พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 913 พระพุทธองค์
หลิงตู้ฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังเมื่อเขาเห็นว่าในท้ายที่สุดเขาก็ได้พบกับอาณาเขตที่เขากำลังตามหา! อาณาเขตที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมาย!
เขารีบปลุกโจวจื่อซินที่กำลังหลับอยู่ทันที “ซิน เจ้าตื่นได้แล้ว!”
“หืม? จบแล้วเหรอสามี?” โจวจื่อซินถามขึ้นด้วยอาการงัวเงีย
“ยัง ยังไม่จบหรอก!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
“ว่าแต่ที่นี่มันที่ไหนกัน?” โจวจื่อซินถามขึ้นพลางมองไปรอบ ๆ กายด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
สิ่งที่นางเห็นในตอนนี้ก็คือสิ่งมีชีวิตทั้งหลายกำลังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขกลางทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา
แต่ถึงแม้ว่าเหล่าสิ่งมีชีวิตจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข แต่ในสายตาของโจวจื่อซินมันดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เพราะมนุษย์ทั้งชายและหญิงต่างแก้ผ้าล่อนจ้อนเดินไปมาด้วยสีหน้าปกติราวกับว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงและโจวจื่อซิน หญิงสาวคนหนึ่งจู่ ๆ ก็วิ่งมาหาและถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “ทำไมพวกท่านสองคนดูไม่เหมือนพวกเราเลย?”
โจวจื่อซินมองไปที่หญิงสาวที่เพิ่งวิ่งเข้ามาถามด้วยสีหน้าแปลกประหลาด และถามกลับว่า “นี่เจ้าไม่อายบ้างเหรอ?”
“อาย? อะไรคืออาย?” หญิงสาวถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “แล้วทำไมข้าต้องอาย?”
โจวจื่อซินขมวดคิ้วแน่นพลางมองไปที่หลิงตู้ฉิง และถามว่า “สามี ที่นี่มันยังไงกันแน่?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าปกติว่า “ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังมีชีวิต แต่อารมณ์ ความรู้สึก ความปรารถนาของพวกเขานั้นถูกตัดออกไปแทบทั้งหมดโดยตัวของพวกเขาเอง พวกเขาแทนที่ความรู้สึกเหล่านั้นด้วยหลักการแห่งพุทธศาสนาเพียงอย่างเดียว ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าหญิงสาวผู้นี้จะดูอ่อนเยาว์ แต่จริง ๆ แล้วอายุของนางน่าจะมากกว่าเจ้าหลายเท่านัก!”
มีแต่หลิงตู้ฉิงเพียงผู้เดียวที่มองออกว่าร่างของคนเหล่านี้เหมือนถูกกาลเวลาหยุดไว้มานานจนไม่อาจนับได้
หรือถ้าจะให้สรุปง่าย ๆ ก็คือคนเหล่านี้ไม่มีวันตาย ไม่มีวันหิว และไม่มีความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนว่าคนเหล่านี้ไม่รู้สึกว่าการเป็นเช่นนี้มันแปลกตรงไหน
พวกเขาเชื่อว่าในตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในดินแดนสุขาวดีตามคำสอนที่ถูกบิดเบือนโดยศาสดาที่ตั้งตนขึ้นมาเองว่าพวกเขาจะไม่มีวันตายถ้าหากอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งผลลัพธ์มันก็เป็นเช่นนั้นจริงจนมันทำให้พวกเขาเชื่ออย่างสุดใจถึงว่าคำสอนที่ถูกบิดเบือนนี้มันคือหลักธรรมของจริงที่ถูกต้อง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวจื่อซินก็ยิ่งแสดงสีหน้าแปลกประหลาดมากขึ้นกว่าเดิม “พุทธศาสนามันไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “นี่คือความน่ากลัวของภูมิภาคอี้ซาง! และอีกเหตุผลหนึ่งที่ข้าพาเจ้ามาที่นี่นอกเหนือจากการเพิ่มระดับดอกบัวเพลิงพิพากษาแล้ว นั้นก็คือข้าต้องการให้เจ้าฆ่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ให้หมด เพื่อที่ข้าจะได้ประหยัดพลังเอาไว้จัดการกับตัวการที่สร้างหายนะทั้งหมดนี้!”
“ให้ข้าฆ่าพวกเขาหมดเลยงั้นเหรอ?” โจวจื่อซินถามย้อนด้วยสีหน้าประหม่า
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในที่แห่งนี้ทั้งหมดควรจะตายไปตั้งนานแล้วแต่พวกเขากลับถูกใครบางคนใช้ช่องโหว่ของกฎสวรรค์และโลกรั้งชีวิตพวกเขาเอาไว้ไม่ให้เข้าสู่กระบวนการสังสารวัฏ ซึ่งเมื่อมันไม่ผิดต่อกฎ สวรรค์จึงทำอะไรไม่ได้เช่นกั นแต่ถ้าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้นานต่อไปเรื่อย ๆ สักวันเต๋าสวรรค์จะพังพินาศและผลที่ตามก็คือทั้งโลกและสวรรค์จะถึงกาลอวสาน ดังนั้นการฆ่าพวกเขาทั้งหมดจึงถือว่าเป็นตัวเลือกที่สมควร แต่เจ้าอย่าคิดว่าการฆ่าพวกเขามันจะง่ายนัก เพราะพวกเขาทั้งหมดต่างถูกดูแลโดยผู้ที่เหนี่ยวรั้งพวกเขาเอาไว้อยู่!”
“ถ้าอย่างนั้นข้าเริ่มเลยก็แล้วกัน!” โจวจื่อซินพยักหน้า
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ลงมือได้เลย! ครั้งนี้ระดับการบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งโดยที่เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลกับทัณฑ์สวรรค์ แถมสวรรค์และโลกยังจะมอบรางวัลที่เจ้าได้สร้างคุณประโยชน์ให้อีกต่างหาก!”
“อืม!” โจวจื่อซินพยักหน้า จากนั้นนางหยดเลือดของนางลงไปที่เมล็ดดอกบัวปีศาจกระหายโลหิต และปลดปล่อยดอกบัวให้แพร่กระจายออกไปหาเหล่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบ ๆ ทันที
ดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม มันดูดเลือดเป้าหมายและแพร่กระจายจำนวนออกไปเรื่อย ๆ ด้วยความรวดเร็วอันน่าอัศจรรย์
แค่เพียงพริบตาเท่านั้นจำนวนของสิ่งมีชีวิตที่เหล่าดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตสังหารไปพุ่งขึ้นถึง 1 ล้านชีวิต
ปัง!!!
เมื่อคร่าชีวิตครบ 1 ล้าน ดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตก็แตกตัวออกเพิ่มจำนวนขึ้นอีกหลายเท่าตัวและมันยิ่งฆ่าอย่างบ้าคลั่งมากขึ้น ซึ่งถ้ายังรักษาระดับการฆ่าเช่นนี้ต่อไปในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วยามดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตจะต้องสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งอาณาเขตนี้ได้หมดแน่นอน
แต่แล้วเมื่อดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตยิ่งสังหารชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ เมล็ดของมันที่อยู่ในมือโจวจื่อซินก็เริ่มเปล่งแสงสีแดงเข้มขึ้นและร้อนขึ้น จากนั้นมันก็เริ่มจะปลดปล่อยกลิ่นอายอันดุร้ายออกมาใส่โจวจื่อซิน
“สามี มันกำลังพยายามหลุดจากการควบคุมของข้า!” โจวจื่อซินรีบตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่ดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยขึ้นว่า “อย่าลืมว่าถ้าข้าสามารถทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้ ข้าก็สามารถทำลายเจ้าได้เหมือนกัน ดังนั้นเจ้าจงเชื่อฟังภรรยาข้าแต่โดยดีไม่เช่นนั้นเจ้าได้เจอดีแน่!”
แต่แล้วเมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบจู่ ๆ ท้องฟ้าก็กลายเป็นมืดครึ้มลงในชั่วพริบตาพร้อมกับเสียงฟ้าร้องและสายฟ้าก็เริ่มสาดซัดลงมาใส่เหล่าดอกบัวปีศาจกระหายโลหิต
“ทัณฑ์สวรรค์!” โจวจื่อซินอุทานขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “สามี! ทัณฑ์สวรรค์กำลังมาแล้ว จงออกห่างไปจากตัวข้าเดี๋ยวนี้ไม่งั้นท่านจะเดือดร้อนไปด้วย!”
เมื่อเผชิญกับปรากฏการณ์ทัณฑ์สวรรค์ ดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตก็หยุดการฆ่าล้างของมันเช่นกันตามสัญชาตญาณที่หวาดกลัวภัยพิบัติที่อยู่เหนือกว่าตัวของมัน
หลิงตู้ฉิงแหงนมองข้าไปบนฟ้า จากนั้นเขายิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกลัว ข้าจะคอยปกป้องเจ้าเอง ในตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าจงรีบดูดซับพลังวิญญาณทั้งหมดที่มีอยู่ในดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตเข้ามาในร่างของเจ้าให้หมดให้เร็วที่สุด ไม่งั้นพวกมันจะถูกสูบกลับไป!”
นี่มันใช่ทัณฑ์สวรรค์ซะที่ไหน? หลิงตู้ฉิงรู้เป็นอย่างดีว่านี่คือการตื่นขึ้นของเจตจำนงของภูมิภาคอี้ซางที่เขากำลังตามหา
ส่วนเหตุผลที่มันตื่นก็เป็นเพราะมันสัมผัสได้ว่าสิ่งมีชีวิตในดินแดนของมันที่มันเลี้ยงดูเอาไว้กำลังถูกทำลาย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้มันโมโหแทบคลั่ง
โจวจื่อซินตัวสั่นด้วยความกลัว แต่นางก็ยังพยายามดูดซับพลังวิญญาณจากดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตเข้ามาในร่างของนางเองด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่นางจะทำได้ ซึ่งมันส่งผลให้ระดับการบ่มเพาะของนางทะลวงขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างบ้าคลั่งจากระดับนักบุญกลายเป็นระดับรู้แจ้ง จากนั้นกลายเป็นระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาขึ้นไปอยู่ที่ระดับนภาคราม และสุดท้ายก็ทะลวงขึ้นไปอยู่ที่ระดับสวรรค์สมบูรณ์…
ผลลัพธ์จากการเข่นฆ่าครั้งนี้ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอาณาเขตแห่งนี้ทั้งหมดถูกสังหารไปมากกว่า 500 ล้านชีวิต
จู่ ๆ เมฆสีดำบนท้องฟ้าก็ก่อตัวเป็นรูปหน้ามนุษย์ขนาดยักษ์ ซึ่งมันจ้องมองมาที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าเดือดดาลและตวาดขึ้นว่า “เจ้าสังหารสิ่งมีชีวิตของข้าไปมากมาย เจ้าอยากตายนักรึไง!?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “มุขหลอกเด็กของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก! ข้ารู้ดีว่าตอนนี้พลังของเจ้าไม่ได้มีมากมายอะไรนัก แถมตอนนี้เจ้ามันเป็นแค่เจตจำนง ซึ่งสำหรับข้าแล้วสิ่งที่ข้ากลัวน้อยที่สุดก็คือเจตจำนงแบบเจ้า!”
“เจ้ารู้ไหมว่าการกระทำของเจ้าตอนนี้มันเป็นการขัดขวางแผนการของข้าที่วางเอาไว้มานานนับล้านปี?” เสียงดังกระหึ่มดังขึ้นจากบนท้องฟ้า
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “วิถีที่เจ้าเลือกเดินมันผิด ไม่ว่าเจ้าจะใช้เวลาวางแผนยาวนานสักแค่ไหนเจ้าก็ไม่สามารถพิสูจน์เต๋าของเจ้าได้สำเร็จหรอก แถมผลลัพธ์จากการกระทำของเจ้ามันจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงมากยิ่งกว่าไอ้เทพบรรพกาลที่เป็นต้นเหตุทำให้เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับบังเกิดขึ้นซะอีก และถึงแม้ว่าโลกนี้จะอดทนกับการกระทำของเจ้าได้ แต่เต๋าสวรรค์จะไม่มีวันยอมรับแน่นอน หากเจ้ายอมถอยซะโดยดีตั้งแต่ตอนนี้ เจ้าอาจจะได้พบกับหนทางใหม่ในอนาคต!”