พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 994 คนมาช้าย่อมไม่ได้ส่วนแบ่ง
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงพยายามชักชวนสิ่งมีชีวิตมากมายเข้าไปอยู่ในโลกของเขา บรรดาคนรอบกายของหลิงตู้ฉิงต่างพากันรู้สึกมึนงง ยกเว้นหลิงยี่เทียนและมี่ไลที่เห็นแล้วว่าโลกของหลิงตู้ฉิงมันแตกต่างจากของคนอื่นแค่ไหน พวกเขาจึงเข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร
หลิงตู้ฉิงสังเกตเห็นเช่นกันว่าคนส่วนใหญ่ในครอบครัวของเขาไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่อธิบายอะไรเขาพูดเพียงแค่ว่า “คนเผ่านี้มีทักษะที่เกี่ยวข้องกับดวงวิญญาณคล้ายกับอสูรกลืนวิญญาณ ซึ่งการที่พวกเขามีทักษะเช่นนี้ได้มันหมายความว่าแถว ๆ นี้จะต้องมีสมบัติล้ำค่าที่มีผลต่อดวงวิญญาณแน่นอน พวกเราช่วยกันแยกหา แต่ถ้าหากพวกเจ้าเจอมันอย่าเพิ่งแตะต้องมัน พวกเจ้าต้องเรียกข้าไปตรวจสอบมันก่อนเป็นอันดับแรก”
ทุกคนต่างพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นพวกเขาต่างก็แยกย้ายกันไปสำรวจรอบ ๆ พื้นที่
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลิงเทียนหยุนรีบบินกลับมาหาหลิงตู้ฉิง และพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ท่านพ่อ ดูเหมือนว่าข้าจะเจอสิ่งที่ท่านให้ตามหาแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงรีบเรียกคนอื่น ๆ ให้กลับมารวมตัวกันทันที จากนั้นเขาบอกให้หลิงเทียนหยุนนำทางไปดูสิ่งที่เพิ่งค้นพบ
เมื่อไปถึงที่หมาย ทุกคนต่างเห็นว่าสิ่งที่หลิงเทียนหยุนเจอมันคือบ่อน้ำพุสีดำสนิท ซึ่งรอบ ๆ บ่อมีไอหมอกสีเทาลอยอยู่หนาแน่นเต็มไปหมด
หลิงตู้ฉิงมองไปที่บ่อน้ำพุประหลาด จากนั้นเขาพยักหน้าและพูดว่า “นี่แหละสิ่งที่พวกเรากำลังตามหา! เผ่ามนุษย์สามตานั่นดื่มน้ำจากบ่อน้ำพุนี้ ซึ่งมันทำให้พวกเขามีทักษะเกี่ยวกับด้านดวงวิญญาณ แต่พวกเราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับพวกเขา พวกเราไม่สามารถดูดซับพลังของมันผ่านการดื่มกินน้ำเหล่านี้ได้โดยตรง เอาล่ะทุกคนถอยไปก่อน ให้ข้าเก็บน้ำในบ่อน้ำพุนี้สักครู่หนึ่ง”
น้ำในบ่อน้ำพุนี้ไม่เหมาะที่พวกเขาจะดื่มกิน แต่มันเหมาะกับพวกเผ่ามนุษย์สามตาที่เพิ่งเข้าไปในโลกของเขา
เมื่อได้ยินคำสั่ง จ้าวเหมิงลู่ หลิงยู่ชานและคนอื่น ๆ ต่างกระโดดถอยหลังห่างออกไปทันที
จากนั้นจู่ ๆ ในจุดเดิมที่พวกจ้าวเหมิงลู่เคยยืนอยู่กลับมีภูเขา แม่น้ำและทุ่งกว้างขนาดย่อส่วนปรากฏขึ้นและถ้าสังเกตดูดี ๆ บริเวณตีนเขาติดกับแม่น้ำมีคนผิวดำตัวเล็กจิ๋วกลุ่มหนึ่งกำลังก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างกันอย่างขะมักเขม้นอยู่
แน่นอนว่านี่คือพื้นที่ส่วนหนึ่งของโลกที่หลิงตู้ฉิงสร้างขึ้นในร่างของเขา และเขาเรียกมันออกมาเป็นรูปแบบย่อส่วนเพื่อให้ง่ายที่จะนำบ่อน้ำพุนี้ใส่เข้าไปด้านใน
บรรดาเผ่ามนุษย์สามตาในขณะนี้กำลังก่อสร้างบ้านใหม่ของพวกเขาเองด้วยสีหน้าที่สุขปนทุกข์ พวกเขามีความสุขเพราะได้บ้านใหม่ที่อุดมสมบูรณ์และไม่ต้องกังวลว่าเมื่อไหร่โลกที่พวกเขาอยู่จะแตกสลาย
อันที่จริงแล้วสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโลกของแม่น้ำมหาดาราต่างรู้กันอยู่แล้วว่าโลกที่พวกเขาอยู่กำลังจะแตกสลาย ซึ่งพวกเขาก็ได้แต่ทำใจว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเพราะพวกเขาไม่มีทางหลีกหนีได้ ดังนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงมอบที่อยู่ใหม่ให้กับพวกเขาเช่นนี้ พวกเขาจึงรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมากและตอบตกลงแทบจะในทันทีที่จะย้ายเข้ามาอยู่ในโลกของหลิงตู้ฉิง
ส่วนสาเหตุที่พวกเขารู้สึกเป็นทุกข์ในตอนนี้นั้นเป็นเพราะว่าถึงแม้พวกเขาจะมีที่อยู่ใหม่ที่ไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะตายเมื่อไหร่ แต่บ่อน้ำพุที่ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยพวกเขาจึงรู้สึกหดหู่และเป็นทุกข์
แต่แล้วในระหว่างที่พวกเขากำลังเป็นทุกข์อยู่นั้น จู่ ๆ ท้องฟ้ากลับเปิดออกและเมื่อพวกเขาเงยหน้ามองขึ้นพวกเขาก็เห็นร่างของหลิงตู้ฉิงที่มีขนาดใหญ่ราวกับเป็นเทพเจ้ามองลงมาที่พวกเขาและถามพวกเขาว่า “หากพวกเจ้ายังคงอยากได้บ่อน้ำพุของพวกเจ้า จงคุกเข่าลงและอธิษฐานต่อข้า!”
“ข้าน้อยรับบัญชาองค์เทพผู้สร้าง!”
เมื่อได้ยินคำสั่งทุกคนของเผ่ามนุษย์สามตาต่างคุกเข่าลงและอธิษฐานในทันที พวกเขาอธิษฐานต่อสวรรค์และหลิงตู้ฉิงให้มอบบ่อน้ำพุให้กับพวกเขา
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เอาล่ะพวกเจ้าจะได้รับสิ่งที่พวกเจ้าอธิษฐานขอมา!”
เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบ จู่ ๆ บ่อน้ำพุสีดำก็หายไปจากจุดเดิมที่มันเคยอยู่ และไปโผล่ที่ด้านในโลกของหลิงตู้ฉิงแทนที่บริเวณตีนเขาไม่ไกลจากหมู่บ้านของพวกเผ่ามนุษย์สามตานัก
เมื่อทำการเคลื่อนย้ายบ่อน้ำพุเสร็จ หลิงตู้ฉิงโบกมือเก็บโลกของเขาเข้าไปในร่างทันที
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ คนอื่น ๆ ต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยแววตาชื่นชม
“เอาล่ะ ตอนนี้บ่อน้ำพุถูกเก็บไปแล้วมันถึงเวลาที่พวกเราจะได้รับรางวัลตอบแทนของพวกเราเช่นกัน ทุกคนมารวมกันตรงนี้!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เมื่อทุกคนมารวมกัน หลิงตู้ฉิงชี้ไปที่ก้นหลุมที่เคยเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุ ซึ่งทุกคนก็เห็นว่าที่ก้นหลุมนั้นมีโคลนตมสีดำสนิทยิ่งกว่าน้ำในบ่อน้ำพุอยู่แอ่งหนึ่ง
หลิงตู้ฉิงชี้ไปที่แอ่งโคลนนั้นและพูดว่า “พวกเจ้าทุกคนสามารถไปตักมันด้วยมือได้คนละ 1 ชั่ง มันคือโคลนที่ควบแน่นขึ้นมาจากเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณที่แตกสลายไป หลังจากที่พวกเจ้าดูดซับพวกมันจนพวกเจ้าไม่อาจดูดซับได้ต่ออีกแล้ว ดวงวิญญาณของพวกเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมไม่ต่ำกว่าห้าเท่า แต่พวกเจ้าคนไหนที่ใกล้จะทะลวงระดับไปยังขอบเขตเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าจงข่มเอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งทะลวงระดับ รอเอาไว้เสร็จธุระในภูมิภาคนี้อย่างสมบูรณ์พวกเราค่อยทะลวงระดับไปพร้อม ๆ กัน”
เมื่อหลิงตู้ฉิงอธิบายสรรรพคุณอันแสนวิเศษของโคลนนี้เสร็จ ทุกคนต่างรีบดูดซับพลังของมันทันทีด้วยสีหน้าตื่นเต้น
จากนั้นเมื่อผ่านไปอีกพักใหญ่ ทุก ๆ คนก็ดูดซับโคลนสีดำจนถึงจุดที่พวกเขาดูดซับมันไม่ไหวอีกแล้ว ซึ่งพวกเขาแทบจะทุกคนต่างเหลือโคลนอยู่ในมืออีกถึงครึ่งหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาต่างก็พยายามที่จะเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติหรือไม่ก็พยายามหาอะไรมาเป็นภาชนะใส่มันหวังว่าจะเก็บมันไว้ทำประโยชน์ในอนาคต แต่แล้วพวกเขากลับพบว่าโคลนนี้ไม่สามารถเก็บได้ด้วยแหวนมิติหรือภาชนะใด ๆ ก็ตามทุก ๆ ครั้งที่พวกเขาพยายามยัดมันเข้าไปในแหวนมิติ แหวนมิติจะสั่นอย่างรุนแรงราวกับว่าจะระเบิดออกส่วนภาชนะต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะทนทานแค่ไหนเมื่อพวกเขายัดโคลนนี้ลงไปภาชนะจะระเบิดออกทันที
ท้ายที่สุดพวกเขาจะจึงทำได้แต่ทิ้งโคลนที่เหลือในมือตัวเองลงไปที่พื้น ซึ่งหลิงตู้ฉิงใช้โอกาสนี้ในการดูดซับโคลนที่เหลือของทุกคนเข้าไปหลอมรวมเข้ากับโลกของเขาเอง
เมื่อเสร็จจากการดูดซับโคลนนี้ หลิงตู้ฉิงก็พาคนในครอบครัวของเขามุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไปทันที
แต่แล้วก่อนที่เขาจะไปถึงจุดหมายของเขา กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญกลุ่มหนึ่งกลับเข้ามาขวางทางเขาเอาไว้ และพูดขึ้นด้วยสีหน้าดุดัน “สถานที่แห่งนี้พวกข้าจองแล้ว พวกเจ้าจงไปที่อื่นซะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงชะโงกหน้าไปดูและเขาก็เห็นว่าสถานที่ข้างหน้านั้นมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญรายล้อมอยู่ไม่ใช่ 5-6 คน แต่มันเป็นหลักร้อยคน!
เขามองผ่านกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญไปและเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อยู่ภายในสถานที่ข้างหน้ามันคืออะไร เขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “โชคของพวกเจ้านี่ไม่เลวเลยจริง ๆ ที่ได้มาพบกับสถานที่ที่มีมวลพลังเต๋ามารวมกันจนมีจำนวนมหาศาลขนาดนี้ แต่ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ของพวกเจ้าแค่เพียงกลุ่มเดียว มันคือของสำหรับทุก ๆ คนที่ควรจะแบ่งปันกัน”
มวลพลังเต๋าเหล่านี้สามารถดูดซับเพื่อเพิ่มระดับเต๋าให้กับตนเองได้ ซึ่งมันจะส่งผลให้ผู้บ่มเพาะสามารถทะลวงระดับได้ง่ายยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงต้องการมันให้กับครอบครัวของเขาเหมือนกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิงแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญตอบกลับทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ตอนนี้กลุ่มพันธมิตรของพวกข้าได้แบ่งมันกันได้อย่างลงตัวแล้ว ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวของพวกเจ้าเองที่มาช้ากันเกินไปจนทำให้พวกเจ้าไม่ได้รับส่วนแบ่ง เอาล่ะตอนนี้พวกเจ้าจงถอยไปซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกข้าโหดร้าย!”
หลิงตู้ฉิงมองสำรวจผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญที่คุยกับเขาอยู่และถามขึ้น “เจ้าเป็นคนของสำนักเพลิงสวรรค์ใช่ไหม?”
“รู้แบบนี้ก็ดีเอาล่ะจงรีบถอยออกไปซะ!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญตวาดขึ้น
หลิงตู้ฉิงหันไปหาหลิงไช่หยุน และพูดว่า “พ่อจะให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”
หลิงไช่หยุนหัวเราะ “ได้เลยท่านพ่อ!”
เมื่อพูดจบ หลิงไช่หยุนเผยพลังเพลิงฟีนิกซ์ของนางทันที ซึ่งมันทำให้สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญสำนักเพลิงสวรรค์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพราะเพลิงของเผ่าฟีนิกซ์คือเพลิงที่รุนแรงที่สุดในโลกต่อให้เขาจะฝึกฝนเต๋าธาตุไฟเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกันจริง ๆ มนุษย์อย่างเขาไม่มีทางที่จะใช้เพลิงได้เชี่ยวชาญเท่าฟีนิกซ์แน่นอน ดังนั้นเขาจึงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ช้าก่อน เจ้าเป็นคนของภูเขาฟีนิกซ์งั้นเหรอ? ในกลุ่มพันธมิตรของพวกเราก็มีคนของภูเขาฟีนิกซ์เช่นกัน ในเมื่อเจ้าเป็นคนของภูเขาฟีนิกซ์เจ้าสามารถไปขอส่วนแบ่งจากพวกเขาได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เชี่ยวชาญสำนักเพลิงสวรรค์ กลุ่มคนของภูเขาฟีนิกซ์ก็หันมาให้ความสนใจกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นด้านนอกทันที และเมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นหลิงไช่หยุนที่มาถึง พวกเขาก็รีบบินตรงดิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็วและพูดว่า “องค์หญิง! พวกเราไม่นึกเลยว่าจะเจอท่านที่นี่ ตอนนี้พวกเรากำลังแบ่งส่วนแบ่งกันอยู่ ท่านมาเข้าร่วมกับพวกเราได้เลย!”