ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 240 จอมเจ้าเล่ห์เป็นคู่กัน
หลังจากที่หนิงเฉี่ยนกลับไป หยุนชางมิได้ทำตัวว่าง ในเมื่อตนได้สัญญากับจิ้งอ๋องแล้วว่าจะตกแต่งจวนจิ้งอ๋องให้เขา หยุนชางก็ต้องเตรียมพร้อมให้ดี หยุนชางไม่เคยทำเรื่องเหล่านี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเรียกพ่อบ้านให้ไปหาช่างฝีมือที่ช่ำชองด้านนี้เพื่อขอคำแนะนำ ตนก็ไปหยิบหนังสือภาพวาดต่างๆ มาศึกษา แต่ยังไม่ทันได้เปิดหนังสือเฉี่ยนอินก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“องค์หญิงเจ้าคะ หม่อมฉันเห็นชุ่ยหลิ่วถือชามซุปถั่วเขียวเข้าไปที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” แววตาของเฉี่ยนอินเต็มไปด้วยความโกรธ จากนั้นจึงกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ว่า “หม่อมฉันคิดแล้วว่านางกำนัลที่ฮองเฮามอบให้เป็นสาวใช้นี้มีอะไรแปลกๆ ไม่คาดคิดนะว่าคนที่หน้าตางดงาม และเอาแต่งแต่งกายสวยๆอยู่ทุกวัน กล้าที่จะคิดลงมือกับท่านอ๋อง
สีหน้าของหยุนชางชะงักเล็กน้อย จึงพยักหน้า งานอภิเษกสมรสครั้งใหญ่นี้ ทำตามกฎอภิเษกขององค์หญิง ฮองเฮาขอให้นางนำสาวใช้แปดคนและมามาอีกสองคนเพื่อมารับใช้ที่นี่ และในห้าคนนี้เป็นคนที่นางนำมาจากตำหนักชิงซิน ในตำหนักชิงซินนั้นถูกเฉี่ยนอินและฉินยีจัดการจนใสสะอาดแล้ว ฉะนั้นคนที่นางนำพามาด้วยนั้นจึงไว้ใจได้
เพียงแต่อีกสองคนที่เหลือ เป็นคนที่ฮองเฮาพยายามหาทุกทางเพื่อนำตัวพวกนางมาเป็นเส้นสายรอบๆ ตน ช่วงนั้นหยุนชางไม่ได้อยู่ในวัง ฉะนั้นจึงต้องน้อมรับไว้ หยุนชางต้องการดูว่าพวกนางคิดจะทำการอันใด จึงมิได้สนใจ ส่วนมามาทั้งสองนั้นเป็นคนของจักรพรรดิหนิง จักรพรรดิหนิงกล่าวว่าหยุนชางกำลังจะเป็นภรรยาของผู้อื่นแล้ว และคงมีหลายเรื่องที่นางยังไม่เข้าใจมากนัก และเนื่องด้วยอำนาจอันสูงส่งของจิ้งอ๋อง ฉะนั้นต่อไปคงต้องระวังเรื่องวังหลังเอาไว้อย่างมาก พระองค์จึงได้มอบมามาไว้สองคนเพื่อช่วยเหลือนาง
หยุนชางยิ้มมุมปาก นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้จักรพรรดิหนิงพยายามอย่างมากเพื่อจับตัวจิ้งอ๋องไป แต่ตอนนี้เขากลับคิดจะลงมือที่ตน มามาทั้งสองนี้ต้องพิจารณาให้ดีแล้วล่ะ ทุกคนล้วนนำเส้นสายมาไว้ข้างๆ ตน คิดว่าตนนั้นอ่อนแอและควบคุมง่ายงั้นหรือ?
“ข้าสั่งให้ชุ่ยจู๋และชุ่ยหลิ่วทำความสะอาดภายในลานมิใช่หรือ? เหตุใดจึงให้นางไปยกซุปถั่วเขียวที่ห้องครัวได้? ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าอย่าได้ให้นางเข้าใกล้ทุกอย่างที่เป็นอาหาร?” หยุนชางถามเบา ๆ
เมื่อสักครู่นั้นเฉี่ยนอินเห็นชุ่ยหลิ่วแต่งตัวยั่วยวน และนำซุปถั่วเขียวเข้าไปในห้องหนังสือ นางมัวแต่โกรธเคืองจนลืมเรื่องนี้ไป และเมื่อได้ยินหยุนชางกล่าว จึงนึกขึ้นมาได้ ” ใช่แล้วเจ้าค่ะ ตอนเช้านี้หม่อมฉันได้ออกคำสั่งไปเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แต่เหตุใดจึง? หม่อมฉันจะไปถามประเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” ขณะที่พูดนางก็หันหลังกลับและรีบออกไป
หยุนชางยิ้มและส่ายหน้า เฉี่ยนอินนั้นยังคงไม่ได้รับการฝึกฝนมากเพียงพอ และนางก็อายุน้อยอีกด้วย แม้ว่าศิลปะการต่อสู้และไหวพริบจะดีเยี่ยม แต่เวลาทำการใดๆ กลับไม่มั่นคงและรอบคอบเหมือนฉินยี แต่นางเด่นตรงที่เป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวา ก็ยังสามารถทำให้เรานั้นสนุกสนานได้
ไม่นาน เฉี่ยนอินก็กลับมา และผลที่ได้มานั้นก็เกิดขาดอย่างมาก “หม่อมฉันได้ไปถามมาแล้วเจ้าค่ะ พวกเขาว่ากันว่าเมื่อสักครู่ที่ท่านอ๋องออกไป แล้วท่านบังเอิญพบชุ่ยหลิ่วทำความสะอาดอยู่ในลานสวน จึงสั่งให้นางนำซุปถั่วเขียวไปให้ท่านที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ คนในครัวคิดว่าแม้ว่าชุ่ยหลิ่วจะมีความกล้าหาญมากเช่นไร แต่นางก็คงไม่กล้าที่จะสร้างคำสั่งปลอมขึ้นมาในจวนท่านอ๋องนี้หรอก จึงได้ส่งคนไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเป็นพิเศษ และเมื่อแน่ใจว่าเป็นเช่นนี้จริง จึงจะเตรียมซุปถั่วเขียวให้นางเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าหยุนชางไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา เฉี่ยนอินก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยในใจ ลักษณะของชุ่ยหลิ่วนั้นถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว หากว่านางฉวยโอกาสยั่วยวนท่านอ๋อง………..
สิ่งที่หยุนชางคิดในใจคือ จิ้งอ๋องทราบดีว่าสถานการณ์ของตนนั้นเป็นเช่นไร และท่านก็คงสั่งให้คนไปตรวจสอบที่มาที่ไปของบ่าวใช้ที่มาพร้อมตนแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ท่านจะทำเช่นนี้ หยุนชางครุ่นคิด เกรงว่าสาวใช้ที่ชื่อชุ่ยหลิ่วนั้น กำลังตกอยู่ในอันตราย
หยุนชางคาดเดาถูกต้องแล้ว ไม่นานเฉี่ยนอินก็ทราบข่าวต่อจากนั้น ได้ข่าวว่าหลังจากที่ชุ่ยหลิ่วเข้าไปในห้องหนังสือแล้ว ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดนางทำให้ท่านอ๋องโกรธเคืองอย่างมาก จึงโดนท่านอ๋องเตะออกจากห้องไป และจิ้งอ๋องลงแรงอย่างหนัก ชุ่ยหลิ่วถูกเตะจนอาเจียนออกมาเป็นเลือด และนอนลงกับพื้นไม่มีแม้แต่แรงที่จะขยับ แต่ว่าหากคนใช้มิได้รับคำสั่ง พวกเขาไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะตามท่านหมอมารักษา ฉะนั้นนางจึงถูกนำตัวไปที่ห้องคนใช้ และไม่มีใครสนใจนางต่อไป
หยุนชางอมยิ้มเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เฉี่ยนอิน “ทำไมนางจึงไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเช่นนี้ กล้าดีเช่นไรจึงทำให้ท่านอ๋องโกรธเคือง และแน่นอนข้าคงเก็บนางไว้ไม่ได้ แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วชุ่ยหลิ่วก็ยังเป็นสาวใช้ที่พระราชินีทรงมอบให้ จึงไม่ดีนักหากข้าจะนำนางไปขาย ให้พ่อบ้านนำตัวนางไปปล่อยที่บ้านที่ชนบทไกลๆ เถอะ”
จิ้งอ๋องมีบ้านจำนวนมากในแถบชานเมืองที่อยู่ข้างๆ เมืองหลวง น้อยครั้งที่จิ้งอ๋องจะไปตรวจตรา นำนางไปไว้ที่บ้านนั้น ทั้งไว้หน้าฮองเฮาไว้ได้ และยังทำให้ทั้งชีวิตนี้ของชุ่ยหลิ่วแทบจะไม่มีโอกาสเข้าใกล้จิ้งอ๋องอีกต่อไป”
หยุนชางยิ้มและเอนกายลงบนเบาะนุ่ม นางทราบดีว่าชุ่ยหลิ่วนั้นเป็นคนที่ฮองเฮาพยายามเอาเข้ามาใกล้ตน ฉะนั้นนางก็คงมีความสามารถไม่น้อยอย่างแน่นอน คราวนี้จิ้งอ๋องกำลังช่วยตนกำจัดหนามยอกอกไป แน่นอนว่าหยุนชางรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนึกถึงเรื่องเช่นนี้ ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งที่แล้วเรื่องฉินเมิ่ง ก็เป็นฝีมือของจิ้งอ๋องเช่นกัน หยุนชางครุ่นคิด แล้วจึงตามตัวเฉี่ยนอินมา และกระซิบข้างหูนาง จากนั้นเฉี่ยนอินก็เดินออกไป
หยุนชางอ่านหนังสืออยู่ครู่หนึ่ง จิ้งอ๋องก็กลับมา หยุนชางรีบลุกขึ้นจากเบาะนุ่ม เมื่อเห็นว่าจิ้งอ๋องเดินเข้าห้องทรง นางจึงเดินไปยืนรอข้างโต๊ะ เมื่อจิ้งอ๋องเดินออกมา นางยิ้มและหยิบชามสีเขียวมรกตที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วยื่นไปพร้อมกล่าว “ชางเอ๋อร์ได้ยินมาว่าวันนี้ท่านอ๋องได้ทรงงานอยู่ในห้องหนังสือมาทั้งวัน ตอนนี้อากาศก็เริ่มร้อนแล้ว ชางเอ๋อร์จึงสั่งให้คนทำซุปถั่วเขียวมาเป็นพิเศษ และได้ใส่น้ำแข็งก้อนลงไปด้วย ตอนนี้น้ำแข็งละลายพอดี ดื่มแล้วจะสดชื่นมากเพคะ…”
แววตาของจิ้งอ๋องจ้องไปที่ชามในมือของหยุนชาง เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก จากนั้นก็รับไปดื่มหมดในทันที แล้วจึงส่งชามให้หยุนชาง หยุนชางรีบรับชามมาแล้ววางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เอาผ้ามาเช็ดมือให้จิ้งอ๋อง
“ข่าวของเจ้าก็เร็วเช่นกันนะ” จิ้งอ๋องกล่าวอย่างช้าๆ น้ำเสียงของเขานิ่งเป็นอย่างมาก “ข้าพบว่า เจ้าชอบที่จะเก็บคนเหล่านี้อยู่ข้างกาย นางมิได้ทำการอันใดที่ทำร้ายเจ้าเลยหรือ? แล้วเจ้าเตรียมที่:black”>จะเมินเฉยหรือ? อย่าได้ดูถูกสาวใช้มากเกินไป หากหลงกลขึ้นมา เจ้าจะไม่มีแม้แต่เวลาร้องไห้นะ สิ่งที่ข้าไม่ชอบมากที่สุดก็คือมีคนแปลกๆ อยู่รอบตัว…….”
หยุนชางยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ “บทเรียนที่เสด็จอาสอนนั้นเป็นจริงอย่างมากเพคะ ชางเอ๋อร์เพียงแค่รู้สึกว่า พวกคนที่โจ่งแจ้งเช่นนี้ชางเอ๋อร์สามารถกำจัดทิ้งได้ แต่แผนการของฮองเฮาไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ข้าจึงเกรงว่ายังมีคนที่ซ่อนตัวไว้เพคะ หากเราเก็บพวกคนที่ทราบตัวตนอยู่แล้วเอาไว้ แล้วควบคุมพวกนางให้ดี และหากว่านางติดต่อกับคนที่ซ่อนตัวเอาไว้ขึ้นมา ข้าจึงจะได้กำจัดทิ้งทั้งรากเลยเพคะ”
จิ้งอ๋องหัวเราะ “เจ้าเด็ดขาดน้อยไป ถ้าหากเป็นข้า ข้าไม่สนหรอกว่าจะเห็นหรือซ่อนตัวไว้ ข้าจะจัดการทันที นางคิดจะทำให้เจ้าไม่สบายใจ เช่นนั้นข้าจึงปล่อยให้นางสบายใจไม่ได้ ทำให้นางเจ็บสักครั้ง นางจะได้ไม่กล้าที่จะคิดลงมือกับเจ้าอีก”
หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นี่ก็นับเป็นวิธีแบบหนึ่ง องค์หญิงหัวจิ้งคงนับว่าเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของฮองเฮากระมั้ง
ตอนนี้ในเมืองหลวงนี้ ชื่อเสียงของหัวจิ้งนับว่าอัปยศอย่างมาก บางที การแต่งงานกับชางเจียชิงซูนั้นอาจเป็นทางออกที่ดี แต่ตอนนี้ลูกชายคนสุดท้องในจวนหลี่ถูกจับได้ว่ามีการสมรู้ร่วมคิดกับชางเจียชิงซู ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นฮองเฮาหรือว่ามหาเสนาบดีหลี่ ทั้งหมดล้วนไม่มีทางที่จะยอมให้หัวจิ้งอภิเษกสมรสกับชางเจียชิงซูอย่างแน่นอน นอกจากนี้ได้ข่าวว่าชางยางอวี้เอ๋อร์นั้นใช้ชีวิตอยู่ในจวนหลี่อย่างสุขสบาย นางคงทำให้ฮูหยินอัครมหาเสนาบดีเกลียดชังเป็นอย่างมาก ชางยางอวี้เอ๋อร์ก็เป็นคนแคว้นเย้หลางเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนในจวนหลี่คงไม่อยากได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับแคว้นเย้หลางกระมั้ง
อย่างไรก็ตาม ยิ่งพวกเขาไม่อยากได้ยินหรือเห็นมากเท่าไหร่ หยุนชางก็ยิ่งตามใจพวกเขาไม่ได้มากเท่านั้น
“ชางเจียชิงซูจะกลับไปแคว้นเย้หลางเมื่อใดหรือ?” หยุนชางเงยหน้ามองไปที่จิ้งอ๋อง
จิ้งอ๋องเลิกคิ้วและพูดด้วยรอยยิ้มว่า ” เจ้าอยากให้เขากลับแคว้นไปเมื่อใด?”
“ในอีกสิบวันข้างหน้าแล้วกัน ชางเจียชิงซูอยู่ในเมืองหลวงนี้มาสักพักแล้ว หากอยู่ไปยาวๆ เช่นนี้ อาจจะเกิดเรื่องได้” ดวงตาของหยุนชางมีรอยยิ้มปรากฏ คราวนี้นางจะไม่เมตตาหัวจิ้งอีกต่อไป หนี้แค้นของชาติก่อนไม่ว่าอย่างไรก็ต้องชดใช้
จิ้งอ๋องนั่งลงที่โต๊ะ “ในเมื่อพระชายาเอ่ยปากแล้ว ฉะนั้นก็ให้เขากลับไปเถอะ สถานการณ์ตอนนี้ของแคว้นเย้หลางนั้นไม่ค่อยดีนัก และชางเจียชิงซูก็รีบออกจากแคว้นเย้หลางเพื่อมาเมืองหลวงเช่นนี้ คงเป็นเพราะเขามั่นใจกับตำแหน่งองค์รัชทายาทที่จะได้มาอย่างมาก”
หยุนชางทราบดี แคว้นเย้หลางไม่มีวัฒนธรรมที่ว่าคนสืบทอดตำแหน่งองค์รัชทายาทต้องเป็นองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายของฮองเฮา ทั้งหมดนั้นเลือกจากความสามารถเท่านั้น แคว้นเย้หลางมีองค์ชายเจ็ดคน ชางเจียชิงซูเป็นองค์ชายคนที่สาม คนที่มีโอกาสได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทมากที่สุดก็คือ องค์ชายสองที่เป็นพระราชบุตรของฮองเฮา และมีองค์ชายห้าที่เป็นบุตรชายของนางสนมอันเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท พระมารดาขององค์ชายห้านั้นเป็นบุตรสาวของเสนาบดี ท่านลุงก็เป็นแม่ทัพอันเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูง จึงมีโอกาสอย่างเช่นกัน หลายปีที่ผ่านมานี้องค์ชายสามทำผลงานอยู่มาก จึงได้รับการสรรเสริญจากประชาชน มีความสามารถด้านความรู้สามารถปกครองบ้านเมืองได้ มีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมสามารถปกบ้านป้องเมือง อีกทั้งยังได้การสนับสนุนจากมหาราชครู แต่ก็อำนาจก็ยังคงอ่อนแอกว่าคนอื่นๆเล็กน้อย ฉะนั้นชางเจียชิงซูจึงอยากได้งานอภิเษกสมรสที่ดีเพื่อได้รับการสนับสนุนที่ดีเช่นนี้
แคว้นหนิงจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หากไม่สามารถเลือกตามแผนเดิมได้ เขาก็คงต้องจำใจเลือกหญิงสาวที่มีอำนาจมากที่สุดในพระราชวังแล้วล่ะ
“ท่านอ๋องเตรียมให้ชางเจียชิงซูกลับไปที่แคว้นเย้หลางอย่างไรหรือ?” หยุนชางถามด้วยเสียงเบา
จิ้งอ๋องเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองหยุนชาง อมยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “หากเป็นพระชายา พระชายาคิดจะทำอย่างไรหรือ?”
หยุนชางครุ่นคิด ชางเจียชิงซูมาขออภิเษกสมรสสานสัมพันธ์ระหว่างแคว้น และตอนนี้คนก็ได้อภิเษกสมรสไปแล้ว อีกทั้งยังเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ หัวจิ้งก็คงไม่ตัวเลือกที่ดีที่สุดอีกต่อไป เพียงแต่ว่าหากชางเจียชิงซูนั้นเป็นดั่งที่จิ้งอ๋องกล่าว เขามาด้วยความมั่นใจอย่างมากที่จะได้รับชัยชนะ หากว่าหัวจิ้งเป็นไปไม่ได้แล้ว ชางเจียชิงซูก็คงจะขอให้เสด็จพ่อหาหญิงสาวที่มีอำนาจแล้วมอบตำแหน่งพร้อมอภิเษกสมรส
ถ้าต้องการให้ชางเจียชิงซูกลับไปโดยเร็ว มีเพียงแค่วิธีเดียวนั่นก็คือ เกิดเรื่องขึ้นที่แคว้นเย้หลาง
ชายแดน…
หยุนชางส่ายหน้า แม้ว่าตอนนี้ชางเจียชิงซูจะอยู่ในเมืองหลวง จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการโจมตี เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้สงครามได้ยุติลงแล้ว หากแคว้นหนิงโจมตีกะทันหัน ข้าเกรงว่ามันอาจจะทำให้เกิดการประท้วงของประชาชนทั้งสองแคว้น ถึงอย่างไรสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดก็คือความสันติและชีวิตที่สงบสุข
ดวงตาของหยุนชางเป็นประกายขึ้นมาทันใด นางเงยหน้ามองไปที่จิ้งอ๋อง ” ข้าคิดออกแล้ว ข้าคิดว่า ไม่มีอะไรมีผลกระทบต่อชางเจียชิงซูมากไปกว่าความเจ็บไข้ที่ร้ายแรงของจักรพรรดิเย่หลางแล้ว”