พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 948 หมัดที่สามารถสยบได้ทุกสิ่ง
หลิงยู่ชานเล็งหมัดไปที่หัวของเทียนเก๋อ!
ทางด้านของเทียนเก๋อ เมื่อเห็นว่าหมัดของหลิงยู่ชานลอยเข้ามา เขาก็ตอบโต้ทันทีด้วยพลังวิญญาณของตนเองสร้างพายุพลังแห่งกฎขึ้นและส่งมันเข้าใส่หลิงยู่ชาน
แต่น่าเสียดายที่พายุพลังแห่งกฎเหล่านั้นเมื่อมันเข้าใกล้หมัดของหลิงยู่ชาน พลังแห่งกฎต่าง ๆ ที่สถิตอยู่ในพายุสลายหายไปในทันทีเมื่อเผชิญกับอำนาจหมัดของหลิงยู่ชาน
ในทางกลับกัน ทางด้านของเทียนเก๋อกลับสัมผัสได้ว่าหมัดนี้ของหลิงยู่ชานนั้นตรึงร่างเขาเอาไว้ไม่ให้หลบหรือหนีไปไหนได้ เขาทำได้เพียงแค่ปะทะกับมันตรง ๆ ด้วยความแข็งแกร่งจากร่างกายของเขาเท่านั้น
“เจตจำนงหมัดงั้นเหรอ?” เทียนเก๋อ “ถึงแม้ว่าเจตจำนงหมัดของเจ้าจะแข็งแกร่งและหมัดของเจ้าจะดูพิสดาร แต่เมื่อต้องวัดกันที่ความแข็งแกร่งแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะแพ้เจ้างั้นเหรอ?”
เทียนเก๋อมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเขาเองเช่นกัน เพราะเขาคือผู้ที่มีรากฐานการบ่มเพาะขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 14 ซึ่งความสำเร็จนี้เหนือกว่าอัจฉริยะมากมายในอดีตที่เคยมีมาของสันเขาทรราช
แต่แล้วเมื่อหมัดของพวกเขาทั้งคู่ปะทะกัน เทียนเก๋อตกตะลึงกับความรุนแรงในหมัดของหลิงยู่ชานทันที เพราะหมัดนี้เพียงหมัดเดียวมันส่งผลให้ร่างของเขาลอยกระเด็นออกไปแถมแขนของเขาก็ชาไปทั้งแขน
“ทำไมถึงแข็งแกร่งอะไรได้ขนาดนี้?” เทียนเก๋อตกตะลึง
แน่นอนว่าหมัดนี้เพียงหมัดเดียวตัดสินใจได้เลยว่าในด้านความแข็งแกร่งของร่างกายหลิงยู่ชานนั้นเหนือกว่าเทียนเก๋อ
“เจ้าควรใช้พลังสายเลือดของตัวเองได้แล้ว!” หลิงยู่ชานพูดกับเทียนเก๋อ “หมัดต่อไปข้าจะไม่ออมมืออีกแล้ว ข้าจะใช้แรงทั้งหมดที่ข้ามีบวกกับพลังสายเลือดของข้าในหมัดต่อไป”
เทียนเก๋อพ่นลมหายใจ “ข้าไม่นึกเลยว่าร่างกายของเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ แถมเจ้ายังบรรลุเจตจำนงหมัดไปถึงระดับสูงได้แล้วอีกต่างหาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้งั้นเจ้าก็มีคุณสมบัติพอให้ข้าใช้ทุกอย่างสู้กับเจ้า!”
เขาคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน ซึ่งจุดแข็งของเขาคือการใช้กฎต่าง ๆ เข้าโจมตีหลิงยู่ชาน แต่ตอนนี้เจตจำนงหมัดอันแปลกประหลาดของหลิงยู่ชานกลับสามารถสยบกฎต่าง ๆ ได้หมด ดังนั้นสิ่งที่เทียนเก๋อเหลือในตอนนี้คือการต้องใช้พลังสายเลือดเพียงอย่างเดียวเพื่อต่อกรกับหลิงยู่ชาน ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่สามารถโต้กลับได้เลย
ดังนั้นเทียนเก๋อจึงใช้พลังสายเลือดของเขาทันที
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งแผ่ออกจากร่างเทียนเก๋ออย่างรุนแรงทันที จากนั้นหมอกเลือดแผ่กระจายออกจากรูขุมขนตามร่าง และปกคลุมเขาไปทั่วทั้งตัวอย่างหนาแน่นจนแทบจะมองไม่เห็นร่างกายของเขา และเห็นเป็นกลุ่มก้อนหมอกสีแดงที่เกาะรวมกันอยู่แทน
“เข้ามา!” เทียนเก๋อตะโกนขึ้นไปยังหลิงยู่ชาน
เพราะความมั่นใจในตัวเอง เขาจึงยังไม่โจมตีก่อน เขามั่นใจว่าถ้าเขาใช้พลังสายเลือดของตัวเองแล้ว หลิงยู่ชานไม่มีวันเทียบเขาได้แน่นอน
ทางด้านของหลิงยู่ชานก็ใช้พลังสายเลือดของเขาเช่นกัน และรูปลักษญ์ของเขาตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเทียนเก๋อ ซึ่งมีหมอกสีแดงปกคลุมเต็มทั่วจนแทบร่างมองไม่เห็นร่างกายที่แท้จริง
หลิงยู่ชานมองไปที่เทียนเก๋อด้วยสายตาเย้ยหยัน จากนั้นเขาตะโกนขึ้น “หมัดนี้ของข้าเหมือนกับหมัดที่แล้ว จงรับไป!”
มันคือหมัดธรรมดา ๆ เหมือนเดิม ซึ่งแฝงไปด้วยเจตจำนงหมัดและเป็นการประชันกันด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายโดยตรง
“ปัง!!!!”
พร้อมกันกับเสียงระเบิดอันดังสนั่น ด้วยแรงปะทะร่างของหลิงยู่ชานถอยกลับ 2-3 ก้าว แต่ร่างของเทียนเก๋อกลับกระเด็นกระดอนลอยถอยไปอย่างควบคุมไม่ได้
ด้วยหมอกเลือดที่ปกคลุมร่างกายพวกเขาจนมิดมันจึงไม่มีใครมองเห็นว่าทั้งคู่บาดเจ็บแค่ไหน แต่ถ้าวัดจากระยะที่ทั้งสองถอยหลังกลับจากแรงปะทะมันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลิงยู่ชานนั้นยังคงเหนือกว่า
“ดูเหมือนว่าต่อให้เจ้าจะเอาสายเลือดของข้าไปเจ้าก็ยังคงไร้น้ำยาอยู่ดี” หลิงยู่ชานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
เทียนเก๋อเมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของเขายิ่งน่าเกลียดมากกว่าเดิม
อันที่จริงแล้วประเด็นที่เขาขโมยพลังสายเลือดของหลิงยู่ชานมานั้นเป็นปมของเขามาโดยตลอด แล้วยิ่งตอนนี้ขนาดเขาเอาพลังสายเลือดของหลิงยู่ชานมาแล้ว หลิงยู่ชานยังแข็งแกร่งได้ขนาดนี้แล้วถ้าหากตอนนั้นเขาไม่ได้เอาพลังสายเลือดของหลิงยู่ชานมา คู่ปรับของเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน?
“ตอนแรกข้าตั้งใจจะออมมือให้เจ้าเพื่อเห็นแก่ส่วนรวมของพวกเราสันเขาทรราช แต่ในเมื่อเจ้าดูหมิ่นข้าไม่เลิกแบบนี้ งั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรกับเจ้าแล้ว!” ตอนนี้เทียนเก๋อถึงจุดเดือดเรียบร้อยแล้ว
เมื่อพูดจบ เทียนเก๋อพุ่งเข้าไปหาหลิงยู่ชานด้วยความเร็วเต็มที่ของเขาทันที แต่ในเวลาเดียวกัน หลิงยู่ชานก็ไม่ออมมือแม้แต่น้อยเขารับการโจมตีของเทียนเก๋อด้วยหมัดเต็มกำลังของเขาเหมือนเดิม
หลังจากการปะทะกันของหมัดอีกรอบ ผลลัพธ์ก็ออกมาคล้ายเช่นเดิม ซึ่งก็คือเทียนเก๋อกระเด็นถอยกลับไป
หลังจากกระเด็นถอยกลับไปคราวนี้ เทียนเก๋อตะโกนลั่นและใช้พลังชีวิตตัวเองหนุนความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นไปอีกจนหมอกสีแดงที่ปกคลุมรอบกายของเขากลายเป็นถูกดูดซับหลอมเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับผิวหนังและกล้ามเนื้อ จนในเวลานี้สามารถเห็นร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน เนื่องจากไม่มีหมอกสีแดงปกปิดอีกแล้ว แต่ผิวหนังของเขาทั่วตัวกลับกลายเป็นสีแดงมันวาวจนดูเหมือนอมนุษย์
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะยอมแลกพลังชีวิตของเขามาเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่ง แต่เมื่อปะทะกันอีกรอบเขาก็ยังโดนหมัดของหลิงยู่ชานชกกระเด็นถอยกลับไปอยู่ดี
แต่ด้วยความมุ่งมั่นทุกครั้งที่เทียนเก๋อกระเด็นลอยออกไป เมื่อเขาตั้งตัวได้ใหม่เขาจะพุ่งกลับเข้าโจมตีหลิงยู่ชานเสมอ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเทียนเก๋อจะพุ่งกลับไปหาหลิงยู่ชานกี่รอบ หลิงยู่ชานก็จะตอบโต้ด้วยวิธีเดิม ซึ่งก็คือใช้เพียงหมัดเดียวสวนออกไป
ส่วนมุมมองของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็จะเห็นว่าการกระทำของเทียนเก๋อตอนนี้นั้นมันช่างดูคล้ายกับแมลงวันที่พยายามตอมเป้าหมายอย่างไม่ลดละ ถึงแม้ว่าจะโดนไล่ออกไปสักร้อยรอบก็ตาม
พวกเขาทุกคนต่างส่ายหัวกันด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
หลังจากพยายามอยู่นาน ในที่สุดเทียนเก๋อก็หยุดลงและตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาลปนอับอายสุดขีดว่า “นอกจากหมัดบ้า ๆ บอ ๆ ของเจ้าแล้ว เจ้าไม่มีน้ำยาพอจะมีกระบวนท่าอื่นรึไง!?”
“หมัดนี้ที่ข้าคิดขึ้นมีเอาไว้สำหรับสยบทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ด้วยกำลัง ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องมีหมัดอื่นอีก” หลิงยู่ชานตอบกลับ “หากเจ้าไม่สามารถทำลายหมัดนี้ของข้าได้ เจ้าก็ไม่มีวันชนะข้า แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงยังมีไพ่ตายซ่อนเอาไว้อยู่ใช่ไหม? ข้าสัมผัสถึงมันได้ ข้าแนะนำให้เจ้าจงใช้มันออกมาเพื่อสู้กับข้าซะ เพราะต่อให้เจ้าจะใช้พลังสายเลือดแบบไหนเจ้าก็ไม่อาจเอาชนะข้าได้หรอก!”
เทียนเก๋อจ้องเขม็งไปที่หลิงยู่ชานด้วยสายตาเกลียดชัง จากนั้นเขาพูดว่า “เจ้าเดาถูกแล้ว ข้ามีไพ่ลับซ่อนอยู่ ซึ่งข้าคิดค้นมันเอาไว้สำหรับต่อกรกับพวกผู้สำเร็จเต๋าโดยเฉพาะ แต่ในเมื่อเจ้าวอนอยากหาเรื่องตายเอง งั้นข้าจะสนองความปรารถนาของเจ้าให้ ข้าอยากจะรู้นักว่าสีหน้าก่อนที่เจ้าจะตาย เจ้ายังจะมีท่าทีหยิ่งผยองแบบนี้ได้อยู่อีกรึเปล่า!”
เมื่อพูดจบเทียนเก๋อโคจรทักษะอาณาเขตสวรรค์ของเขาทันที ส่งผลให้ร่างของเขาแตกตัวออกกลายเป็นร่างมนุษย์โลหิตปรากฏขึ้นถึง 24 ร่าง
“นี่คืออาณาเขตสวรรค์ของข้า ซึ่งข้าตั้งชื่อให้มันว่าอาณาเขตโลหิตสวรรค์ ตอนนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าเจ้ากับข้ามันต่างกันแค่ไหน!” เทียนเก๋อตะโกนลั่น