พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 925 ง่ายเหมือนบี้แมลง
เนื่องจากเส้นทางมิติที่หลิงตู้ฉิงใช้งานนั้นเป็นเส้นทางที่เปิดขึ้นแบบเร่งด่วน ดังนั้นพลังมิติที่อยู่ในเส้นทางจึงมีความผันผวนเป็นจำนวนมาก ซึ่งถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะไม่เป็นอะไรแต่เสื้อผ้าของเขานั้นย่อมไม่สามารถต้านทานได้
หลิงตู้ฉิงเดินทางมาถึงสำนักเต๋าสวรรค์ในเวลาเดียวกับที่จางซิงอี้กำลังเอ่ยคำพูดถึงเขาพอดี
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ดวงวิญญาณของซือโถวเหวินหยวนที่กำลังหลุดออกจากร่างและพูดว่า “เจ้าไม่ค่อยมีโชคสักเท่าไหร่สำหรับโลกมนุษย์ แต่ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะมีวาสนาที่ดีแน่นอนเมื่ออยู่ในยมโลก ซึ่งเจ้าจะไม่กลายเป็นตัวตนที่ไร้ค่าเหมือนอย่างที่เจ้าเคยเป็นแน่นอน”
“อันที่จริงข้ากำลังหาคนไปส่งข่าวกับเจ้ายมโลกอยู่พอดี เอาเป็นว่าข้าฝากเจ้าไปส่งข่าวให้กับเขาสักหน่อยก็แล้วกัน จงบอกกับเขาว่าแดนกระดูกขาวนั้นข้าจะจัดการเอง เขาไม่จำเป็นต้องออกมา ไม่เช่นนั้นถ้าเขาไม่ฟังคำข้า ข้าจะจัดการกับเขาด้วยตัวเอง”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงวาดตราประทับไปที่ดวงวิญญาณของซือโถวเหวินหยวน และส่งให้เขาไปสู่ยมโลกในทันที
ด้วยตราประทับที่วาดไปให้หลิงตู้ฉิงแน่ใจว่าซือโถวเหวินหยวนจะต้องอยู่อย่างสุขสบายในยมโลกแน่นอน
เมื่อจบเรื่องของซือโถวเหวินหยวน หลิงตู้ฉิงมองไปที่จางซิงอี้ด้วยแววตาเย็นชาและพูดว่า “ก่อนหน้านี้เจ้ามันไม่ต่างอะไรกับหมาจรจัดเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้าไม่กล้าจะหายใจแรงต่อหน้าข้าด้วยซ้ำ ไม่นึกเลยว่าตอนนี้เจ้ากลับบังอาจวางแผนล่อข้าให้มาหาแถมยังกล้าลงมือกับลูกข้าอีก!”
จางซิงอี้แสดงหน้าตึงเครียดและพูดว่า “แล้วไง? นั่นมันในอดีตตอนที่เจ้าเหนือกว่าข้า แต่ตอนนี้มันเป็นข้าที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า! ตอนนี้เจ้าจงยอมให้ข้าสังหารซะดี ๆ ข้าสัญญาว่าจะทำมันแบบรวดเร็วเพื่อที่เจ้าจะได้ทรมานน้อยที่สุด เจ้าคือมารในใจของข้าไม่ว่าจะยังไงข้าก็ต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “โอ้! ไม่เลวเลยจริง ๆ ที่กล้ามองข้าเป็นขั้นบันไดให้เหยียบเพื่อที่เจ้าจะได้ขึ้นไปสู่จุดที่สูงกว่าเดิม เจ้ารู้ไหมว่าขนาดว่าอาจารย์ของเจ้าเองยังไม่กล้าคิดอะไรแบบนี้กับข้าเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าเพื่อเห็นแก่อาจารย์ของเจ้า ในอนาคตข้าจะไม่ตามล่าเจ้า แต่ถ้าหากร่างหลักของเจ้าโผล่มาให้ข้าเห็นเมื่อไหร่ข้าเอาเจ้าตายแน่!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงโบกมือสลายอาณาเขตพลังที่จางซิงอี้สร้างขึ้นให้หมดอำนาจ
“ท่านพ่อ ท่านจะปล่อยเขาไปแบบนี้งั้นเหรอ!” หลิงว่านถิงพูดขึ้นทันที
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “พ่อแค่บอกว่าพ่อจะปล่อยร่างหลักของเขา แต่ว่าร่างแยกที่อยู่ตรงนี้แน่นอนว่าพ่อจะต้องทำลายอยู่แล้ว เพราะเศษเสี้ยวดวงวิญญาณและเต๋าที่อยู่ในร่างแยกนี้มีประโยชน์กับพวกเรา!”
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย จางซิงอี้จึงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาลทันที “เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถทำอะไรข้าได้ด้วยพลังที่เจ้ามีตอนนี้งั้นเหรอฝันไปเถอะ! ตายซะ!”
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้สำเร็จเต๋า ซึ่งมันห่างชั้นกว่าหลิงตู้ฉิง ซึ่งอยู่ในขอบเขตราชันเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงยังคงมีความมั่นใจว่าเขาน่าจะสามารถเอาชนะหลิงตู้ฉิงได้ แถมตอนนี้พวกเขาก็อยู่กันที่สำนักเต๋าสวรรค์ ซึ่งเขาก็สามารถเอาพลังของมหาวิถีเต๋าที่สถิตอยู่ในสำนักมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับเขาได้อีก
แต่แล้วก่อนที่จางซิงอี้จะทันได้ทำอะไร หลิงตู้ฉิงหยิบง้าวพินาศเทวะขึ้นมาซะก่อนและตะโกนว่า “ในนามของข้า ข้าขอโมฆะเต๋าแห่งสำนักเต๋าสวรรค์ทั้งหมดที่มีอยู่ในบริเวณนี้!”
เมื่อสิ้นเสียงของหลิงตู้ฉิง บรรดาผู้คนของสำนักเต๋าสวรรค์ต่างสัมผัสได้ในทันทีว่ามหาวิถีเต๋าที่เกื้อหนุนพวกเขาอยู่จู่ ๆ ก็หายไป ซึ่งมันทำให้พวกเขาต่างตกอยู่ในอาการตกตะลึง
จางซิงอี้รู้สึกตกตะลึงเช่นกันเพราะเขาไม่นึกเลยว่าหลิงตู้ฉิงจะมีง้าวเทวะพินาศอยู่ในมือ แถมความทรงจำของหลิงตู้ฉิงดันฟื้นกลับมาจนถึงขนาดสามารถใช้ทักษะที่เป็นทักษะขึ้นชื่อที่ไม่เคยมีใครรู้ความลับของมันเลยว่ามันทำได้ยังไง
ในอดีตมีอัจฉริยะมากมายล้มตายด้วยทักษะนี้แค่ทักษะเดียวจนนับไม่ถ้วน ซึ่งทักษะนี้ก็เป็นเหมือนดั่งฝันร้ายของเขาเช่นกัน
“เจ้าไม่มีทักษะอื่นแล้วรึไง? เจ้ามันก็มีดีแค่นี้นั่นแหละ!” จางซิงอี้ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้ามืดหม่น
เขาได้ข่าวมาว่าหลิงตู้ฉิงตายลงเพราะพิสูจน์เต๋าไม่สำเร็จ ซึ่งเท่าที่เขาใจก็คือแค่การกลับมาเกิดใหม่มันก็ยากมาก ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะได้รับความทรงจำคืนมาแบบสมบูรณ์ขนาดนี้?
ทำไมคนผู้นี้ยังคงจำทักษะนี้อยู่ได้อีก แถมง้าวเทวะพินาศนั่นไม่ใช่ว่ามันอยู่บนโลกเบื้องบนที่ตำหนักไร้หทัยไม่ใช่หรือไง?
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า “ขยะอย่างเจ้าไม่มีข้าพอให้ข้าใช้ทักษะที่สองด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับคิดจะใช้ข้าเป็นขั้นบันไดงั้นเหรอ? ถอนจิตสำนึกของเจ้าออกไปซะ นับจากนี้เศษเสี้ยวดวงวิญญาณและเต๋าในร่างแยกของเจ้าเป็นของข้า!”
จางซิงอี้ตวาดกลับทันที “ฝันไปเถอะ ข้าขอยอมระเบิดร่างดีกว่าให้เจ้าได้พวกมันไป!”
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะตะโกนออกไปเช่นนี้เขาก็ยังไม่ทำอยู่ดีเพราะเขายังอดไม่ได้ที่จะอาลัยร่างแยกของเขาที่อุตส่าห์ใช้ความพยายามากมายในการสร้างมันขึ้นมา ซึ่งถ้ามันถูกทำลายไปมันจะหมายความว่าพลังของร่างหลักเขาจะหายไปส่วนหนึ่งทันที
ดังนั้นเมื่อพูดจบเขาจึงหันหลังและบินหนีทันทีเพื่อออกไปรอหาโอกาสที่ผู้สำเร็จเต๋าสักคนจะขึ้นไปสู่โลกเบื้องบน ซึ่งเขาจะได้ขออาศัยตามกลับขึ้นไปด้วย ในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะรั้งอยู่ในโลกเบื้องล่างอีกต่อไปแล้ว อันที่จริงถ้าหากเขารู้ว่าหลิงตู้ฉิงมีง้าวเทวะพินาศและมีความทรงจำจากชีวิตก่อนที่สมบูรณ์ขนาดนี้ เขาจะไม่มีวันมีความคิดต่อกรกับหลิงตู้ฉิงแบบนี้เลย
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะหนีไปได้ไกล หลิงตู้ฉิงก็พุ่งตัวเข้าไปหาจางซิงอี้พร้อมกับพูดว่า “ในเมื่อเจ้าพูดไม่ฟังแบบนี้ งั้นข้าคงต้องสั่งสอนเจ้าด้วยความเจ็บปวดสักหน่อย!”
แค่เพียงชั่วพริบตา หลิงตู้ฉิงตามทันจางซิงอี้และใช้มือคว้าเข้าไปที่หลังคอพร้อมกับปลดปล่อยเจตจำนงที่มีอำนาจมหาศาลบดขยี้ร่างของจางซิงอี้ที่ไม่อาจใช้พลังของตัวเองป้องกันตัวได้เพราะยังคงอยู่ในเขตแดนประกาศิต
แค่เพียงพริบตาร่างแยกของจางซิงอี้ก็ถูกบดจนละเอียดจนกลายเป็นลูกปัดเลือดเม็ดขนาดเท่าผลมะพร้าว
เสียงของจางซิงอี้ร้องดังโหยหวนออกมาจากลูกปัดเลือด “ผู้อาวุโส ข้าไม่กล้าล่วงเกินท่านอีกแล้วเห็นแก่หน้าอาจารย์ของข้าสักครั้งได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ!”
ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่มีทางต่อกรกับหลิงตู้ฉิงได้เลย ดังนั้นทางเลือกเดียวของเขาในตอนนี้คือการขอความเมตตา
“มันสายไปแล้วที่จะขอความเมตตาจากข้า!” หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจ
จากนั้นหลิงตู้ฉิงสวดคาถาชำระล้างดวงวิญญาณของจางซิงอี้จนสุดท้ายเหลือแต่พลังวิญญาณบริสุทธิ์และพลังแห่งเต๋าของจางซิงอี้
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ผู้คนของสำนักเต๋าสวรรค์ที่อยู่รอบ ๆ พร้อมกับยกง้าวเทวะพินาศขึ้นและตะโกนว่า “ทัณฑ์ฟ้าดิน!”
ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกน ง้าวเทวะพินาศพุ่งออกไปสับร่างของบรรดาผู้เชี่ยวชาญของสำนักเต๋าสวรรค์จนร่างแหลกนับสิบคนทันที
ในบรรดาผู้ที่ถูกสังหารไปมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ 2 คน ขอบเขตจักรพรรดิอีก 5 และอีกหลายสิบที่มีระดับต่ำกว่านั้น
จากนั้นหลิงตู้ฉิงกวาดสายตามองไปยังเหล่าผู้คนของสำนักเต๋าสวรรค์ที่ยังเหลืออยู่ และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “พวกเจ้าคงยังไม่เคยเห็นข้าฆ่าใครจริงไหม? ดังนั้นตอนนี้ข้าเลยฆ่าให้พวกเจ้าได้เห็นซะเลย! จงจำภาพนี้เอาไว้ดี ๆ เพื่อที่ในอนาคตเมื่อพวกเจ้าอยากจะมาล้างแค้นข้า พวกเจ้าจะได้รู้ว่าพวกเจ้าจะต้องเจอกับอะไร!”
บรรดาผู้คนของสำนักเต๋าสวรรค์ต่างตัวสั่นและไม่กล้าสบตาหลิงตู้ฉิงเพราะความหวาดกลัว
ขนาดผู้ส่งสาสน์ของพวกเขายังถูกบี้จนเละโดยที่ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรเลย แล้วพวกเขาจะกล้าแข็งข้อกับหลิงตู้ฉิงได้ยังไง?
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังเงียบด้วยความหวาดกลัว ซวนหยวนหัวเราะอย่างขมขื่นและพูดขึ้นว่า “พวกเราเองก็ไม่อยากจะให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเหมือนกัน”
หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าเย้ยหยัน “สำนักเต๋าสวรรค์ของเจ้านี่โง่ดีจริง ๆ ในระหว่างที่เหล่าพันธะมิตรของข้ากำลังมีความสุขกับอาณาเขตในอี้ซางที่ข้ามอบให้แต่พวกเจ้ากลับทำตัวน่ารำคาญกับข้าซะอย่างนั้น”
“โธ่ท่านต้องเข้าใจว่าพวกเราก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน พวกเราเองก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้!” ซวนหยวนรีบพูดขึ้น “มันเป็นเพราะผู้อาวุโสซิงอี้คนเดียวที่บังคับให้พวกเราทำ โปรดเถอะท่านโปรดให้พวกเราได้มีส่วนแบ่งในทรัพยากรของอี้ซางบ้างได้ไหม? ถือซะว่าเห็นแก่เจ้าสำนักว่านถิงเถอะ!”
“ก็ได้เพื่อเห็นแก่ว่านถิงข้าจะอนุญาตให้พวกเจ้าไปเลือกอาณาเขตได้หนึ่งอาณาเขตในอี้ซาง ส่วนเจ้า ที่ผ่านมาเจ้าดูแลว่านถิงได้ดีอยู่เหมือนกัน ดังนั้นข้าจะมอบพลังวิญญาณบริสุทธิ์และพลังเต๋าของจางซิงอี้ให้กับเจ้าเพื่อให้เจ้าได้กลายเป็นผู้สำเร็จเต๋า แต่เมื่อเจ้ากลายเป็นผู้สำเร็จเต๋า นอกจากจะต้องดูแลลูกสาวของข้าต่อไป เจ้าจะต้องตามข้าไปช่วยข้าจัดการกับแดนกระดูกขาวด้วย” เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงมอบพลังวิญญาณบริสุทธิ์และพลังเต๋าของจางซิงอี้ให้กับซวนหยวนทันที
“ขอบคุณ ๆ!” ซวนหยวนรีบโค้งคารวะด้วยสีหน้าตื่นเต้น