พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 962 ช่วยเหลือตระกูลหลินครั้งสุดท้าย
หลังจากฆ่าผู้ส่งสาสน์ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์เสร็จ หลิงตู้ฉิงจากไปทันทีส่งผลให้ผู้คนของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ก่อนหน้านี้ผู้ส่งสาสน์ของพวกเขาวางแผนกับพวกเขาเป็นอย่างดีเรื่องการกำจัดหลิงตู้ฉิง
พวกเขาต่างเตรียมแผนการเอาไว้มากมาย แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่าผู้ส่งสาสน์ของตัวเองโดนบดขยี้ง่ายขนาดไหน พวกเขาก็สำนึกได้ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขากับหลิงตู้ฉิงนั้นมันคนละระดับกันเลย
แน่นอนว่าถึงแม้จะเข้าใจว่าอยู่คนละระดับ แต่พวกเขาหลายคนก็ยังคงอาฆาตแค้นและคิดในใจว่าสักคนพวกเขาจะต้องแก้แค้นให้ได้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
หนานกงหลิง เมื่อเห็นภาพเช่นนี้เขาก็ไม่ใส่ใจอะไรอีก เขาปิดด่านบ่มเพาะทันทีเพื่อทะลวงไปยังขอบเขตราชันให้เร็วที่สุด
เขารู้ตัวดีว่าเมื่อเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันเมื่อไหร่ ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนทำให้เขามีสิทธิ์ออกเสียงในตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น และนั่นจะเป็นก้าวแรกที่เขาจะครอบครองตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์
ถึงแม้ว่าอาจารย์ของเขาจะมองไม่เห็นความหวังว่าผู้คนของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์จะฟังเขา แต่เขาก็จำเป็นต้องลองดู
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาออกจากตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาก็มุ่งหน้าไปที่อาณาเขตหนานหัว
แต่แล้วเมื่อเขาเข้าไปในอาณาเขตหนานหัว จู่ ๆ ฝนทองคำก็โปรยปรายลงมาพร้อมกับดอกบัวทองคำก็ผุดขึ้นจากพื้นดิน ซึ่งเป็นสัญญาณการปรากฏของผู้สำเร็จเต๋าคนที่ 5 !
หลิงตู้ฉิงไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วผู้สำเร็จเต๋าคนที่ 5 นั้นคือผู้ติดตามของเขาเอง มหาจักรพรรดิเทพยุทธ์ กวนหลิงอู่
ในเวลาเดียวกันที่ตำหนักเทพยุทธ์ ผู้คนที่อยู่ในตำหนักต่างส่งเสียงโห่ร้องกันด้วยความดีใจ เพราะผู้นำของพวกเขาได้กลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าแล้ว และจากนั้นพวกเขาก็เริ่มส่งข่าวที่น่ายินดีนี้ให้กับบรรดาพันธมิตรของพวกเขาได้รู้
ทางด้านของกวนหลิงอู่ ในเวลานี้ก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นเช่นกัน ในที่สุดตอนนี้ฝันของเขาก็เป็นจริงสักที!
“ข้านี่ช่างโชคดีกว่าจางหมิงและผีเสื้อจริง ๆ!” กวนหลิงอู่เอ่ยขึ้น “ในตอนนี้มันถึงเวลาที่ข้าจะได้มีส่วนในการรบกับพวกอสูรได้อย่างเต็มตัวแล้ว!”
หลังจากที่สำเร็จเต๋า กวนหลิงอู่บรรยายเต๋าของเขาให้กับคนในตำหนักฟังทันที จากนั้นเขาเตรียมตัวเดินทางไปหาหลิงยี่เทียนเพื่อเข้าสู่สนามรบ
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ไปปรากฏกายที่เกาะหนานชานอีกครั้ง
แต่รอบนี้เมื่อเขาปรากฏกาย เหล่าผู้คนตระกูลหลินต่างรีบออกมาคารวะเขาทันทีไม่เหมือนกับรอบแรกที่เขามา ซึ่งไม่มีใครรู้จัก
หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี หลินจ้านเผิงได้ทะลวงระดับการบ่มเพาะขึ้นมาอยู่ขอบเขตราชันเรียบร้อยแล้ว เมื่อเขาพบกับหลิงตู้ฉิง เขารีบคุกเข่าลงคำนับด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันที “ผู้เยาว์ขอคารวะบรรพบุรุษเฒ่า!”
ในเวลานี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าหลิงตู้ฉิงนั้นเป็นตัวตนแบบไหนและเคยสร้างวีรกรรมอะไรบ้างในอดีต ซึ่งพวกเขารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่มีบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งเช่นนี้
“ลุกขึ้นเถอะ!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
ผู้คนของตระกูลหลินต่างลุกขึ้นยืน จากนั้นหลินหรูซวนเอ่ยถามขึ้นก่อนใคร “บรรพบุรุษท่านมาหาพวกเรามีอะไรงั้นเหรอ?”
“ทำไม? เจ้าไม่ต้อนรับข้างั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
หลินหรูซวนรีบตอบกลับทันทีด้วยสีหน้าร้อนรน “ต้อนรับแน่นอน พวกเราต้อนรับท่านเสมอ แต่ข้าแค่สงสัยว่าครั้งนี้บรรพบุรุษมีของฝากอะไรดี ๆ มามอบให้กับพวกเราบ้าง?”
หลินจ้านเผิงรีบพูดขึ้นแทรก “หรูซวน เจ้าอย่าเสียมารยาทกับบรรพบุรุษแบบนี้!”
ถึงแม้ว่าเขาจะตำหนิหลินหรูซวน แต่สายตาของเขาในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวังเช่นกัน
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ครั้งนี้ที่ข้ามา ข้าเอาของฝากมาให้พวกเจ้ามากมาย ข้ารับประกันว่าพวกเจ้าจะไม่ผิดหวังแน่นอน ข้าไม่อยากจะให้พวกเจ้าเอาข้าไปบ่นลับหลังว่าข้าไม่ใส่ใจพวกเจ้า อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะว่าพวกเจ้าบ่นอะไรข้าตอนที่ข้าไม่อยู่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง หลินหงเหวินและคนอื่น ๆ ต่างยิ้มกันอย่างกระอักกระอ่วน
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและยิ้มอย่างเหนื่อยใจ จากนั้นเขาเริ่มแจกของทันที อันดับแรกเขาหยิบอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา 3 ชิ้น ชิ้นแรกมอบให้กับหลินจ้านเผิง ชิ้นต่อมาให้กับหลินหงเหวินและชิ้นสุดท้ายมอบให้กับหลินหรูซวน ต่อมาเขาหยิบอาวุธระดับจักรพรรดิออกมากองไว้ 50 อัน และอาวุธระดับสวรรค์อีก 300 อัน และมอบพวกมันให้กับหลินจ้านเผิงทั้งหมด และพูดว่า “จงเอาอาวุธทั้งหมดนี้ไปแจกจ่ายให้กับคนในตระกูลที่เจ้าเห็นว่าเหมาะสมเพื่อทำให้ตระกูลแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
“ส่วนตัวเจ้าเองจงตั้งใจบ่มเพาะเคล็ดวิชาบุปผาทักษิณที่ข้ามอบให้ ถึงแม้ว่าวันนี้พวกเจ้าจะเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาเขตระแวกนี้ แต่เจ้าอย่าได้ลุ่มหลงไปกับอำนาจที่มีอยู่เด็ดขาด จงอย่าได้รังแกผู้อื่นก่อนและเพื่อให้พวกเจ้าเห็นตัวอย่างที่ชัดเจน หลังจากนี้ข้าจะสร้างประตูเคลื่อนย้ายให้กับพวกเจ้าเพื่อให้พวกเจ้าสามารถไปดูการรบระหว่างเผ่ามนุษย์และอสูรที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้เพื่อให้เจ้าได้ศึกษาความผิดพลาดของเหล่าอสูรที่ถึงแม้พวกมันจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ถ้ารังแกผู้อื่นมากเกินไปท้ายที่สุดผลลัพธ์ที่พวกมันต้องเผชิญก็คือความตาย”
“และสิ่งสุดท้ายที่ข้าจะมอบให้ก็คืออาณาเขตที่เต็มไปด้วยทรัพยากรมากมายในภูมิภาคอี้ซาง พวกเจ้าสามารถไปเก็บเกี่ยวทรัพยากรของที่นั่นได้อย่างอิสระเพราะอาณาเขตนั้นข้าได้จับจองเอาไว้ให้เป็นของพวกเจ้าแต่เพียงผู้เดียว แต่ถึงแม้ว่าอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางจะอุดมสมบูรณ์และดีเลิศขนาดไหน พวกเจ้าก็ห้ามทิ้งอาณาเขตหนานหัวเป็นอันขาด ที่นี่คือจุดกำเนิดของตระกูลเรา พวกเจ้าจำเป็นต้องปกปักษ์รักษาที่นี่เอาไว้ตลอดกาล”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงมอบเหรียญผลึกจักรพรรดิจำนวนมหาศาลให้กับหลินจ้านเผิง พร้อมกับโอสถจำนวนมากมาย ซึ่งทำให้คนในตระกูลดีใจกันเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่พวกเขาตื่นเต้นกันมากที่สุดก็คือหลังจากที่หลิงตู้ฉิงมอบสิ่งของให้กับพวกเขาเสร็จ หลิงตู้ฉิงสร้างตำหนักขนาดใหญ่ขึ้นและแบ่งอำนาจเต๋าที่เขาได้มาจากพวกผู้ส่งสาสน์ทั้งหลายมาสร้างมหาวิถีเต๋าให้กับอาณาเขตหนานหัว และจับมหาวิถีเต๋าใส่เข้าไปในตำหนักที่เขาสร้างขึ้น เพื่อที่ผู้คนของตระกูลหลินสามารถดึงอำนาจของมันมาใช้ได้อย่างสะดวก
ในตอนที่หลินจ้านเผิงเห็นการกระทำนี้ของหลิงตู้ฉิง เขาแสดงสีหน้าโง่งมไปในทันที อาณาเขตในระแวกนี้ทั้งหมดไม่มีสักอาณาเขตที่มีมหาวิถีเต๋าสถิตอยู่ แต่ตอนนี้อาณาเขตของเขากลับมีมันแล้ว แถมมันยังถูกทำให้สถิตอยู่บนเกาะหนานชานอีกต่างหาก!
ไม่เพียงแต่หลินจ้านเผิงเท่านั้นที่ตกตะลึงกับภาพนี้ แต่เผ่าปีศาจสมุทรขอบเขตมหาจักรพรรดิสองตนที่ถูกส่งมาให้ปกป้องหอคอยเสียงสวรรค์ก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
เผ่าปีศาจสมุทรทั้งสองต่างมองหน้ากัน จากนั้นพวกมันตกลงกันทันทีว่าหนึ่งในพวกมันจะต้องไปแจ้งข่าวนี้ให้กับเผ่าของตัวเองรู้เพื่อที่เผ่าปีศาจสมุทรจะได้ผูกมิตรกับตระกูลหลินให้มากยิ่งขึ้น
หลังจากหลิงตู้ฉิงสร้างประตูเคลื่อนย้ายเสร็จ เขาพูดกับหลินจ้านเผิงว่า “เจ้าจะต้องส่งคนในตระกูลทุกคนให้ไปเห็นกับตาว่าการถึงแม้จะแข็งแกร่งสักแค่ไหนมันก็มีวันดับสูญและย้ำให้ทุกคนจำมันเอาไว้ให้ขึ้นใจ นอกจากนั้นนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้ามาหาพวกเจ้า ดังนั้นหากพวกเจ้าต้องการแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม พวกเจ้าจำเป็นต้องพยายามไขว่คว้ามันด้วยตัวเองอย่าได้หวังพึ่งอะไรข้าอีก”
หลินจ้านเผิงโค้งคำนับ “ไม่ต้องกังวลบรรพบุรุษ พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “อืม นับจากนี้ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับเจ้าทั้งหมด จงดูแลตระกูลให้ดี”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงเดินไปหาปีศาจสมุทรทั้งสองและพูดว่า “หากพวกเขามีภัยที่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้ พวกเจ้าช่วยพวกเขาหน่อยสัก 3 ครั้ง แต่หลังจากนั้นหากเกิดอะไรขึ้นอีกพวกเจ้าก็คิดซะว่าวาสนาของพวกเขาหมดลงและไม่ต้องสนใจพวกเขาอีก”
ปีศาจสมุทรทั้งสองตนรีบพยักหน้าทันที “รับทราบ พวกเราจะทำตามที่ท่านสั่งทุกประการ!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขามอบเหรียญผลึกจักรพรรดิกองโตให้กับปีศาจสมุทรทั้งสอง “ข้าให้พวกเจ้าคนละ 10,000 เหรียญเพื่อเป็นรางวัล”
“ขอบคุณผู้อาวุโส!” ปีศาจสมุทรประสานมือขอบคุณทันที
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาหันไปมองกลุ่มคนของตระกูลหลินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็บินออกจากอาณาเขตหนานหัว
เขาได้ทำสิ่งที่เขาควรจะทำแล้ว ซึ่งนับจากนี้ความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลหลินก็จะกลายเป็นห่างกันไปเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ