พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 970 เปิดโลกอาณาจักรผู้กล้า
ในความคิดของทุกคนที่อยู่ในกองทัพพันธมิตร เผ่าอสูรนั้นสมควรถูกสังหารทั้งหมดให้สาสมกับความทุกข์ระทมที่พวกมันก่อเอาไว้ให้กับทุกชีวิตที่พวกมันพรากไป
อย่างไรก็ตามในมุมมองของผู้สร้างอย่างโลกและสวรรค์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นไปตามธรรมชาติ ดังนั้นเผ่าอสูรจึงมีสิทธิ์ดำรงอยู่ต่อไปเท่าเทียมกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ทั้งมวล
อันที่จริงไม่ใช่แค่เผ่าอสูรที่ได้รับโอกาสให้มีชีวิตอยู่รอด แม้แต่พระโพธิ์สัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางหรือเทพบรรพกาลผู้สร้างเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับที่อยากจะกลืนกินโลกทั้งใบด้วยซ้ำ โลกและสวรรค์ก็ยังอนุญาตให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อ
ง้าวเทวะพินาศรู้เรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นมันจึงหยุดมือลง สังหารแต่เฉพาะอสูรระดับสูงเพียงอย่างเดียวไม่สังหารอสูรระดับต่ำ ๆ ที่ไม่เป็นภัยต่อโลกเพื่อเป็นการทำตามเจตจำนงของโลกและสวรรค์ที่อยากจะให้เผ่าอสูรดำรงอยู่ต่อไป
เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อเขาเอง หลิงยี่เทียนพยักหน้าและพูดว่า “ข้าเข้าใจท่าน ท่านพ่อ!”
ถึงแม้ว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจแต่หลิงยี่เทียนเข้าใจแน่นอน เพราะในร่างของเขามีผลึกดวงใจสวรรค์ ซึ่งมันเหมือนกับว่าเขามีส่วนหนึ่งของเจตจำนงของสวรรค์อยู่ในร่าง ดังนั้นเขาจะไม่เข้าใจเจตจำนงของสวรรค์ได้อย่างไรว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ
“ท่านพ่อ พวกเราจำเป็นต้องช่วยมนุษย์ในอาณาจักรผู้กล้า แต่ข้าไม่สามารถเปิดโลกที่ซ่อนพวกเขาเอาไว้ได้ ท่านช่วยเปิดมันให้ข้าที” หลิงยี่เทียนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ฆ่าอสูรจนหมด แต่เขาจำเป็นต้องช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกขังเอาไว้นี่คือหน้าที่ของเขาในฐานะราชันแห่งมวลมนุษย์
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม ระหว่างนี้สั่งให้คนของเจ้าเก็บสินสงครามที่อยู่ในสนามรบไปก่อน รอพ่อเตรียมการเสร็จเมื่อไหร่พ่อจะเรียกเจ้าอีกทีและหลังจากนี้เจ้าจะต้องย้ำเตือนกับมนุษย์ทุกคนด้วยว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาบุกสันเขาหมื่นอสูรอีกหากพวกอสูรไม่ออกไปสร้างความวุ่นวายก่อน เพราะในสันเขาหมื่นอสูรยังมีตัวตนที่พวกเจ้าไม่อาจรับมือได้หลงเหลืออยู่ ซึ่งถ้าพวกมันคลุ้มคลั่งขึ้นมาเมื่อไหร่ความเสียหายที่พวกเจ้าจะได้รับมันจะไม่อาจคาดการณ์ได้เลย”
หลิงยี่เทียนพยักหน้า “ข้าจะนำคำของท่านไปจารึกไว้ในทำเนียบราชันมนุษย์หลังจากนี้ เพื่อให้มนุษย์ทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด!”
เมื่อพูดจบ หลิงยี่เทียนเดินจากไปสั่งให้กองทัพพันธมิตรทั้งหมดเดินหน้าเก็บทรัพย์สมบัติของเหล่าอสูรที่ตายลงไป
ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิง เขาหันหน้าไปพูดกับหลิงฟ่างหัว “ฟ่างหัว เจ้าช่วยสร้างประตูเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ให้พ่อที พ่อจำเป็นต้องใช้มันเคลื่อนย้ายผู้คนของอาณาจักรผู้กล้าไปที่อาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางที่พ่อได้จับจองเอาไว้ก่อนหน้านี้”
หลิงฟ่างหัวพยักหน้า “ท่านพ่อ ข้าควรตั้งพิกัดปลายทางไปที่อาณาเขตไหนดี?”
นางจำเป็นต้องถามเพราะหลิงตู้ฉิงเลือกเอาไว้หลายอาณาเขต
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “เลือกอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดเป็นปลายทาง!”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงเรียกให้ง้าวเทวะพินาศบินไปกับเขา และไปหยุดที่ใต้หน้าผาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีความสูงเสียดฟ้าจนถึงชั้นเมฆ
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หน้าผาและพูดว่า “พวกเจ้ายังจะดื้อรั้นอีกงั้นเหรอ?”
หลังจากหลิงตู้ฉิงพูดจบจู่ ๆ ตรงกลางหน้าผาเปิดออกเผยให้เห็นมนุษย์นกร่างยักษ์ ซึ่งมีปีกสีขาวบริสุทธิ์และมีแววตาที่หม่นหมองค่อย ๆ เดินออกมา “ไม่นึกเลยว่าเผ่าอสูรของข้าที่ดำรงอยู่มานับล้านปีวันนี้จะต้องเผชิญกับหายนะเช่นนี้! เจ้าไม่มีความปราณีบ้างเลย เจ้าสังหารอสูรระดับสูงไปเกินกว่า 9 ส่วนจนตอนนี้ส่วนใหญ่ที่เหลือรอดมีแต่อสูรระดับต่ำกว่าขอบเขตสวรรค์ทั้งนั้น แล้วแบบนี้เผ่าอสูรจะอยู่รอดต่อไปได้ยังไง!?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ถ้าหากเจ้าไม่สร้างกรรมในเรื่องของอาณาจักรผู้กล้า หายนะเช่นนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้นกับพวกเจ้า และอย่าลืมว่าถึงแม้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าไปเยอะ แต่ข้าก็ไม่ได้ฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด พวกเจ้ายังคงมีโอกาสรอดอยู่ ซึ่งนี่มันถือว่าข้าเมตตามากแล้ว”
“เอาล่ะ ตอนนี้จงเปิดโลกที่พวกเจ้าสร้างขึ้นและปลดปล่อยเหล่ามนุษย์ที่พวกเจ้าจับเอาไว้ออกมาให้หมด แต่ข้าต้องขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าได้เล่นตุกติกกับข้า สิ่งนี้มันเกี่ยวพันกับเต๋าของลูกชายข้า หากพวกเจ้าขืนเล่นตุกติก ข้าบอกเอาไว้เลยว่าข้าจะทำลายโอกาสฟื้นตัวของพวกเจ้าไปตลอดกาลรวมไปถึงตัวพวกเจ้าเอง ข้าก็สามารถทำลายเจ้าได้ต่อให้พวกเจ้าจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับโลกแล้วก็ตาม”
มนุษย์นกขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นมันพยักหน้าและพูดว่า “ตกลง ข้าจะปล่อยมนุษย์ที่อยู่ในสันเขาหมื่นอสูรทั้งหมดออกไป เจ้าก็รอรับและจัดการกับพวกเขาเองก็แล้วกัน!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขายืนรออยู่ที่เดิม
เมื่อเวลาผ่านไปได้ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ที่ตีนหน้าผาก็มีรอยแยกมิติขนาดยักษ์เปิดขึ้น ซึ่งถ้ามองเข้าไปจะเห็นว่าที่ปลายทางของรอยแยกมิติมันคือภาพมุมสูงของเมืองขนาดยักษ์และผู้คนที่อยู่ในเมืองนั้นกำลังแตกตื่นกันยกใหญ่
ไม่นานก่อนหน้านี้ผู้คนในอาณาจักรผู้กล้าทั้งหมดต่างก็ฝันเห็นเรื่องประหลาดแบบเดียวกันว่าอีกไม่นานจะมีใครสักคนลงมาจากสรวงสวรรค์ คนผู้นั้นจะสังหารเหล่าอสูรจนหมดและมาพาพวกเขาทั้งหมดออกไปจากสถานที่แห่งนี้
อย่างไรก็ตามไม่มีใครในพวกเขาที่เชื่อความฝันนี้สักคน
หลังจากผ่านไปนานเท่าไหร่จนพวกเขาเองยังจำไม่ได้ มันไม่เคยมีใครที่ขึ้นไปบนสวรรค์สักคนที่กลับลงมา
เมื่อผ่านไปนานเข้า หลายคนจึงเดากันไปว่าจริง ๆ แล้วสวรรค์อะไรนั่นมันคงไม่ได้มีอยู่จริง บรรดาผู้คนที่ขึ้นบนไปสวรรค์เหล่านั้นน่าจะถูกพวกอสูรจับตัวไปกินมากกว่า
แน่นอนว่าความฝันประหลาดนี้ที่ผู้คนของอาณาจักรผู้กล้าฝันเห็นมันเป็นผลมาจากการกระทำของจิ๋นชาน ซึ่งค่าใช้จ่ายที่จิ๋นชานมอบความฝันเช่นนี้ให้กับคนจำนวนมหาศาลก็คือเขาต้องบาดเจ็บสาหัสหลังจากที่ตื่นขึ้น
เรื่องราวเหล่านี้มันเป็นเหมือนตลกร้ายที่เกิดขึ้นจริงกับผู้คนของอาณาจักรผู้กล้า
หากเป็นโลกภายนอกผู้ที่ทะลวงขอบเขตมหาจักรพรรดิขึ้นสูงสุดไปเป็นผู้สำเร็จเต๋าได้จะสามารถขึ้นไปอยู่โลกเบื้องบนได้ตามกฎของโลกและสวรรค์ แต่ในทางกลับกันหากผู้เชี่ยวชาญคนไหนของอาณาจักรผู้กล้าทะลวงระดับขึ้นไปอยู่ขอบเขตราชัน คนผู้นั้นจะถูกกฎที่พวกอสูรสร้างขึ้นบังคับให้พวกเขาขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ ซึ่งก็คือปากของพวกมัน
หลังจากหลายปีผ่านไป ผู้คนส่วนใหญ่ของอาณาจักรผู้กล้าต่างก็ไม่เชื่ออีกแล้วว่าการขึ้นไปบนสรวงสวรรค์นั้นคือทางออก ดังนั้นตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่าจู่ ๆ บนท้องฟ้ากลับมีรอยแยกปรากฏขึ้นพร้อมกับมีบันไดทอดยาวให้พวกเขาทุกคนเดินขึ้นไปราวกับเชื้อเชิญว่าวันนี้พวกเขาทุกคนมีสิทธิ์ได้ขึ้นไปอยู่บนสรวงสวรรค์กันอย่างเท่าเทียม พวกเขาต่างก็ไม่มีใครกล้าเดินขึ้นไป
พวกเขาที่สงสัยอยู่แล้วว่าเรื่องสรวงสวรรค์มันคือเรื่องแหกตา ดังนั้นแทนที่พวกเขาจะตื่นเต้นดีใจพวกเขากลับแสดงสีหน้าตื่นตระหนกและคิดว่า ‘พวกอสูรต้องการกินพวกเราทุกคนงั้นเหรอ!?’
ในระหว่างที่ผู้คนของอาณาจักรผู้กล้ากำลังตื่นตระหนก ชายผู้หนึ่งซึ่งสวมชุดสีทองก็บินลงมาจากรอยแยกบนท้องฟ้าและค่อย ๆ ร่อนลงมาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม และพูดว่า “พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก ข้าคือมนุษย์เหมือนพวกเจ้า ข้ามาที่นี่เพราะข้าจะพาพวกเจ้าออกไปสู่โลกภายนอก พวกเจ้าจงเดินขึ้นบันไดไปได้เลย ข้ารับประกันว่ามันจะไม่มีสิ่งใดเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเจ้าแน่นอน”
“ท่านเป็นใครกัน?” ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้น
ในอาณาจักรผู้กล้าใครก็ตามที่อยู่ในระดับสวรรค์สมบูรณ์ถือว่าเป็นตัวตนที่เป็นเสาหลักในการรบกับพวกอสูร ดังนั้นเขาจึงมีสิทธิ์เป็นตัวแทนของผู้คนทั้งหมดถามขึ้น
“นามของข้าคือ กวนหลิงอู่” กวนหลิงอู่ยิ้มอย่างอบอุ่น
“ข้าขอถามคำถามท่านสักหน่อย สถานที่ที่ท่านจะพาพวกข้าไปคือสรวงสวรรค์รึเปล่า? และตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของท่านอยู่ในระดับไหน?” ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ถามขึ้น
กวนหลิงอู่ยิ้มและตอบกลับ “ผิดแล้ว สถานที่ที่ข้าจะพาพวกเจ้าไปไม่ใช่สรวงสวรรค์ แต่มันคือโลกภายนอกที่มีเผ่าพันธุ์มากมายอาศัยอยู่ร่วมกัน สรวงสวรรค์ที่พวกเจ้าคิดกันมันคือนิทานขายฝันที่พวกอสูรมันแต่งขึ้นให้พวกเจ้าเชื่อ! ที่โลกภายนอก เผ่าอสูรเป็นเพียงแค่เผ่า ๆ หนึ่งเท่านั้นโดยเฉพาะในตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกอสูรลดต่ำลงจนเรียกได้ว่าอยู่ลำดับท้าย ๆ ของโลกภายนอกเลยก็ว่าได้ ส่วนระดับการบ่มเพาะของข้าข้าคือผู้สำเร็จเต๋า”
“ถ้าให้อธิบายสั้น ๆ ก็คือในตอนนี้เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ หากทะลวงระดับขึ้นไปเจ้าจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน จากนั้นเมื่อทะลวงระดับขึ้นไปอีกเจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ และต่อไปก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิและจากนั้นเจ้าถึงจะเป็นผู้สำเร็จเต๋าแบบข้า เอาล่ะข้ารู้ว่าในตอนนี้ทั้งเจ้าและคนอื่น ๆ ต่างมีคำถามมากมายอยู่ในใจ เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเจ้าพากันขนข้าวของออกไปโลกภายนอกก่อน ที่ด้านนอกราชันแห่งมวลมนุษย์กำลังรอพวกเจ้าอยู่ เมื่อพวกเจ้าออกไปพระองค์จะส่งคนมาอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้พวกเจ้าได้ฟังอีกที”
เมื่อได้ยินคำพูดของกวนหลิงอู่ ผู้คนของอาณาจักรผู้กล้าต่างยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก
ที่ผ่านมานี้พวกเขาถูกพวกอสูรหลอกมาตลอดตามที่คิดไว้จริง ๆ งั้นเหรอ?
แล้วผู้สำเร็จเต๋ามันคืออะไรกัน? มันคือระดับอะไรแล้วต้องทำยังไงถึงจะไปถึง?
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ที่เอ่ยถามกวนหลิงอู่เป็นคนแรกที่บินขึ้นไปสำรวจดูสภาพภายนอกรอยแยกว่ามันเป็นตามที่กวนหลิงอู่พูดเอาไว้หรือไม่
แน่นอนว่าเมื่อเขาบินออกไป เขาได้เห็นอย่างชัดเจนว่าสภาพข้างนอกนั้นเป็นไปตามที่กวนหลิงอู่พูดเอาไว้ เพราะเขาเห็นศพของอสูรจำนวนนับไม่ถ้วนนอนเกลื่อนกราดแถมยังมีกองทัพมนุษย์จำนวนมหาศาลกำลังเก็บกวาดสนามรบอยู่เต็มไปหมด
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์รีบกลับมาที่เมืองทันที จากนั้นเขาฉายภาพที่เขาเห็นให้กับคนอื่น ๆ ดูเพื่อเป็นการยืนยันว่ากวนหลิงอู่ไม่ได้พูดโกหก
จากนั้นเมื่อเห็นภาพยืนยัน บรรดามนุษย์ทั้งหลายต่างก็พร้อมใจกันแยกย้ายไปขนข้าวของและเดินขึ้นบันไดออกไปยังโลกภายนอก
อย่างไรก็ตาม มันยังคงมีอสูรบางตนที่หลบซ่อนอยู่ในโลกจำลองที่พวกมันสร้างขึ้นและวางแผนรั้งพวกมนุษย์เอาไว้บางส่วน
ในความคิดของพวกมันอาณาจักรผู้กล้านั้นมีมนุษย์อยู่อาศัยถึงพันล้านคน ดังนั้นถ้าหากพวกมันจะรั้งตัวเอาไว้สักไม่กี่พันคน หลิงตู้ฉิงคงไม่น่าจะจับได้จริงไหม?
มนุษย์เป็นเผ่าที่ขยายเผ่าพันธุ์ได้เร็วมาก หากพวกมันแอบเอาไว้ได้สัก 3,000-4,000 คน เมื่อผ่านไปอีกสักล้านปีจำนวนของพวกมนุษย์ก็คงกลับมาเท่าเดิม!