พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 930 ชีวิตใหม่ในแดนกระดูกขาว
สัตว์ประหลาดยักษ์ที่มีความแข็งแกร่งเกือบจะเท่าผู้สำเร็จเต๋าไม่ทำให้การรุกคืบแดนกระดูกขาวชะงักเลยสักนิด
ในทางกลับกัน ความเก่งกาจของกวนหลิงอู่ทำให้ขวัญและกำลังใจของกองทัพพันธมิตรเพิ่มมากขึ้นอีกต่างหาก และส่งผลให้พวกเขารุกไปอย่างรวดเร็วมากกว่าเดิม
แต่แน่นอนว่ายิ่งรุกคืบเร็วขึ้นเท่าไหร่ การต่อสู้ก็รุนแรงมากขึ้นเท่านั้นและผลพวงที่ตามมาก็คืออัตราของจำนวนผู้ที่บาดเจ็บล้มตายก็เร็วขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการสูญเสียแต่พวกเขาก็ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงนั้นยังไม่ได้ลงมือเลยสักครั้งตั้งแต่เริ่มมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นก็ตาม
เขายังคงเอาแต่จดจ้องไปที่ภาพรวมของสนามรบอย่างตั้งใจเพื่อคอยระแวดระวังสิ่งที่ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้น
อันที่จริงยิ่งพวกเขาเข้าใกล้จุดกึ่งกลางของแดนกระดูกขาวมากเท่าไหร่ สีหน้าของหลิงตู้ฉิงก็ตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะเขารู้ดีว่าแดนกระดูกขาวนั้นไม่ได้จัดการง่ายอย่างที่เป็นอยู่ ต่อให้สัตว์ประหลาดตัวนั้นจะแข็งแกร่งเกือบเทียบเคียงผู้สำเร็จเต๋าแต่นั่นก็ยังไม่ใช่ที่สุดของที่นี่
เขาคือผู้ที่สร้างแดนกระดูกขาวแห่งนี้ขึ้นมาเอง ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าที่นี่มันจะต้องมีบางอย่างที่ทรงพลังซ่อนอยู่
ด้วยศพของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมากมายรวมไปถึงตัวตนระดับสูงของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ที่ทับถมกันอยู่ที่นี่ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่สัตว์ประหลาดนั้นจะแข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้?
ในเวลานี้หลิงตู้ฉิงอดไม่ได้ที่จะนึกเย้ยหยันเหล่าผู้คนที่เสนอแผนมอบ ‘อาหาร’ ให้กับเหล่าวิญญาณร้ายที่นี่เพื่อเป็นค่าผ่านทาง
หากไอ้พวกคนเหล่านั้นมันรู้ว่าแดนกระดูกขาวที่แท้จริงแล้วเป็นยังไง พวกมันยังจะกล้าคิดแผนบ้า ๆ บอ ๆ แบบนั้นอยู่อีกรึเปล่า?
ในการต่อสู้ที่วุ่นวายและรุนแรง กองทัพพันธมิตรได้เผชิญกับเหล่าภูตผีและวิญญาณร้ายที่มีความแข็งแกร่งเท่ากับขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในเวลานี้พวกเขาได้เข้าใกล้กับจุดกึ่งกลางของแดนกระดูกขาวมากแล้ว
ในตอนแรกที่พวกเขารุกคืบเข้ามา พวกเขาเห็นกระดูกกองเรียงรายอยู่ตามรายทางก็จริงแต่มันก็ไม่ได้มีเยอะจนหนาแน่นสักเท่าไหร่ แต่เมื่อพวกเขามาถึงใกล้กับจุดกึ่งกลางของแดนกระดูกขาว พวกเขากลับเห็นว่าพื้นที่ต่อไปตรงหน้าของพวกเขามันเต็มไปด้วยกระดูกมากมายมหาศาลจนไม่เห็นพื้นดินข้างใต้
หรือถ้าจะให้ใช้คำบรรยายง่าย ๆ ก็คือนี่มันคือทะเลกระดูก!
เมื่อเห็นทะเลกระดูกตรงหน้าทุกคนต่างก็คิดอย่างดียวกันว่าภาพที่เห็นมันเหมาะสมกับชื่อเรียกสถานที่แห่งนี้จริง ๆ ที่เรียกว่าแดนกระดูกขาว!
“หยุดทัพ!” หลิงตู้ฉิงตะโกนขึ้นทันที
กองทัพพันธมิตร ซึ่งกำลังจะพุ่งเข้าไปในทะเลกระดูกต่างหยุดกันทันที แต่แล้วจากนั้นภาพที่พวกเขาเห็นก็คือกระดูกมากมายที่อยู่ในทะเลกระดูกต่างเริ่มก่อร่างกันขึ้นเป็นโครงกระดูกรูปร่างมนุษย์ขนาดยักษ์สูงมากกว่า 100 เมตร และยืนจ้องพวกเขาด้วยตาที่กลวงโบ๋
“ทำไมมันทำให้ข้าขนลุกได้ถึงขนาดนี้?” หวงซีอดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้น
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “แน่นอนว่ามันต้องทำให้เจ้าขนลุกได้อยู่แล้ว เพราะมันคือโครงกระดูกที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญ!”
ในตอนนี้เมื่อพวกเขาเผชิญกับโครงกระดูกที่มีความแข็งแกร่งขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญ หลิงตู้ฉิงจึงจำเป็นต้องรับมือเองเพราะซวนหยวนไม่สามารถทำอะไรกับมันได้แน่นอน
หลิงตู้ฉิงหยิบง้าวเทวะพินาศขึ้นมาพร้อมกับบินออกไปเผชิญหน้ากับโครงกระดูกร่างยักษ์
“ถอยกลับไปซะ!” ปีศาจโครงกระดูกส่งเสียงเข้าไปถึงวิญญาณของทุกคน
หลิงตู้ฉิงตอบกลับทันที “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแดนกระดูกขาวจะต้องถูกชำระ!”
เมื่อได้ยินคำพูดที่หลิงตู้ฉิงตอบกลับ ปีศาจโครงกระดูกอ้าปากของมันทันทีพร้อมกับส่งเสียงเข้ามาถึงดวงวิญญาณของผู้คนว่า “ตาย!”
จากนั้นคลื่นพลังสีดำทมึนก็ถูกปลดปล่อยออกจากปากของมันราวกับคลื่นยักษ์พุ่งเข้าหาหลิงตู้ฉิงและกองทัพพันธมิตรที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งคลื่นพลังสีดำนี้คือการอัดแน่นกันของพลังแห่งความตาย
แน่นอนว่าคลื่นพลังแห่งความตายนี้หากใครได้สัมผัสมันเข้า ชีวิตของพวกเขาจะถูกพรากออกไปภายในพริบตา
หลิงตู้ฉิงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เขาโบกง้าวเทวะพินาศพร้อมกับตะโกนว่า “ในนามของข้า ข้าขอโมฆะพลังแห่งความตายทั้งหมดที่มีอยู่ในบริเวณนี้!”
ด้วยอำนาจของเขตแดนประกาศิต คลื่นพลังสีดำสูญสลายหายไปในทันที
ปีศาจโครงกระดูกขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญอึ้งไปชั่วขณะ แต่แล้วจากนั้นมันเปลี่ยนวิธีการโจมตีโดยง้างหมัดของหมัดชกมาที่หลิงตู้ฉิงตรง ๆ
หลิงตู้ฉิงตอบโต้กลับภายในพริบตาเช่นกันด้วยการปล่อยศพยักษ์เทวะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาให้ออกมา และให้ปล่อยหมัดสวนไปที่ปีศาจโครงกระดูก
แน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งของร่างศพยักษ์ที่มีเหนือกว่า เมื่อหมัดทั้งสองประสานกันร่างของปีศาจโครงกระดูกระเบิดออกทันที และเศษกระดูกจากร่างของมันก็กระจายปลิวว่อนไปทุกทิศทุกทาง
“องค์เหนือหัว ทำไมพระองค์ถึงไม่เอามันออกมาใช้งานตั้งแต่แรก หากมีมันพวกเราคงไม่สูญเสียเยอะขนาดนี้” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิผู้หนึ่งของภูเขาฟีนิกซ์บินขึ้นมาถามด้วยสีหน้าอึดอัด
หลิงตู้ฉิงหันไปตอบกลับทันที “แดนกระดูกขาวนั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งความตาย ซึ่งถ้าหากศพยักษ์เทวะรับพลังแห่งความตายของที่นี่มากเกินไปมันจะไม่มีโอกาสได้คืนชีพอีกเลย แถมที่สำคัญไปกว่านั้นมันอาจจะกลายเป็นผีดิบไปอีกต่างหากและเมื่อถึงเวลานั้นใครจะสามารถทำลายมันได้?”
ในตอนนี้หากเป็นปีศาจโครงกระดูกขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญเขายังพอยับยังมันได้ แต่ถ้าเป็นผีดิบขอบเขตราชาศักดิ์สิทธิ์มันจะไม่มีใครที่สามารถหยุดยั้งมันได้เลย และความเสียหายที่จะเกิดจากมันนั้นจะกลายเป็นใหญ่หลวงเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ถึง
เมื่อจัดการปีศาจโครงกระดูกขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงก็ให้ศพยักษ์เทวะเปิดทางต่อเข้าไปในยังใจกลางของแดนกระดูกขาว
แต่แล้วเมื่อพวกเขาตะลุยไปถึงจุดกึ่งกลางของแดนกระดูกขาว พวกเขาก็เห็นภาพอันแปลกประหลาด ซึ่งก็คือท่ามกลางกระดูกมากมายมันกลับมีแอ่งเล็ก ๆ อยู่แอ่งหนึ่ง ภายในแอ่งเต็มไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่น ซึ่งดูเหมือนกับว่ามันน่าจะเป็นกระดูกที่ถูกหลอมเหลวและที่กลางแอ่งมันมีกะโหลกสีขาวเปล่งประกายมันวาวขนาดเท่ากับมนุษย์ปกติลอยอยู่เหนือผิวของเหลวสีขาว
“มิน่าล่ะทำไมการต่อต้านของพวกมันถึงได้แข็งแกร่งและเจ้ายมโลกถึงได้อยากเข้ามาวุ่นวายเรื่องนี้นัก!” หลิงตู้ฉิงพึมพำกับตัวเอง
“สามีมันคืออะไรงั้นเหรอ?” หวงซีรีบเอ่ยถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าซับซ้อน จากนั้นเขาเลือกที่จะยังไม่ตอบคำถามของหวงซี
คนอื่น ๆ เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรเหมือนกัน เพราะภาพตรงหน้าของพวกเขามันแปลกประหลาดเกินไป
หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นให้ทุกคนได้ยินว่า “พวกเรากำลังจะได้เห็นการกำเนิดของเผ่าพันธุ์ใหม่!”
“ท่านหมายความว่ายังไงท่านพ่อ?” หลิงไช่หยุนถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
หลิงตู้ฉิงเหม่อมองไปที่กะโหลกสีขาวและพูดว่า “ที่เขตแดนอุดรทมิฬมีเผ่าพันธุ์อยู่มากมายจริงไหม? ตอนนี้ตรงหน้าของเรากำลังจะมีเผ่าพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยมีที่ไหนกำลังถือกำเนิดขึ้น!”
“ท่านพ่อ ท่านหมายความว่ากะโหลกสีขาวนั่นมันคือสิ่งมีชีวิตงั้นเหรอ?” หลิงไช่หยุนถามอีกรอบพลางชี้นิ้วไปที่กะโหลกสีขาว “ว่าแต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกัน?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “หัวกะโหลกนั่นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตหรอก แต่หัวกะโหลกนั่นกำลังจะกลายเป็นภาชนะของชีวิตที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ ส่วนชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นมันจะออกมาเป็นรูปแบบอย่างไรนั้นนับจากนี้มันคงขึ้นอยู่กับพ่อ!”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงหันไปมองกะโหลกสีขาวพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า “ในตอนแรกข้าไม่ต้องการละเว้นสิ่งใดที่อยู่ในแดนกระดูกขาวให้เหลือรอดแม้แต่สิ่งเดียว แต่ในเมื่อข้าเป็นสาเหตุทำให้เจ้ากำเนิดขึ้น ดังนั้นข้าจะช่วยให้เจ้ากำเนิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ในแบบที่โลกจะต้องยอมรับได้ เฮ้อ…ข้าไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าจู่ ๆ ก็ได้มาเป็นผู้สร้างชีวิตแบบนี้…”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงนั่งลงไปท่ามกลางกองกระดูก จากนั้นเขาหยิบกงล้อเบญจธาตุขึ้นมาและพูดกับดอกไม้ฟื้นชีพว่า “แบ่งหยดน้ำพลังชีวิตของเจ้ามาให้ข้าหยดหนึ่ง!”
ดอกไม้ฟื้นชีพตอบกลับทีนทีด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าเหลือมันไม่มากแล้ว!”
“นี่ถือว่าเป็นโอกาสดีของเจ้าเหมือนกันรีบส่งมาให้ข้าอย่าถ่วงเวลา!” จากนั้นหลิงตู้ฉิงพูดกับดอกไม้เทวะหยินหยาง “พวกเจ้าก็เหมือนกัน เอาหยดน้ำพลังชีวิตของพวกเจ้าทั้งคู่มาให้ข้าด้วยต้นละหยด!”
จากนั้นเขาเอื้อมมือไปเด็ดใบสาหร่ายออกมานิดหน่อยเช่นกัน
“ไอ้คนเผด็จการเอ๊ย!” ดอกไม้ฟื้นชีพบ่นอุบ
แต่แล้วเมื่อมันเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเด็ดใบสาหร่ายมาดื้อ ๆ มันก็รีบส่งหยดน้ำพลังชีวิตของมันไปให้กับหลิงตู้ฉิงทันที เพราะกลัวว่ามันจะโดนเด็ดใบโดยตรงเหมือนกับสาหร่าย!