พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 926 เตรียมพร้อมสำหรับแดนกระดูกขาว
ซวนหยวนไม่นึกเลยว่าเขาจะมีโอกาสสำเร็จเต๋าได้ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีหลิงว่านถิง ซึ่งถูกกำหนดเอาไว้อยู่แล้วว่านางจะต้องกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าของสำนักเต๋าสวรรค์แน่นอน โอกาสของเขามันก็ยิ่งแทบไม่หลงเหลือเลย
แต่ตอนนี้จู่ ๆ โอกาสกลับปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาโดยที่เขาไม่เคยคาดฝัน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าพลังวิญญาณบริสุทธิ์และพลังเต๋าของจางซิงอี้จะช่วยให้เขากลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าได้ยังไง แต่ในเมื่อหลิงตู้ฉิงบอกว่ามันเป็นไปได้เขาก็ไม่จำเป็นต้องสงสัยอะไรต่อ
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าปกติ “นี่คือโอกาสของเจ้าและพวกมันก็เหมาะกับเจ้าที่สุด ดังนั้นข้าเลยมอบพวกมันให้กับเจ้า เอาล่ะจงรีบไปบ่มเพาะได้แล้วตอนนี้เวลาของพวกเราเหลือไม่มากนัก”
“รับทราบ!” ซวนหยวนรีบตอบกลับและนั่งลงบ่มเพาะทันที
ในเวลานี้บรรดาผู้คนของสำนักเต๋าสวรรค์ต่างตกอยู่ในอาการสับสนกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
เมื่อครู่หลิงตู้ฉิงยังฆ่าพวกเขาอยู่เลย แต่ตอนนี้หลิงตู้ฉิงกลับช่วยทำให้บรรพบุรุษสูงสุดของสำนักพวกเขากลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าซะอย่างนั้น?
หลิงว่านถิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ อาจารย์ของข้าสามารถกลายสำเร็จเต๋าได้จริง ๆ งั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “แน่นอน! หากวัดเป็นตัวเลข เต๋าและพลังวิญญาณในร่างแยกของศิษย์พี่เจ้านั้นถูกแบ่งมากราว 1 ใน 10 ส่วนของร่างจริง ซึ่งร่างจริงของศิษย์พี่เจ้าคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่มีความแข็งแกร่งกว่าอาจารย์ของเจ้านับล้านเท่า ดังนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงเลย มันมีอำนาจมากพอจะทำให้อาจารย์ของเจ้าบรรลุกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าแน่นอน”
ในระหว่างที่พวกเขาคุยกัน หลิงตู้ฉิงก็ทำหน้าที่คอยปกป้องซวนหยวนไปด้วยในตัว
หลิงว่านถิงมองไปที่ซวนหยวนซึ่งกำลังบ่มเพาะ จากนั้นนางพูดกับคนของสำนักนางว่า “พวกเจ้าใครที่มีหน้าที่ดูแลประตูเคลื่อนย้าย จงเชื่อมต่อประตูเคลื่อนย้ายของเราเข้ากับอาณาจักรจันทราอีกรอบเดี๋ยวนี้ และส่งคนไปแจ้งข่าวที่เกิดขึ้นที่นี่ให้กับน้องชายของข้าได้รู้!”
ในตอนนี้นางเป็นเจ้าสำนัก ดังนั้นการออกคำสั่งเช่นนี้จึงเป็นหน้าที่ของนาง
หลังจากได้รับคำสั่งของหลิงว่านถิง บรรดาผู้คนของสำนักเต๋าสวรรค์ก็เชื่อมต่อเส้นทางประตูเคลื่อนย้ายของพวกเขากับอาณาจักรจันทราอีกรอบ และจากนั้นพวกเขาก็ส่งคนไปแจ้งเรื่องกับหลิงยี่เทียน ซึ่งกำลังกังวลอยู่
แต่แล้วเมื่อหลิงว่านถิงออกคำสั่งต่อไปให้พวกเขาจัดคนไปที่ภูมิภาคอี้ซางเพื่อเลือกอาณาเขต บรรดาผู้คนของนางกลับมองไปที่ซวนหยวนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนไม่อยากจะไป เพราะพวกเขาอยากจะอยู่รอดูซวนหยวนสำเร็จเต๋าซะก่อน
“ก็แค่การสำเร็จเต๋าเท่านั้นพวกเจ้าจะอยากดูอะไรกันนักกันหนา! ตอนนี้เรื่องทรัพยากรบ่มเพาะของพวกเราที่อยู่ในอี้ซางนั้นสำคัญกว่าเป็นร้อยเท่า! เร็วเข้าพวกเจ้าจงรีบไปกันได้แล้ว เอาไว้เมื่อถึงตอนที่ข้าสำเร็จเต๋าพวกเจ้าค่อยอยู่รอดู!” หลิงว่านถิงตวาดขึ้นด้วยสีหน้าหุดหงิด
เมื่อได้ยินเช่นนี้ บรรดาผู้คนสำนักเต๋าสวรรค์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นพวกเขาพยักหน้าและรีบเดินทางไปที่ภูมิภาคอี้ซางตามที่หลิงว่านถิงสั่ง
1 ปีต่อมา ในที่สุดซวนหยวนก็สำเร็จเต๋า ซึ่งแน่นอนว่าปรากฏการณ์การอวยพรจากสวรรค์ก็บังเกิดขึ้นอีกครั้งส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกตื่นตัว
ความเร็วของการแข่งขันในยุคนี้มันรวดเร็วมากเกินไปจนมันทำให้เหล่าผู้คนที่มีหวังจะสำเร็จเต๋าเช่นกันเริ่มที่จะรู้สึกกังวลกลัวว่าตัวเองจะไม่ทัน
หลังจากซวนหยวนกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋า บรรดาผู้คนของสำนักเต๋าสวรรค์ต่างก็พากันมาแสดงความยินดี ซึ่งซวนหยวนเองก็ได้รับรางวัลจากสวรรค์เช่นกัน แถมมันยังเป็นแก่นแท้ของพลังอัสนีอีกต่างหาก
“นับจากนี้ข้าขอเรียกท่านว่าผู้มีพระคุณ!” ซวนหยวนโค้งคารวะต่อหลิงตู้ฉิงด้วยความเคารพ “ผู้มีพระคุณ แก่นแท้พลังอัสนีไม่มีประโยชน์กับข้าอยู่แล้ว ดังนั้นข้าขอมอบมันให้ท่านเพื่อเป็นการตอบแทน!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและรับมา
ในยุคนี้หากเป็นแก่นแท้พลังที่เกี่ยวกับธรรมชาติ หลิงตู้ฉิงต้องการพวกมันทั้งหมด
หลังจากเก็บแก่นแท้พลังอัสนีไปแล้ว หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าแล้ว ดังนั้นจงตามข้าไปที่ภูเขาฟีนิกซ์เพื่อช่วยข้าจัดการกับแดนกระดูกขาว!”
จากนั้นทุกคนต่างใช้ประตูเคลื่อนย้ายเดินทางไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ทันที
ในเวลาเดียวกันบนยอดเขาเต๋าเทวะ จางซิงอี้ซึ่งกำลังปิดด่านอยู่จู่ ๆ เขากระอักเลือดคำโตก่อนที่จะฟื้นขึ้นจากการทำสมาธิบ่มเพาะ
ร่างของเจ้าแห่งพรตเต๋าปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาทันที และพูดขึ้นด้วยสีหน้าสงบว่า “ร่างแยกของเจ้าถูกทำลายใช่ไหม?”
จางซิงอี้พยักหน้าด้วยสีหน้ามืดหม่น
เจ้าแห่งพรตเต๋าพ่นลมหายใจด้วยสีหน้าไม่พอใจและพูดว่า “ฮึ่ม! ข้าสั่งให้เจ้าลงไปที่ข้างล่างนั่นเพื่อดูแลศิษย์น้องของเจ้า แต่ดูเหมือนว่าเจ้ากลับไม่สนใจคำสั่งข้าแถมยังคิดการใหญ่ทำอะไรเกินตัวสินะ!”
“ท่านอาจารย์…” จางซิงอี้พูดอะไรไม่ออก
เจ้าแห่งพรตเต๋าชี้ไปที่ประตูและพูดว่า “จงลงไปจากเขาและหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ ด้วยสันดานอย่างไอ้แก่นั่นมันไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่นอน และที่แรกที่มันจะมาตามหาเจ้าคือที่นี่ ดังนั้นทางรอดเดียวของเจ้าคือหนีไปจากที่นี่ซะ!”
ไม่ว่าจะดีหรือเลว จางซิงอี้ก็ยังเป็นศิษย์ของเขา ดังนั้นเขาจำเป็นต้องให้โอกาสในการอยู่รอดแก่ศิษย์ของเขาเอง แต่ถ้าหากจางซิงอี้ไม่ใส่ใจกับโอกาสที่เขามอบให้ เขาก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอีก
หลังจากพูดจบ ร่างของเจ้าแห่งพรตเต๋าก็หายไปภายในพริบตาปล่อยให้จางซิงอี้อยู่คนเดียวด้วยสีหน้าไม่ยินยอม
แต่แล้วในท้ายที่สุด จางซิงอี้ก็ลงไปจากเขาด้วยแผนการที่อยู่เต็มหัว
ตัดกลับมาทางด้านของภูเขาฟีนิกซ์ที่อยู่ในโลกเบื้องล่าง
ในเวลานี้ภูเขาฟีนิกซ์นั้นคราคร่ำไปด้วยเหล่าผู้เชี่ยวชาญ และกองทหารจากกองกำลังที่เป็นพันธมิตรมากมาย
หลิงว่านจุนในตอนนี้ได้มาถึงแล้วพร้อมกับกองทัพมังกรจำนวน 500,000 นาย
ส่วนสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ ซึ่งในตอนนี้ได้กลายเป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดในอาณาเขตนภาเรียบร้อยแล้วก็ได้พาศิษย์สำนักมาร่วมด้วยถึง 10,000 คน
นอกจากสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ที่รับหน้าที่ใช้บทสวดเพื่อปราบเหล่าภูตผี จิ๋นชานก็ได้พาเหล่าหลวงจีนและแม่ชีที่อยู่ในภูมิภาคมาร่วมด้วยอีกมากกว่า 10,000 คน ซึ่งความแข็งแกร่งของบรรดาหลวงจีนและแม่ชีหลายคนนั้นนับได้ว่าไม่ธรรมดา บางคนมีความแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิ
นอกเหนือจากนั้นยังมีเหล่าผู้คนของสำนักเต๋าสวรรค์ ซึ่งนำโดยซวนหยวน ตำหนักเทพยุทธ์ ซึ่งนำโดยกวนหลิงอู่ และยังมีสำนักอื่น ๆ อีกมากมายที่มาร่วมด้วยเช่นกัน
ส่วนทางด้านของภูเขาฟีนิกซ์ นอกเหนือจากองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายังมีทหารประจำการอีกกว่า 10 ล้านนาย ซึ่งแยกกันเป็นหลายกองทัพเพื่อใช้ค่ายกลรบที่หลากหลายในการเกื้อหนุนกันและถูกนำโดยแม่ทัพขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด พร้อมกันนี้พวกเขายังพร้อมที่จะใช้กระจกฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อโจมตีจากระยะไกลด้วยอีกต่างหาก
“ผู้อาวุโส ท่านคิดว่าพวกเราควรเตรียมอะไรเพิ่มไหม?” ฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์ถามขึ้น
เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงตู้ฉิง นางไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีหยาบคาย
ในตอนนี้เผ่าฟีนิกซ์ของนางนับได้ว่ามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเขา แถมนางยังรู้ดีว่าประวัติในอดีตของเขาเป็นยังไง ดังนั้นสิ่งที่นางทำได้ในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวคือรอฟังคำสั่งจากเขาเท่านั้น
หลิงตู้ฉิงมองสำรวจไปที่ฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์อยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาพูดว่า “ข้าเกรงว่าหลังจากจบเรื่องนี้ ร่างแยกของเจ้าคงหมดพลังแน่นอน แต่ความสามารถของเจ้านั้นก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้เรื่องนี้มันง่ายขึ้น ดังนั้นเจ้าคงต้องเสียสละสักหน่อย แต่ว่าข้าคงไม่ให้เจ้าใช้ความแข็งแกร่งของเจ้าเองในการสู้รบตรง ๆ เพราะมันจะเป็นการเสียเปล่า เดี๋ยวข้าจะถ่ายทอดบทเพลงแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เจ้าเพื่อให้เจ้าใช้มันเกื้อหนุนกองทัพทั้งหมดเมื่อถึงเวลา”
“รับทราบ!” ฟีนิกซ์แสงศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า
อันที่จริงนางรู้อยู่แล้วว่าภารกิจของนางคืออะไรเมื่อตอนถูกส่งลงมา และนางก็เตรียมใจที่จะเสียสละร่างแยกของนางอยู่แล้ว แต่สิ่งที่นางนึกไม่ถึงก็คือการลงมาครั้งนี้นางกลับได้รับประโยชน์ด้วย ซึ่งก็คือบทเพลงแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่หลิงตู้ฉิงกำลังจะถ่ายทอดให้นาง!