พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 989 รวมตัวที่เมืองมหาดารา
หลังจากกลับไปถึงคฤหาสน์ของตัวเอง ตี๋เมิ่งเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “ไอ้แก่นั่นดั้นด้นมาถึงที่นี่แบบนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างที่อยู่เบื้องหลังแน่นอน! แต่เรื่องนังผู้หญิงนั่นนับจากนี้พวกเราคงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว”
ตี๋ฮ่าวส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ “อุตส่าห์หาผู้ที่มีร่างจันทราศักดิ์สิทธิ์เจอแล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับไม่มีหนทางที่จะได้มา ถ้าหากข้ามีร่างจันทราศักดิ์สิทธิ์คอยเกื้อหนุน ข้าคงจะทะลวงขอบเขตขึ้นไปอยู่ขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน และไม่แน่หากข้าโชคดีตอนที่อยู่ในแม่น้ำมหาดารา ข้าอาจจะได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทวะราชาเลยด้วยซ้ำ!”
ตี๋เมิ่งถอนหายใจ “เรื่องนี้มันคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะเปิดสงครามกับพวกมนุษย์ ตำหนักไร้หทัยก็ดูแปลก ๆ ไม่เหมือนเดิม พวกเผ่าอสูรก็ดูเหมือนว่ากำลังวางแผนทำอะไรอยู่สักอย่างและไหนจะเรื่องที่จู่ ๆ ก็มีหลวงจีนจากไหนไม่รู้ตั้งตัวเป็นพระโพธิสัตว์ เรื่องพวกนี้ไม่เคยไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“ในตอนนี้สถานการณ์มันดูซับซ้อนมากเกินไป หากพวกเราไม่ระวังตัวให้ดีพวกเราจะเจอกับปัญหาใหญ่ได้ เรื่องการบ่มเพาะของเจ้าข้าคิดว่าหากข้าช่วยเจ้าอย่างเต็มที่ ภายใน 2,000 ปีก่อนที่ทะเลมหาดาราจะสงบ เจ้าน่าจะทะลวงระดับขึ้นไปยังขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ จากนั้นเจ้าน่าจะเข้าไปในแม่น้ำมหาดาราได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น”
“ขอบคุณท่านลุง!” ตี๋ฮ่าวโค้งตัวขอบคุณ
หลังจากนั้นเขาเดินแยกไปเก็บตัวบ่มเพาะต่อทันที
ทางด้านของตระกูลกุยไห่ หลิงตู้ฉิงก็สั่งให้บรรดาภรรยาของเขาแยกย้ายไปเก็บตัวบ่มเพาะเช่นกัน
“ผู้อาวุโส ข้าติดอยู่ในขอบเขตเทวะราชาขั้นสูงสุดมานานมากแล้ว ทำไมข้าถึงไม่สามารถทะลวงระดับขึ้นไปได้สักที?” กุยไห่เหรินหวางเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม
หลิงตู้ฉิงมองไปที่กุยไห่เหรินหวางและตอบกลับ “มันเป็นเพราะพันธะที่เจ้ามีกับเผ่ามนุษย์ ในขณะนี้เผ่ามนุษย์ยังคงอ่อนแอ ซึ่งมันส่งผลทำให้เจ้าอ่อนแอตามไปด้วย วิธีแก้คือเจ้าจำเป็นต้องสร้างคุณประโยชน์ให้กับเผ่ามนุษย์มากกว่านี้ และเมื่อไหร่ที่เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งขึ้น เจ้าก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นตามไปด้วย”
“ไม่ใช่ว่าตอนนี้เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอผู้อาวุโส?” กุยไห่เหรินหวางถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “ว่าแต่ผู้อาวุโส ตอนนี้ท่านอยู่ในระดับไหนกันแน่? ในอดีตตอนที่ข้าเจอกับท่าน ข้ายังสัมผัสได้อยู่เลยว่าท่านแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ทำไมตอนนี้ข้าถึงสัมผัสอะไรไม่ได้เลยนอกจากระดับการบ่มเพาะของท่าน?”
กุยไห่เหรินหวางเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชาเทวะ ต่อให้หลิงตู้ฉิงจะอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเทพเหมือนเมื่อก่อนเขาก็ไม่ควรที่จะสัมผัสอะไรไม่ได้เลยแบบนี้ถูกไหม?
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ได้ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าข้าอยู่ในระดับไหน!”
เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ อาณาเขตสวรรค์ของหลิงตู้ฉิงปรากฏขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณ กุยไห่เหรินหวางรู้สึกตกตะลึงปนหดหู่อยู่ในใจ
อันที่จริงแล้วหากเทียบกันตามอายุ เขาคือผู้อาวุโสของหลิงตู้ฉิงเพราะเขามีอายุมากกว่า 500,000 ปี แต่ตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้าของเขาถึงแม้ว่าจะเกิดใหม่แต่ก็ยังสามารถทำให้คนที่อยู่มานานกว่าแบบเขาต้องแหงนหน้ามองได้อีก
2,000 ปีผ่านไปในพริบตา
ในเวลานี้มันใกล้จะถึงเวลาที่แม่น้ำมหาดาราจะสงบแล้ว ซึ่งทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะเข้าไปอย่างใจจดใจจ่อ
ในมหาพระราชวังของราชันแห่งมวลมนุษย์ ราชันแห่งมวลมนุษย์มองไปที่หลิงยี่เทียน และพูดว่า “เจ้าควรไปที่แม่น้ำมหาดารา ที่นั่นมีหลายสิ่งที่สามารถทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้!”
“ข้าไปได้จริง ๆ เหรอ?” หลิงยี่เทียนเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ราชันแห่งมวลมนุษย์หัวเราะ “แน่นอนว่าเจ้าไปได้! ถึงแม้ว่าในตอนนี้เจ้าจะอยู่แค่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญขั้นสูงสุด แต่ด้วยสิ่งที่เจ้ามีในร่างพ่อมั่นใจว่าเจ้าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ที่ด้านในแม่น้ำมหาดารานั้นเต็มไปด้วยโอกาสมากมาย ดังนั้นเจ้าควรที่จะไปที่นั่นเพื่อเติมเต็มโชคชะตาของตัวเจ้าเอง”
ตอนนี้ราชันแห่งมวลมนุษย์ได้รู้แล้วว่าในร่างกายของหลิงยี่เทียนมีผลึกดวงใจสวรรค์ ซึ่งในตอนที่เขารู้ เขารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่ในเวลาเดียวกันมันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกพึงพอใจในลูกชายของเขาคนนี้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจเพียงอย่างเดียวก็คือ ก่อนหน้านี้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาถูกลักพาตัวไปอยู่หลายพันปีและพอกลับมา ลูกชายของเขากลับกลายเป็นลูกชายของคนอื่นไปซะอย่างนั้น
“อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่ในแม่น้ำมหาดารานั้นมีอันตรายแฝงอยู่มากมาย ดังนั้นเจ้าจำเป็นต้องระวังตัวเองให้ดี หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าที่นั่น แม้แต่พ่อเองก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือเจ้าได้ทัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยพ่อจะส่งคนของเราติดตามเจ้าเข้าไปด้วย พ่อหวังว่าเจ้าจะกลับมาหาพ่อโดยสวัสดิภาพ!” ราชันแห่งมวลมนุษย์เอ่ยขึ้น
หลิงยี่เทียนพยักหน้า “ท่านพ่อไม่ต้องเป็นกังวล อย่างแย่ที่สุดข้าก็แค่หนีออกมา!”
ราชันแห่งมวลมนุษย์ขมวดคิ้ว “เรื่องนั้นเจ้าต้องยิ่งระวังอย่าได้ใช้ทักษะนั้นพร่ำเพรื่อหากไม่จำเป็น ถ้าพวกคุนเป๋งรู้เรื่องทักษะของเจ้าเมื่อไหร่พวกมันจะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน”
เมื่อเขานึกถึงเรื่องทักษะพเนจรไร้จำกัดที่หลิงยี่เทียนฝึกฝนทีไร ราชันแห่งมวลมนุษย์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่นในใจทุกที
หลิงตู้ฉิงสอนลูกชายของเขาดีเกินไป มันดีจนเขาไม่มีอะไรจะสอนให้ต่อเลยจริง ๆ
จากนั้นราชันแห่งมวลมนุษย์เรียกกุยไห่เหรินหวางให้มาเข้าเฝ้า เขาพูดกับกุยไห่เหรินหวางว่า “เจ้าจงพาลูกชายของข้าไปที่เมืองมหาดารา ปกป้องเขาให้ดีอย่าให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น!”
“น้อมรับบัญชาฝ่าบาท!” กุยไห่เหรินหวางโค้งคำนับทันที
กุยไห่เหรินหวางยังคงไม่บอกใครเรื่องเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิงที่อยู่ในคฤหาสน์ของเขาที่เมืองมหาดารา เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จากนั้นเขาพาหลิงยี่เทียนเดินทางไปที่เมืองมหาดาราทันทีตามคำสั่งของราชันแห่งมวลมนุษย์
ทางด้านของเจ้าแห่งพรตเต๋าก็ส่งหลิงว่านถิงไปที่เมืองมหาดาราเช่นกันพร้อมกับคนคุ้มกันกลุ่มหนึ่ง
อันที่จริงไม่ใช่แค่หลิงยี่เทียนและหลิงว่านถิงเท่านั้นที่เดินทางไปเมืองมหาดารา ลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงคนอื่น ๆ ก็ถูกพ่อแม่ของพวกเขาส่งไปที่เมืองมหาดาราเช่นกัน
ณ ที่ตำหนักไร้หทัย ต้วนฉิงมองไปที่หลิงยู่ชานและหมิงจู้ จากนั้นเขาพูดว่า “ข้าจะส่งพวกเจ้าทั้งคู่ไปที่แม่น้ำมหาดารา น้องสอง น้องสาม พวกเจ้าคนไหนจะอาสาพาพวกเขาไปส่งบ้าง? หากข้าเดาไม่ผิดข้าคิดว่าตอนนี้ท่านอาจารย์จะต้องอยู่ที่เมืองมหาดาราแล้วแน่นอน”
จิ๋นหลงและเสี่ยวเฟิงต่างแสดงสีหน้ากระอักอ่วน และตอบกลับแทบจะพร้อมกันทันที “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องไปหรอก!”
ต้วนฉิงพยายามกลั้นขำสุดขีดเมื่อเห็นสีหน้าศิษย์น้องทั้งสองของเขา “ในเมื่อพวกเจ้าไม่อยากจะไป งั้นข้าส่งกิเลนไปแทนก็ได้ หากเจ้านั่นรู้ว่าท่านอาจารย์อยู่ที่นั่นมันคงอยากไปจนตัวสั่น”
“แต่ว่าพี่ใหญ่ กิเลนในตอนนี้อยู่แค่ขอบเขตเทวะราชาขั้นต้น ข้าเกรงว่าถ้าหากพวกเราส่งมันไปเดี่ยว ๆ พร้อมกับยู่ชานและหมิงจู้ บรรดาศัตรูจะต้องโจมตีพวกเขาแน่นอน” เสี่ยวเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
ต้วนฉิงยิ้มและตอบกลับ “เรื่องนั้นข้าคิดเอาไว้แล้ว ข้าจะให้มันเอาเจตจำนงดาบของข้าไปกับมัน 3 ดาบ ถึงแม้ว่าเจตจำนงดาบของข้าจะไม่สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นสูงได้ แต่ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นต้นแล้วล่ะก็ไม่รอดแน่! และที่สำคัญเมื่อคนอื่น ๆ เห็นเจตจำนงดาบของข้า ข้าเชื่อว่าคงไม่น่าจะมีใครที่กล้าเสี่ยงชีวิตมีเรื่องกับพวกเราขนาดนั้น”
ถึงแม้ว่าตำหนักไร้หทัยจะมีคนน้อย แต่พวกเขาแต่ละคนก็ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งและความอาฆาตรวมไปถึงความโหดเหี้ยมที่เหนือกว่าคนทั่วไป ดังนั้นหากเลือกได้ไม่ว่าเผ่าไหนก็ไม่อยากจะเปิดสงครามกับตำหนักไร้หทัยอย่างไม่จำเป็น
หลังจากนั้นต้วนฉิงเรียกกิเลนให้เข้ามาหา และพูดกับมันว่า “ข้าจะไหว้วานให้เจ้าพายู่ชานกับหมิงจู้ไปที่เมืองมหาดาราสักหน่อย อ๋อตอนนี้ท่านอาจารย์ของข้าน่าจะอยู่ที่เมืองมหาดาราด้วยเช่นกัน เจ้าสามารถใช้โอกาสนี้ไปเจอกับเขาได้”
เมื่อได้ยินเช่น นี้ดวงตาของกิเลนเปล่งประกายทันที “เจ้านายอยู่ที่เมืองมหาดารางั้นเหรอ? เยี่ยม! เมื่อไหร่จะให้ข้าออกเดินทาง?”
“ตอนนี้!” ต้วนฉิงตอบกลับ “มีอีกอย่างหนึ่ง เจ้าจงพกเจตจำนงดาบของข้า 3 ดาบนี้ไปด้วยเพื่อปกป้องตัวเอง”
“อืม!” กิเลนพยักหน้า “คุณชายใหญ่ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะส่งนายน้อยและภรรยาไปถึงมือเจ้านายแน่นอน”
เมื่อกิเลนเก็บเจตจำนงดาบทั้งสามของต้วนฉิงเข้าไปในร่างมันแล้ว มันก็หันกลับไปพูดกับหลิงยู่ชานและหมิงจู้ทันที “ขึ้นขี่หลังข้าได้เลย ข้าจะพาพวกท่านไปส่งเอง!”