั้งสองยังไม่มีประตูเคลื่อนย้าย หลังจากนี้ข้าจะส่งคนไปติดตั้งให้พวกเจ้าเพื่อเป็นรางวัลเพิ่มเติม”
“ขอบคุณท่านลุง!” มู่หยุนชานหัวเราะ
“ขอบคุณนายท่าน!” จักรพรรดินีเผ่าภูตนางฟ้าหัวเราะ
“ขอบคุณนายท่าน!” หมิงยู่หัวเราะ
จากนั้นหลิงตู้ฉิงหันไปหาอุลบาและตงฟางจุน ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ และจากนั้นเขาก็ยื่นสนับมือและกระบี่ระดับศักดิ์สิทธิ์ให้ทั้งคู่ และพูดว่า “พวกเจ้าทั้งคู่จงเอาไปใช้ให้ดี!”
ต่อมาหลิงตู้ฉิงก็เริ่มแจกจ่ายอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่เหมาะสมและเหรียญผลึกจักรพรรดิให้กับคนในครอบครัวและผู้ติดตามของเขาจนครบ จากนั้นสมบัติที่เหลือเขาจึงมอบให้กับหลิงยี่เทียนเก็บไว้เพื่อพัฒนาอาณาจักรต่อไป