พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 918 ศิษย์ของเจ้าแห่งพรตเต๋า
หลังจากส่งผู้เชี่ยวชาญของสำนักเต๋าสวรรค์กลับไป หลิงยี่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบน?
นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้น?
ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้มองจากผิวเผินจะดูเหมือนสำนักเต๋าสวรรค์ส่งคนมาช่วยเขารบ แต่แท้จริงแล้วสำนักเต๋าสวรรค์มีจุดมุ่งหมายเพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากรที่ได้จากการรบต่างหาก
ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนนั่นไม่เข้าใจเรื่องนี้รึไง?
หลิงยี่เทียนครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาส่งคนไปตามหลิงฟ่างหัวมาและพูดกับหลิงฟ่างหัวว่า “พี่ห้า ท่านช่วยนำข่าวนี้ไปบอกกับพี่สองที บอกพี่สองว่าตอนนี้ที่สำนักเต๋าสวรรค์มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และมีคำสั่งมาให้นางพาผู้ติดตามทั้งหมดกลับไปที่สำนัก”
หลิงฟ่างหัวถามกลับด้วยสีหน้างุนงง “มีอะไรเกิดขึ้นกับสำนักเต๋าสวรรค์?”
“ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของสำนักเต๋าสวรรค์ จู่ ๆ ก็ลงมาปรากฏกายที่โลกเบื้องล่างและต้องการจัดระเบียบของสำนักเต๋าสวรรค์ใหม่ ซึ่งเขาต้องการให้พี่สองกลับไปเพื่อรับทราบคำสั่งนี้” หลิงยี่เทียนตอบกลับ
“อืม ถ้างั้นข้าจะรีบไปบอกพี่สองเดี๋ยวนี้!” หลิงฟ่างหัวพยักหน้า จากนั้นเดินทางผ่านมิติไปปรากฏกายตรงหน้าหลิงว่านถิงทันที
สาเหตุที่นางสามารถไปปรากฏกายตรงหน้าหลิงว่านถิงได้ในทันที เป็นเพราะหลิงตู้ฉิงได้ประทับอักขระบอกตำแหน่งบนร่างของทุกคนในครอบครัวไว้ ซึ่งมันทำให้หลิงฟ่างหัวสามารถหาตำแหน่งสมาชิกในครอบครัวทุกคนได้ทันทีหากนางต้องการ
แน่นอนว่าอักขระบอกตำแหน่งนี้มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่สามารถหาตำแหน่งคนอื่น ๆ ได้ แต่ก็ต้องอยู่ในระยะที่เหมาะสมเช่นกัน หากพวกเขาอยู่ห่างกันเกินไปพวกเขาก็ไม่สามารถจับตำแหน่งกันเองได้เหมือนกัน
เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ หลิงฟ่างหัวก็มาปรากฏกายที่ข้าง ๆ นาง หลิงว่านถิงก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “นี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“พี่สองมีบางอย่างเกิดขึ้นที่สำนักของท่าน!” หลิงฟ่างหัวตอบกลับโดยไม่อ้อมค้อม “เพิ่งมีคนจากสำนักท่านมาแจ้งให้ท่านกลับไปพบกับผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบน พี่สองท่านควรรีบไปหาน้องหกตอนนี้เพื่อคุยว่าพวกเราควรทำยังไงกันต่อ”
หลิงว่านถิงแสดงสีหน้างุนงงทันที และถามกลับ “ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบน? เขาเป็นใคร?”
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ว่าตอนนี้พวกเราอยู่ห่างจากอาณาจักรของพวกเรามากเกินไป ข้าไม่สามารถใช้ประตูมิติของข้าพาท่านกลับไปด้วยกันกับข้าได้ พวกเราต้องบินย้อนกลับไปอีกสัก 2-3 อาณาเขตด้วยตัวเองก่อน มันถึงจะเข้าระยะที่ประตูมิติของข้าสามารถพาท่านกลับไปหาน้องหกได้” หลิงฟ่างหัวพูดขึ้น
หลิงว่านถิงพยักหน้า “ถ้างั้นให้ข้าไปบอกกับอาจารย์ของข้าก่อน จากนั้นพวกเราจะกลับไปพร้อมกัน”
จากนั้นเมื่อหลิงว่านถิงบอกกับซวนหยวนเรื่องนี้ ซวนหยวนก็รู้สึกงุนงงเหมือนกัน
ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบน?
ซวนหยวนพูดขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว “ถ้างั้นพวกเรากลับไปกันก่อน ดูเหมือนว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสำนักจะคล้อยตามผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนกันจนหมดแล้ว”
จากนั้นซวนหยวนและหลิงว่านถิงจึงเรียกผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาให้ถอยกลับมาจากแนวหน้า และให้คนของหลิงยี่เทียนเข้าไปประจำตำแหน่งแทน
เมื่อเรียกคนของพวกเขากลับมาเรียบร้อย หลิงว่านถิง ซวนหยวนและบรรดาผู้เชี่ยวชาญของสำนักเต๋าสวรรค์ทั้งหมดจึงมุ่งหน้ากลับไปที่อาณาจักรจันทราทันที
“พี่สอง ตามความรู้สึกข้า ข้ารู้สึกว่าผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนผู้นี้มีเรื่องน่าสงสัยมากมาย ดังนั้นเมื่อท่านกลับไปถึงท่านจะต้องระวังตัวให้มาก” หลิงยี่เทียนเตือนขึ้น “แต่อันที่จริงหากยึดตามคำสั่งของท่านพ่อ ท่านไม่ควรที่จะกลับไปเลยจริง ๆ ท่านควรที่จะอยู่ที่นี่เพื่อรอให้ท่านพ่อกลับมาก่อน จากนั้นพวกเราค่อยคุยกันอีกทีว่าจะเอายังไง”
หลิงว่านถิงครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นนางพูดว่า “ข้าคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก อย่างน้อย ๆ อาจารย์ของข้าก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด แถมข้ายังมีทาสรับใช้รายล้อมอยู่เป็นสิบ ดังนั้นต่อให้มันจะเกิดปัญหาจริง ๆ ข้าคิดว่าข้าน่าจะพอหนีเอาตัวรอดได้”
หลิงยี่เทียนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “พี่สอง ท่านต้องไม่ลืมว่านี่คือบุคคลที่มาจากโลกเบื้องบน ดังนั้นข้าไม่คิดว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิจะเอาเขาอยู่หรอก!”
หลิงว่านถิงยิ้มและตอบกลับ “ถ้าหากเขาเป็นคนของสำนักข้าที่อยู่บนโลกเบื้องบนจริง ๆ ถ้างั้นมันก็ยิ่งไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ? อย่างน้อย ๆ ข้ากับเขาก็เป็นพวกเดียวกันจริงไหม?”
ตอนนี้ลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงทุกคนยกเว้นหลิงยู่ชานรู้แล้วว่าพวกเขามีชาติกำเนิดมาจากโลกเบื้องบน ดังนั้นหากคนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนเป็นคนจากโลกเบื้องบนจริง ๆ หน้าที่ของคนผู้นี้ก็คือการปกป้องนางจริงไหม?
“ปัญหาคือพวกเรายังไม่รู้แน่ชัด!” หลิงยี่เทียนส่ายหัว “ข้าขอร้องท่านอย่างจริงจังว่าท่านอย่ากลับไปตอนนี้เลย หรืออย่างน้อย ๆ ก็ให้อาจารย์ของท่านกลับไปก่อนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ต่าง ๆ ให้แน่ชัด”
“เอางั้นก็ได้ งั้นข้าจะให้อาจารย์ของข้ากลับไปดูสถานการณ์ก่อนก็แล้วกัน!” ในที่สุดหลิงว่านถิงก็ยอมโอนอ่อนให้กับคำขอของหลิงยี่เทียน
จากนั้นซวนหยวนจึงพาผู้เชี่ยวชาญสำนักเต๋าสวรรค์กลับไปที่สำนักเต๋าสวรรค์จนหมดโดยใช้ประตูเคลื่อนย้าย
ทางด้านของสำนักเต๋าสวรรค์ เมื่อจางซิงอี้ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดของหลิงว่านถิงจากปากของซวนหยวน เขาแสดงสีหน้าขุ่นเคืองทันทีและตวาดขึ้นว่า “คนอย่างเจ้าที่มีคุณสมบัติแค่นี้กล้าดียังไงถึงได้ตั้งตัวเป็นอาจารย์ของว่านถิง?”
ซวนหยวนยิ้มอย่างขมขื่นและตอบกลับ “หากให้ตอบตามตรง ข้าไม่เคยคิดเช่นกันว่าข้ามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นอาจารย์ของนาง เพราะข้าไม่มีปัญญาพอที่จะชี้แนะอะไรนางได้เลย”
ซวนหยวนรู้สึกผิดมาตลอดเพราะนอกจากให้ความคุ้มครองหลิงว่านถิงแล้วมันก็ไม่มีอย่างอื่นที่เขาสามารถทำได้ในฐานะอาจารย์ของนางเลย
อย่างไรก็ตาม เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจเมื่อโดนดูถูกเช่นนี้พลางคิดในใจ
‘พ่อของนางเป็นคนอนุญาตให้ข้าเป็นอาจารย์ของนาง แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องนี้?’
จางซิงอี้จ้องเขม็งไปที่ซวนหยวนด้วยสีหน้าไม่พอใจราวกับรู้ว่าซวนหยวนคิดอะไรอยู่และพูดว่า “เจ้าไม่พอใจงั้นเหรอ? รู้ไว้ซะว่าว่านถิงคือศิษย์คนเล็กของอาจารย์ข้า และอาจารย์ของข้าก็คือเจ้าแห่งพรตเต๋า ผู้เป็นผู้นำของเหล่านักพรตเต๋าทั้งมวล ดังนั้นกลืนความคิดไม่ยินยอมของเจ้าลงท้องไปซะ!”
“และอีกอย่างทำไมศิษย์น้องของข้าไม่กลับมาด้วย? ที่ข้าลงมาที่นี่เป็นเพราะอาจารย์ของข้าสั่งให้ข้าลงมาช่วยดูแลว่านถิงและพานางกลับขึ้นไปอย่างปลอดภัย นางควรจะรีบกลับมาที่เพื่อบ่มเพาะอย่างตั้งใจไม่ใช่เอาแต่ไปช่วยอาณาจักรอะไรก็ไม่รู้รบกับชาวบ้าน!”
ซวนหยวนถอนหายใจ และตอบกลับ “ท่านคงจะไม่รู้ว่าเหตุผลที่พวกเราออกไปรบนั้นเป็นเพราะพวกเราออกไปเก็บเกี่ยวทรัพยากรเข้าสำนักต่างหาก! นี่คือสิ่งที่นางตั้งใจเอาไว้แถมนางเองก็ไม่เคยละเลยในเรื่องของการบ่มเพาะเลยสักวันจนในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของนางขึ้นมาอยู่ที่ระดับสวรรค์สมบูรณ์แล้ว!”
จางซิงอี้พ่นลมหายใจ “ถ้างั้นเรื่องการออกไปหาทรัพยากรสำหรับสำนักเจ้าก็จงทำต่อไป แต่สำหรับว่านถิง นางต้องกลับมาที่นี่เท่านั้นเพื่อตั้งใจบ่มเพาะอย่างเดียว! เจ้าพาข้าไปที่อาณาจักรจันทราอะไรนั่นเดี๋ยวนี้ข้าจะไปพานางกลับมาที่นี่เอง!”
“ผู้ส่งสาสน์ ข้าแนะนำว่าท่านไม่ควรไปที่อาณาจักรจันทรา ท่านควรให้ข้าไปพาว่านถิงกลับมาที่นี่คนเดียวมากกว่า!” ซวนหยวนกล่าวเตือนด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“กับอีแค่อาณาจักรในโลกเบื้องล่าง เจ้าคิดว่าข้าจะเป็นอันตรายงั้นเหรอ? ไป จงนำไปข้าจะไปกับเจ้าด้วย!” จางซิงอี้สั่งขึ้นด้วยไม่ฟังคำทัดทานอะไรทั้งนั้น
ซวนหยวนลอบถอนหายใจเพราะเขากังวลว่าจางซิงอี้จะไปสร้างความวุ่นวายให้กับอาณาจักรจันทรา
อย่างไรก็ตาม เมื่อจางซิงอี้ยืนยันเช่นนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องพาจางซิงอี้เดินเข้าไปในประตูเคลื่อนย้าย เพื่อเดินทางไปที่อาณาจักรจันทรา
ง้าวเทวะพินาศมองไปที่ซวนหยวนและจางซิงอี้ที่กำลังเดินออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย จากนั้นมันหมอบหัวลงไปนอนเหมือนเดิม
ทั้งสองคนนี้อ่อนแอเกินกว่ามันจะสนใจ
อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่เท้าของจางซิงอี้เหยียบลงบนพื้นดินของอาณาจักรจันทรา พลังวิญญาณจำนวนมหาศาลที่สถิตอยู่ในอาณาจักรจันทราทั้งหมดก็ถาโถมเข้าใส่ร่างของจางซิงอี้จนเขาไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่นิ้วเดียว
ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของจางซิงอี้ตอนนี้จะดูไม่ต่างอะไรกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด แต่เศษเสี้ยวดวงวิญญาณของเขามันแข็งแกร่งเกินไปกว่านั้นมาก มันจึงส่งผลให้มหาค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ที่หลิงตู้ฉิงวางเอาไว้ทำงานทันที
เหลียงเฟ่ยเอ๋อและหลิงยี่เทียนปรากฏกายขึ้นทันทีที่คฤหาสน์สราญรมย์ เพราะพวกเขาถูกเชื่อมต่อเอาไว้กับมหาค่ายกล ดังนั้นเมื่อมหาค่ายกลทำงาน พวกเขาจึงรู้ทันทีว่ามีปัญหาเกิดขึ้น
หลิงยี่เทียนมองไปที่จางซิงอี้และหันไปถามซวนหยวนทันที “นี่คือผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของท่านงั้นเหรอ?”
ซวนหยวนรีบอธิบายทันทีว่า “โปรดอย่าได้เข้าใจผิด ผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนของเรามาหาพวกท่านอย่างเป็นมิตร!”