พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 954 สำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์
บรรยากาศภายในสำนักสุริยะม่วงตอนนี้กำลังอยู่ในสภาวะมืดหม่น ผู้คนของสำนักต่างกำลังรู้สึกเศร้าหมองและขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก
พวกเขาลงทุนหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อการเดินทางไปภูมิภาคอี้ซางจนสุดท้ายพวกเขาก็สามารถครอบครองอาณาเขตเล็ก ๆ ได้อาณาเขตหนึ่ง
แต่แล้วในขณะที่พวกเขาคิดว่าตัวเองถูกรางวัลใหญ่เข้าให้ โชคร้ายก็มาเยือนพวกเขาทันที จู่ ๆ สำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ก็ฆ่าคนของพวกเขาที่อยู่ในภูมิภาคอี้ซางจนหมด
ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขาส่งคนชุดใหม่เดินทางไปที่นั่นอีกชุดเพื่อไปนำทรัพยากรกลับมาที่สำนัก พวกเขาก็คงไม่รู้เช่นกันว่าคนของพวกเขาได้ตายไปหมดแล้ว และด้วยความแข็งแกร่งที่ต่างกันเป็นอย่างมากระหว่างสำนักของพวกเขากับสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ พวกเขาจึงไม่สามารถล้างแค้นได้ด้วยตัวเอง
สุดท้ายด้วยความคับแค้นใจ พวกเขาจึงคิดแผนการหนึ่งออกซึ่งก็คือไปขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรจันทราที่พวกเขาเป็นพันธมิตรให้มาช่วยพวกเขาจัดการกับสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์แทน
“ท่านเจ้าสำนักไม่ต้องกังวล!” หนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักยิ้มให้กับฮ่าวหมิงหยาง เจ้าสำนักสุริยะม่วง “ในตอนที่ข้าออกไปส่งศิษย์น้องของข้าไปหาราชันแห่งมวลมนุษย์ ข้าย้ำเตือนเขาเป็นอย่างดีให้เขาไปพูดขอความช่วยเหลือต่อหน้าผู้คนเท่านั้น ข้ามั่นใจว่าเมื่อเผชิญกับสายตาของคนจำนวนมากองค์ราชันแห่งมวลมนุษย์จะต้องตอบตกลงแน่นอนเพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่น หากเขาตอบปฏิเสธมันจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของเขาเอง”
ฮ่าวหมิงหยางขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้าวางแผนแบบนี้มันจะไม่ดูเกินไปหน่อยรึยังไง?หากราชันแห่งมวลมนุษย์โกรธขึ้นมาสำนักของเราจะยิ่งมีปัญหามากขึ้นกว่าเดิมเจ้าได้คิดถึงเรื่องบ้างรึเปล่า?”
ผู้อาวุโสคนเดิมส่ายหัวและตอบกลับด้วยสีหน้าหนักแน่น “ท่านเจ้าสำนักถึงแม้ราชันแห่งมวลมนุษย์จะไม่พอใจพวกเรา แต่เขาก็ยังต้องช่วยพวกเราล้างแค้นสำนักอัสนีสวรรค์อยู่ดีสิ่งนี้คือเรื่องที่สำคัญที่สุด!”
แต่ก่อนที่ฮ่าวหมิงหยางจะทันได้ตอบอะไรกลับไป จู่ ๆ หลิงตู้ฉิงก็ปรากฏกายตรงหน้าพวกเขาและพูดว่า “การที่สำนักของพวกเจ้าถูกรังแกแบบนี้มันเป็นเพราะเหตุผลเดียว ซึ่งก็คือพวกเจ้ามันอ่อนแอ”
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงปรากฏกายขึ้น ฮ่าวหมิงหยางอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นเขารีบคุกเข่าลงคำนับทันที “อะ องค์เหนือหัว เจ้าสำนักสุริยะม่วง ฮ่าวหมิงหยาง ขอถวายความเคารพต่อท่าน!”
บรรดาผู้อาวุโสที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ของสำนักต่างก็รีบคุกเข่าลงคำนับเช่นกันด้วยท่าทีลนลาน
ในตอนนี้ทุกสำนักทั่วโลกนั้นรู้แล้วว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใคร และทุกสำนักต่างก็มีภาพวาดของหลิงตู้ฉิงเก็บไว้เพื่อให้ทุกคนในสำนักได้รู้ว่าใบหน้าของหลิงตู้ฉิงเป็นยังไง เผื่อว่าเจอที่ไหนพวกเขาจะได้ไม่หาเรื่องใส่ตัว
ตอนนี้เมื่อหลิงตู้ฉิงปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา หัวใจของฮ่าวหมิงหยางเต้นรัวราวกับกลองศึก เขาไม่รู้ว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงมาที่สำนักของเขาเช่นนี้
“พวกเจ้าทุกคนลุกขึ้น!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ข้ามาที่นี่เพราะมาช่วยพวกเจ้าสะสางปัญหาที่มีกับสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ แต่ในเมื่อพวกเจ้ามีเล่ห์กลเยอะนักข้าจะช่วยพวกเจ้าแค่ตามสมควร เอาล่ะตามข้าไปที่สำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์เดี๋ยวนี้ ข้าจะให้พวกเขาชดใช้ต่อพวกเจ้าอย่างเหมาะสม”
ผู้อาวุโสคนที่วางแผนเหงื่อแตกเต็มร่างทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขารีบเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหวาดกลัวว่า “องค์เหนือหัวที่พวกเราทำไปนั้นเป็นเพราะ…”
“ตามข้ามา!” หลิงตู้ฉิงตวาดขึ้นแทรกทันทีไม่สนใจสิ่งที่พวกเขาต้องการอธิบายเพราะเรื่องนี้มันไร้สาระเกินไปสำหรับเขา
ฮ่าวหมิงหยางเหล่ไปที่ผู้อาวุโสคนที่วางแผนทั้งหมดด้วยสายตาขุ่นเคืองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขารีบบินตามหลิงตู้ฉิงไปทันที
ตอนนี้เขารู้สึกโมโหผู้อาวุโสของเขา แต่เขาก็รู้ว่าต่อให้พูดอะไรไปมันก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว
ตอนนี้ฮ่าวหมิงหยางได้แต่หวังว่าหลิงตู้ฉิงจะช่วยทวงคืนอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางให้กับพวกเขา ถึงแม้ว่าสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์จะแข็งแกร่ง แต่ถ้าหากหลิงตู้ฉิงเป็นคนออกหน้าให้ สำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ก็จำเป็นต้องยอมถอยให้กับพวกเขาเหมือนกัน
เมื่อเดินทางไปถึงสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ หลิงตู้ฉิงตะโกนสั่งคนเฝ้าทางขึ้นเขาทันที “ไปเรียกเจ้าสำนักของเจ้าออกมาหาข้า!”
คนเฝ้าทางขึ้นเขาในตอนแรกเขาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เพราะจู่ ๆ หลิงตู้ฉิงก็ตะโกนสั่งเขาซะอย่างนั้น แต่เมื่อเขามองสำรวจไปที่หลิงตู้ฉิงดี ๆ เขาก็จำได้ว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใคร ดังนั้นเขาจึงรีบบินขึ้นไปบนสำนักทันที
เจ้าสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์รู้สึกตื่นตระหนกทันทีเมื่อรู้ว่าหลิงตู้ฉิงมาเยือนสำนักของเขา
เทพมรณะจากยุคที่แล้วจู่ ๆ ก็มาเยือนพวกเขา เป็นใครกันจะไม่ตื่นตระหนก?
เขารีบไปพบกับบรรพบุรุษของสำนักเพื่อรายงานเรื่องนี้ทันที ซึ่งบรรดาบรรพบุรุษก็รู้สึกตื่นตระหนกไม่ต่างจากเขาเช่นกัน
“ลองไปคุยกับเขาดูก่อนดูว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ จากนั้นพวกเราค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อไป แต่ว่าพวกเราทุกคนต้องตื่นตัวเอาไว้ตลอดมันมีโอกาสสูงมากที่เขาจะมาหาเราด้วยเจตนาร้าย” บรรพบุรุษ ซึ่งมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดเอ่ยขึ้น
บรรพบุรุษอีกคนหนึ่งถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “ถ้าหากว่าเขามาหาเราด้วยเจตนาร้ายพวกเราจะไปทำอะไรได้? ไม่เห็นสภาพของสำนักเงินตราเหรอว่าเป็นยังไง? เอาเป็นว่าพวกเรารีบลงไปหาเขาก่อนก็แล้วกัน แต่ทุกคนห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาด”
เจ้าสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ จี๋ซิงอี้พยักหน้า จากนั้นเขารีบลงเขาไปพบกับหลิงตู้ฉิงทันที “ผู้อาวุโส ผู้เยาว์เจ้าสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ จี๋ซิงอี้ ขอคารวะท่าน ข้าไม่ทราบมาก่อนว่าท่านจะมาเยือนสำนักข้า ข้าจึงไม่ได้เตรียมต้อนรับท่านให้ดีโปรดผู้อาวุโสอภัยให้กับข้าด้วย”
เมื่อพูดจบและเหลือบไปเห็นฮ่าวหมิงหยางมากับหลิงตู้ฉิง หัวใจของจี๋ซิงอี้หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที เพราะเขาเดาได้เลยว่าวันนี้เป็นวันซวยของสำนักเขาแน่นอน
เขาไม่เคยนึกเลยว่าสำนักเล็ก ๆ อย่างสำนักสุริยะม่วงจะสามารถเชิญตัวตนอย่างหลิงตู้ฉิงมาได้แบบนี้
เขาจะทำยังไงต่อไปดี!
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองเข้าไปในสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ จากนั้นเขาเบนสายตากลับมามองที่จี๋ซิงอี้ และพูดว่า “ข้ามาเยือนสำนักของเจ้าเพราะมีอยู่สองเรื่องที่ต้องคุยด้วย เรื่องแรกคือเรื่องที่พวกเจ้าฆ่าคนของสำนักสุริยะม่วงที่ภูมิภาคอี้ซาง เรื่องที่สอง เทพมรณะคนที่เจ็ดของตำหนักดับเซียนเป็นคนของเจ้ารึเปล่า? เรื่องนี้เจ้าต้องตอบข้ามาอย่างสัตย์จริงและอย่าจงใจถ่วงเวลาข้า ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่สำนักของเจ้าจะต้องเผชิญมันจะร้ายแรงตามระยะเวลาที่พวกเจ้าทำให้ข้ารอ”
เมื่อจี๋ซิงอี้ได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงมาหาเขาเพราะเรื่องสำนักสุริยะม่วง สีหน้าของเขากลายเป็นมืดหม่นทันที แต่แล้วเมื่อได้ยินเรื่องของเทพมรณะคนที่เจ็ด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งค้างด้วยความสับสน
“ผู้อาวุโส ในเรื่องของสำนักสุริยะม่วงพวกเราสามารถคุยกันได้ แต่เรื่องของเทพมรณะนั้นข้าไม่รู้เรื่องจริง ๆ” จี๋ซิงอี้รีบตอบกลับ
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วทันที “เจ้าไม่รู้ เจ้าก็ลองไปถามคนอื่นดูเอาก่อนสิ! แต่ถ้าหากเจ้าไปถามแล้วคนอื่นยังตอบว่าไม่รู้อีก ข้าจะถือว่านั่นคือคำตอบที่พวกเจ้าให้กับข้า ซึ่งถ้าในอนาคตข้าได้รู้ว่าพวกเจ้าโกหกข้าแล้วล่ะก็พวกเจ้าได้เจอดีแน่!”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงหันไปถามฮ่าวหมิงหยางว่า “คนของเจ้ากี่คนที่โดนสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ฆ่าไป?”
“เรียนองค์เหนือหัว 234 คน!” ฮ่าวหมิงหยางรีบตอบกลับทันที
จำนวนนี้คือจำนวนคนของสำนักเขาที่ส่งไปที่ภูมิภาคอี้ซางทั้งหมด ซึ่งไม่มีใครเหลือรอดกลับมาเลย
หลังจากถามถึงจำนวนเรียบร้อยแล้ว หลิงตู้ฉิงหันไปหาจี๋ซิงอี้และพูดว่า “ในเรื่องของสำนักสุริยะม่วง ข้ามีสองทางเลือกให้เจ้าเลือก ทางเลือกแรกคือเจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิตคนของสำนักเจ้าเองตามจำนวนที่สำนักสุริยะม่วงเสียไป หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็คือเจ้าจะต้องให้ฮ่าวหมิงหยางเลือกคนของเจ้า 234 คน เพื่อไปช่วยลูกชายของข้ารบกับเผ่าอสูรและฆ่าอสูรให้ได้ครบ 1 ล้านตัว จากนั้นคนของเจ้าถึงจะได้รับอิสระ”
“ส่วนผลงานทั้งหมดที่คนของเจ้าได้ทำลงไปในสนามรบมันจะถูกถ่ายโอนให้กับสำนักสุริยะม่วงทั้งหมดเพื่อเป็นการชดใช้ ข้าจะให้เวลาเจ้าในการไตร่ตรองตัวเลือกและไปถามข้อมูลเกี่ยวกับเทพมรณะคนที่เจ็ด 2 ชั่วยาม แต่ถ้าผ่านไป 2 ชั่วยามเจ้ายังไม่มีความคืบหน้า ข้าจะเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างให้เจ้าเอง เอาล่ะรีบไปได้แล้วข้าจะรอคำตอบที่ตรงนี้!”
จี๋ซิงอี้รีบตอบกลับทันที “ผู้อาวุโสโปรดรอข้าสักครู่ หลังจากที่ข้าปรึกษากับบรรพบุรุษของข้าเสร็จ ข้าจะรีบออกมาให้คำตอบท่านทันที!”