พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 95 เตรียมตัวเดินทาง[รีไรท์]
บทที่ 95 เตรียมตัวเดินทาง[รีไรท์]
เสี่ยวเยว่เฟิงพูดพร้อมกับหยิบวัสดุล้ำค่ามากมายออกจากแหวนมิติ พร้อมกับกองพวกมันต่อหน้าหลิงตู้ฉิง “เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะเตรียมรถให้กับนายท่านด้วยตัวเอง แต่เมื่อข้าคิดถึงความสามารถของนายท่าน ดังนั้นข้าจึงนำแต่วัสดุมาและให้ท่านสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเองน่าจะเป็นการดีที่สุด”
เมื่อมองไปที่โลหะหลากสี แวววับที่อยู่ตรงหน้า หลิงตู้ฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้ามี โลหะแก่นแท้เลือดฟินิกซ์ ด้วยงั้นเหรอ?”
เสี่ยวเยว่เฟิงตอบด้วยความเคารพ “นี่เป็น แก่นแท้โลหะเลือดฟินิกซ์ ที่ข้านำติดตัวมาด้วยตอนที่ออกมาจากยอดเขาหมื่นเซียน ตอนนี้ข้าขอมอบให้นายท่านเพื่อเป็นของขวัญ”
“ท่านพ่อ แก่นแท้โลหะเลือดฟินิกซ์ คืออะไร?” หลิงว่านถิงซึ่งกำลังแกว่งอยู่บนชิงช้าถามอย่างสงสัย
หลิงตู้ฉิงตอบว่า “มันคือแร่เหล็กที่แปดเปื้อนไปด้วยเลือดของนกฟีนิกซ์ที่เคยอาศัยอยู่บนยอดเขาหมื่นเซียน มันมีพลังที่แข็งแกร่งมาก” หลิงตู้ฉิงตัดจบอยู่ที่เท่านี้ เขาไม่ได้ลงรายละเอียดว่าพลังนั้นมันคือพลังอะไร
หลิงตู้ฉิงคิ้วขมวดและหันกลับมาพูดกับเสี่ยวเยว่เฟิงว่า “สำหรับโลหะชิ้นนี้ ข้าคงยังไม่สามารถหลอมมันได้ เนื่องจากระดับพลังของข้ายังไม่สามารถเรียกใช้เพลิงระดับจักรพรรดิมาหลอมมันได้ เพราะฉะนั้นเจ้าเก็บมันไว้ก่อน รอจนกว่าข้าจะสามารถหลอมมันได้ข้าจะขอมันจากเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ส่วนวัสดุชนิดอื่นที่เหลือ ข้าจะใช้พวกมันสร้างรถม้าแบบง่าย ๆ ใช้ไปก่อน”
เมื่อพูดจบหลิงตู้ฉิงจึงเริ่มเปิดใช้ค่ายกลในบริเวณที่เขาใช้หลอมหลิงจู้ขึ้นมา เขานำเอาวัสดุทั้งหมดยกเว้นแก่นแท้โลหะเลือดฟินิกซ์ โยนเข้าไปในค่ายกลและหลอมรวมมันเข้าด้วยกัน จากนั้นก็เริ่มจารึกอักขระเวทย์ลงบนกองวัสดุที่กำลังหลอมรวมกันในค่ายกล
สำหรับเสี่ยวเยว่เฟิง นางเก็บแก่นแท้โลหะเลือดฟินิกซ์ลงในแหวนมิติของนาง และเดินมานั่งลงข้างหลิงตู้ฉิงและเฝ้าดูเขาอย่างตั้งใจ
ไม่นานท้องฟ้าก็มืดลงแต่หลิงตู้ฉิงไม่มีความตั้งใจที่จะพักผ่อน เขายังคงง่วนอยู่กับการสร้างรถม้าต่อไป
จ้าวเหมิงลู่และคนอื่น ๆ มองหลิงตู้ฉิงอย่างเป็นกังวล พวกเขาอยากบอกให้หลิงตู้ฉิงไปพักผ่อน แต่เมื่อพวกเขาเห็นท่าทางที่ตั้งใจของหลิงตู้ฉิง พวกเขาทำได้เพียงส่ายหัวและแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเอง
แต่ก่อนที่จ้าวเหมิงลู่ มี่ไล และหลิวเฟ่ยเฟ่ยจะเดินกลับเข้าห้อง พวกนางเห็นเสี่ยวเยว่เฟิงซึ่งนั่งรออยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิง จ้องเขาตาไม่กระพริบ พวกนางจังรู้สึกตื่นตัวและพึมพำในใจ
สารถีอะไร? เห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้หญิงอีกคนของเขาชัด ๆ!
หญิงสาวทั้งสามมีความคิดเดียวกัน แต่หลิงตู้ฉิงและเสี่ยวเยว่เฟิงไม่ได้สังเกตเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิงตู้ฉิงยังคงง่วนอยู่กับการสร้างรถม้า ตอนนี้เขาได้มาถึงขั้นตอนการตีขึ้นรูปโลหะ เสียงดัง โป้ง เป้ง ตีขึ้นรูปโลหะดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานทำให้ ถังชี่หยุน ไม่สามารถเริ่มชั้นเรียนได้
บรรดาเด็ก ๆ จึงได้มาเตือนหลิงตู้ฉิงให้หยุดส่งเสียงรบกวนชั้นเรียนของพวกเขา
เมื่อหลิงตู้ฉิงได้ยินที่ลูก ๆ ของเขาเตือน เขาจึงร่ายม่านกำแพงปิดกั้นเสียงขึ้น แยกพื้นที่ ที่เขาอยู่กับบริเวณชั้นเรียนของถังชี่หยุนออกจากกัน
หลิงตู้ฉิงใช้เวลา 5 วันในการสร้างรถคันนี้โดยไม่ได้หลับไม่ได้นอน หลังจากความพยายามไม่รู้จบสิ้นสุดลง รถม้าอันสวยงามก็ได้เสร็จสมบูรณ์ ตัวรถม้านั้นมีสีดำเงาวับและมีการตกแต่งลวดลายสีทองเข้มบนรถม้า แต่ขนาดของรถม้าดูเหมือนว่าจะสามารถรองรับคนได้เพียงสองหรือสามคนเท่านั้น
หลิงตู้ฉิงมองไปที่รถม้าที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความพึงพอใจ เขายิ้มและพูดขึ้น “ในที่สุดก็ใกล้จะเสร็จซะที แต่น่าเสียดายหากข้าสามารถเพิ่มแก่นแท้โลหะเลือดฟินิกซ์เข้าไปในมันได้มันก็คงจะดีกว่านี้หลายเท่า”
เสี่ยวเยว่เฟิง ผู้ซึ่งเฝ้าดูกระบวนการสร้างรถม้าของหลิงตู้ฉิงในช่วง 5 วันที่ผ่านมา นางกล่าวชื่นชมเขาด้วยสายตาเป็นประกายในขณะที่นางมองไปยังรถม้า “ความเชี่ยวชาญในการหลอมสมบัติของนายท่านนับว่าหาใครมาเทียบได้ยากยิ่งนัก”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “นี่มันแค่เรื่องเล็กน้อย ข้าแค่สร้างรถคันเล็ก ๆ ขึ้นมาเพียงคันเดียวไม่มีอะไรให้น่าพูดถึงหรอก”
พูดจบหลิงตู้ฉิงได้หันไปหาลูก ๆ ของเขาและตะโกนขึ้น “ว่านถิง เทียนหยุน ว่านจุน ฟ่างหัว พวกเจ้ามาหาพ่อที พ่อต้องการเลือดของพวกเจ้าคนละหนึ่งหยดมาประทับลงบนรถม้าคันนี้”
เด็กทั้งสี่เมื่อได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิง พวกเขาเอียงคอด้วยความสงสัย พวกเขางุนงงว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงต้องการนำเลือดของพวกเขาไปประทับหลอมรวมกับรถม้า
แต่ถึงแม้จะมีความสงสัย พวกก็ยังว่านอนสอนง่ายเดินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงและให้หลิงตู้ฉิงกรีดนิ้วและนำเลือดของพวกเขาคนละหนึ่งหยดใส่ลงในชามที่เตรียมรอไว้
หลิงยู่ชาน หลิงยี่เทียน และแม้แต่หลิงไช่หยุนเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่ถูกเรียก พวกเขาจึงเดินเข้ามาถามเช่นกัน “ท่านพ่อ ท่านต้องการเลือดของพวกเราด้วยไหม?”
“เลือดของพวกเจ้ายังไม่จำเป็นตอนนี้” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ พลางคนเลือดของเด็กทั้งสี่คนในชามให้รวมกันและร่ายอักขระลงบนเลือดที่ผสมเสร็จสิ้น จากนั้นจึงสาดเข้าใส่รถม้าเพื่อเป็นการจบขั้นตอนในการสร้างมัน
เมื่อรถม้าเสร็จสมบูรณ์แล้ว หลิงตู้ฉิงจึงชี้ไปยังรถม้าและพูดกับเสี่ยวเยว่เฟิง “ในฐานะที่เจ้าเป็นสารถี ข้าจะมอบรถม้าคันนี้ไว้ให้อยู่ในความดูแลของเจ้า เมื่อข้าต้องการใช้งานมันเมื่อไหร่ ข้าค่อยเรียกหาเจ้าอีกที”
เมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงสั่งเสร็จ เสี่ยวเยว่เฟิงจึงลองขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับและพูดด้วยน้ำเสียงเคารพ “ทราบแล้ว นายท่าน”
คนอื่น ๆ ต่างพากันสงสัย ทำไมหลิงตู้ฉิงที่ใช้ความพยายามมากมายในการสร้างรถคันนี้ถึงมอบให้กับเสี่ยวเยว่เฟิงง่าย ๆ ทั้งที่นางพึ่งมาอยู่ใหม่? และรถม้าคันนี้ทำอะไรได้บ้าง? และถ้าหากวันไหนที่พวกเขาต้องการออกไปข้างนอกพร้อม ๆ กันหมดรถม้าเล็กแค่นี้จะขนพวกเขาไปพร้อมกันหมดได้ยังไง? และพวกเขาควรที่จะลองเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างในดีไหม?
แต่เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้กล่าวอนุญาตให้พวกเขาตรวจสอบมัน พวกเขาจึงทำได้แค่ยืนดูห่าง ๆ
จ้าวเหมิงลู่เมื่อเห็นว่ารถม้าเสร็จแล้วจึงพูดกับหลิงตู้ฉิง “ในเมื่อรถม้าเสร็จแล้ว ข้าคิดว่าเราควรเตรียมการเดินทางไปเมืองหลวงได้แล้ว ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูหนาว การเดินทางของเราอาจจะล่าช้าเพิ่มขึ้น ข้าอยากให้พวกเด็ก ๆ ไปถึงเมืองหลวงไว ๆ พวกเขาจะได้รีบไปรายงานตัวที่สถาบันราชวงศ์ จากนั้นพวกเขาได้มีเวลาเตรียมตัวในการเข้าเรียนในเทอมการศึกษาหน้าได้ทัน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “พวกเราจะเตรียมตัวไปเมืองหลวงกันทันที ว่าแต่มี่ไลเจ้าจะไปกับพวกเราหรือไม่?”
มี่ไลรีบพูดขึ้น “ทุกที่ที่นายท่านไป ข้าจะไป แต่นายท่าน ก่อนจะไปเมืองหลวงข้าขอกลับตระกูลเพื่อไปบอกลาครอบครัวก่อนได้ไหม?”
“ได้” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
เมื่อได้ยินคำอนุญาตของหลิงตู้ฉิง มี่ไลจึงเดินออกจากเรือนไปทันที
หลิงตู้ฉิงได้หันมาทางพวกผู้คุ้มกันและเอ่ยขึ้น “ถ้าพวกเจ้าเต็มใจที่จะเป็นคนของข้าต่อไป พวกเจ้าสามารถไปพบข้าได้ที่เมืองหลวง”
จู้กว่างเต๋อและคนอื่น ๆ พูดด้วยความละอายใจเล็กน้อย “นายท่าน ขอบคุณที่ให้เราติดตามท่านมาโดยตลอดแต่พลังของพวกเราอ่อนแอเกินไป ข้ากลัวว่าพวกเราจะไม่สามารถเป็นผู้คุ้มกันที่ดีให้นายท่านได้หากเจอกับผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งขึ้นมา…”
พวกเขารู้ดีถึงความสามารถของตัวเองและซาบซึ้งในช่วงเวลาที่โม่หยูถังชี้แนะพวกเขาให้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณ แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามที่หลิงตู้ฉิงอาจจะต้องเผชิญในอนาคต ไม่ใช่ว่าพวกเขากลัวตายแต่พวกเขานั้นรู้ตัวดีว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมีไม่เพียงพอ พวกเขาละอายเกินกว่าที่จะเป็นผู้คุ้มกันต่อไป
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ถ้าพวกเจ้าเต็มใจที่จะติดตามข้าต่อ พวกเจ้าจงไปพบข้าที่เมืองหลวงอีกที”
“ขอบคุณสำหรับความเมตตาของนายท่าน พวกเราจะไปแน่นอน!” เมื่อเห็นความตั้งใจของหลิงตู้ฉิงที่จะเก็บพวกเขาไว้ พวกเขาจึงมีความสุขเป็นอย่างมาก
หากพวกเขาสามารถติดตามบุคคลเช่นหลิงตู้ฉิงได้ พวกเขาย่อมที่จะไม่ปฎิเสธแน่นอน แต่ก็มีสิ่งที่พวกเขาคิดว่าแปลก นั่นคือในเมื่อหลิงตู้ฉิงยังต้องการให้พวกเขาติดตามเฝ้ารับใช้ต่อ แต่ทำไมหลิงตู้ฉิงถึงไม่ให้พวกเขาเดินทางไปพร้อม ๆ กัน ทำไมต้องแยกการเดินทางเป็นสองกลุ่มด้วยล่ะ?
หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากหลิงตู้ฉิง มี่ไลก็กลับไปรายงานพ่อแม่ของนาง ส่วนคนอื่น ๆ ในตระกูลหลิงก็เริ่มเก็บข้าวเก็บของเพราะพวกเขาอาจจะต้องไปอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเวลานาน
ในระหว่างที่เรือนหลิงกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมตัวเดินทางไปเมืองหลวง ข่าวเหตุการณ์การประลองที่เมืองฟินิกซ์ตอนนี้ได้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
เด็กที่อยู่ในระดับ 4 เอาชนะและสังหารเด็กอีกคนที่อยู่ในเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 10 และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราถูกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตควบแน่นลมปราณสังหารภายในพริบตา ข่าวเหล่านี้ล้วนทำให้ผู้คนที่ได้ยินได้แต่อ้าปากค้าง โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราทั้งหลาย
สำหรับทวีปเทียนหยวน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารานับได้ว่าเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทาน หากไม่เพลี่ยงพล้ำจริง ๆ แทบจะไม่มีใครสามารถฆ่าให้ตายได้เลย ข่าวนี้ทำให้พวกเขารู้สึกถึงภัยคุกคามอันใหญ่หลวงที่สามารถเกิดขึ้นได้กับพวกเขา
“นี่มันบ้าอะไรกัน ทำไมมันถึงมีความแข็งแกร่งที่บ้ามากขนาดนี้?” เจิ้นฟูเห่าที่ได้ทราบข่าว เขาเองยังตกตะลึง
จี้ชิงหยวนที่เป็นผู้นำข่าวมารายงานได้พูดตอบด้วยอาการหวาดกลัว “นายท่าน ที่ผู้อาวุโสหวูตายนั่นเป็นเพราะไอ้แส้หางม้าของหลิงตู้ฉิง ขอรับนายท่าน”
เจิ้นฟูเห่าครุ่นคิดอยู่สักพักจึงพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าเราจะต้องพักเรื่องการแก้แค้นออกไปก่อนจนกว่าเราจะสามารถหาทางรับมือกับไอ้แส้หางม้าที่เจ้าว่าได้ เจ้าส่งคนออกไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกมันไว้ด้วย หากมีอะไรน่าสงสัยให้มารายงานข้าในทันที!”
ตอนนี้ในใจของเจิ้นฟูเห่านั้นมีแต่ความขมขื่น ลูกชายของเขาทั้งสองคนได้ตกตายลงไป แต่เขากลับยังไม่สามารถแก้แค้นให้ได้
เช่นเดียวกับเจิ้นฟูเห่าที่ได้รับข่าว จ้าวปาเทียนในตอนนี้เองได้รับรายงานเรื่องราวทั้งหมดจากเฮ่อเจี้ยนปิงที่พึ่งกลับมาถึงแล้วเช่นกัน
“ท่านอาจารย์ นี่คือเหตุการณ์โดยรวมทั้งหมดที่ข้าพบเจอในเมืองฟินิกซ์ ในความเห็นข้าบรรดาลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงนั้นพิศดารอย่างแท้จริง ข้าคิดว่าเราควรจะรีบนำพวกเขามาที่สถาบันราชวงศ์โดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นสถาบันอื่น ๆ อาจจะชิงตัวตัดหน้าพวกเขาไปจากเราเสียก่อน”
จ้าวปาเทียนพยักหน้าและพูดขึ้น “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องพาพวกเขามาหรอก ข้าได้ให้หลานของข้านำจดหมายเชิญตัวไปให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว ข้าคิดว่าอีกไม่นาน นางคงจะพาพวกเขากลับมาที่นี่แน่นอน”
เฮ่อเจี้ยนปิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ว่าแต่เจ้ารู้ไหมว่าไอ้สมบัติวิเศษที่หลิงตู้ฉิงใช้มันคืออะไร” จ้าวปาเทียนถามขึ้น
เฮ่อเจี้ยนปิงเมื่อได้ยินคำถามเขาส่ายหัวและตอบกลับว่า “ท่านอาจารย์ ข้าเห็นแต่เพียงว่าของสิ่งนั้นมันคือแส้หางม้า แต่ข้าไม่รู้ถึงระดับที่แท้จริงของมันเหมือนกันว่าเป็นสมบัติระดับไหน แต่หากดูจากพลังอำนาจของมันที่สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราได้แบบนั้น ข้าคิดว่าอย่างน้อย ๆ มันคงต้องอยู่ในระดับวิญญาณขั้นสูงอย่างแน่นอน”
“เป็นไปได้ ๆ” จ้าปาเทียนผงกหัวพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง
จ้าวปาเทียน ที่ตอนนี้รู้เรื่องราวทั้งหมด เขาเริ่มคิดทบทวนถึงคำพูดของจ้าวเหมิงลู่ที่คัดค้านการให้หลิงตู้ฉิงมาเป็นแค่ผู้ช่วย ด้วยความสามารถระดับนี้เมื่อหลิงตู้ฉิงมาถึงเมืองหลวง จ้าวปาเทียนคิดว่าการให้หลิงตู้ฉิงมาเป็นอาจารย์นั้นน่าจะเหมาะสมกว่าเสียแล้ว