ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 242 กลยุทธ์ชายงาม (๑)
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวจิ้งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง “หนิงหยุนชาง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไปมีชีวิตที่ดีกว่าข้าหรอก”
ขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดนั้น หัวจิ้งกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เงาสะท้อนเสื้อสีขาวในน้ำ หัวจิ้งพลันหันไปประจันหน้า กลับพบเพียงชายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมทะเลสาบมองมายังตัวนาง
หัวจิ้งตกตะลึงเป็นอย่างมาก จ้องไปยังชายที่อยู่ตรงหน้านั้น ใบหน้าราวกับฟ้าประทาน เสื้อคลุมชายหนุ่มสีขาวราวหิมะ เส้นผมสีดำสนิทที่กระจายอยู่ทั่วหลัง คิ้วทรงดาบของเขานั้นโค้งขึ้น ดวงตาแวววาวทรงลูกพีช ใบหน้าขาวนวล ทว่าไม่เหมือนใบหน้าสีขาวซีดเหมือนคนป่วย เมื่อแสงกระทบกลับดูแวววาวขึ้นมา แม้ว่าหัวจิ้งจะถือเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ทว่าไม่อาจยอมรับได้เลยว่าชายหนุ่มตรงหน้างดงามเป็นอย่างมาก ทว่ามิได้งดงามราวกับหญิงสาว ชายตรงหน้าเอียงศรีษะเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องมายังที่ร่างกายของนาง แววตาดูมีความสับสนงุนงงเล็กน้อย
เมื่อหัวจิ้งตั้งสติได้แล้ว จึงนำร่างลงไปยังใต้น้ำ พร้อมกับทำหน้าบึ้งตึงและกระซิบออกมาว่า ” เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงเข้ามาในตำหนักของเปิ่นกงจู่ได้”
เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำพูดของหัวจิ้งแววตาที่สับสนจึงบังเกิด เขาหันไปหาหัวจิ้ง ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อยและเสียงที่ประบางดั่งหยกหักดังออกมา ” ทาสก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาถึงอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทาสเป็นคนจากทางตะวันออกของเมืองร้านซุ่ยอวี้ เมื่อครู่กำลังบรรเลงพิณอยู่ที่ร้านซุ่ยอวี้ ทว่าทาสเห็นชายสองคนกำลังต่อสู้ที่ริมทะเลสาบ พวกเขาดูเหมือนจะตกใจมื่อถูกทาสเห็น ชายคนหนึ่งจึงนำทาสใช้วิชาตัวเบาลอยขึ้นมาและบินขึ้นไปในอากาศ ทาสกลัวมากจนเป็นลม เมื่อตื่นขึ้นมาก็มาอยู่ที่นี่เสียแล้ว”
ร้านซุ่ยอวี้?
ดวงตาของหัวจิ้งขยับไปมา นางรู้จักที่นี่ดี เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ที่มีทั้งบริกรชายหญิง ได้ยินมาว่าบริกรที่นั้นล้วนแต่บริการอย่างดี แม้คำพูดของชายหนุ่มอาจจะดูไร้สาระ ทว่า
หัวจิ้งมองไปยังเท้าเปล่าของเขา และยังมองหน้าชายหนุ่ม ภายในใจรู้สึกเชื่อไปบ้างแล้ว ด้วยใบหน้าแบบนี้ และอ้างว่าเป็นทาสอีก เกรงว่าจะมีแต่ที่ร้านซุ่ยอวี้เท่านั้น
“เจ้าชื่ออะไร” หัวจิ้งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ชายหนุ่มพลันกลุ่มหน้าลงเล็กน้อย แสงไฟจากทางเดินทั้งสองข้างทำให้หัวจิ้งเห็นขนตาของเขากระพริบขึ้นลง ทำให้ภายในใจรู้สึกเหมือนมีขนนกมาเป่า
“ทาสมีนามว่าหย่าซี. “เมื่อเงียบไปชั่วครู่ ชาวหนุ่มจึงพูดเสียงเบาว่า
หย่าซี แม้แต่หัวจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง หย่าซีเป็นใครนางรู้ดี ตามที่เคยได้ยินมา เขาคือไพ่ลับของร้านซุ่ยอวี้ มีหลายคนไม่สามารถเข้าพบเขาได้ ตามรายงานที่ได้รับ ความสามารถของเขาเป็นเลิศ นี่คือสิ่งที่นางเคยได้ยินมาจากหญิงม่ายที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง
หัวจิ้งจ้องมองไปยังหย่าซี ในใจพลันเต้นรัว เสมือนมีคนเอาขนนกมาเขี่ย ๆ เบา ๆ นางไม่เคยรู้สึกอยากจะปกป้องใครมาก่อน เมื่อตอนที่มีสามี สามีกลับติดพลันอยู่ที่ชายแดนตลอด นั้นจึงไม่สามารถทำให้นางพอใจได้เลย นางจึงมีเลี้ยงดูคนข้างนอกบ้าง แต่ว่าตอนนี้เพราะชางเจียชิงซู ทำให้เธอไม่เคยไปที่นั้นมานานมากแล้ว ทว่าวันนี้ชางเจียชิงซูก็ไม่ได้มา
หัวจิ้งครุ่นคิดภายในใจ จึงเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มพร้อมกับยิ้มออกมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด”
ชายหนุ่มพลันสายหัว สายตากวาดไปทั่วร่างหัวจิ้ง แล้วจึงก้มหัวลง
“ฮ่าฮ่า. ที่นี่คือวังขององค์หญิง เจ้าบุกเข้ามาในวังขององค์หญิงกลางดึก และยังแอบเข้ามาในห้องอาบน้ำขององค์หญิง ไหนเจ้าลองบอกมาสิว่าคสรต้องลงโทษยังไง?” ฮวาจิงเลิกคิ้ว
ชายหนุ่มร่างกายหยุดนิ่งไปชั่วขณะ รีบร้อนถอยกลับไปเพียงหนึ่งก้าว สายตาเต็มไปด้วยความจริงจัง “ทาสผู้นี้ไม่รู้ความ ขอประทานอภัยองค์หญิงด้วยพะยะค่ะ”
“ให้ข้ายกโทษให้หรือ? ไม่เคารพเจ้าหญิง ต้องโดนโทษประหารตัดคอ” หัวจิ้งกระตุกยิ้มมุมปากพลาง จ้องมองไปยังหย่าซี
หย่าซีก้มหน้าลง พลังเสียงถอนหายใจออกมา “ทาสมิได้ตั้งใจจะบุกเข้ามาในวัง องค์หญิง”
หัวจิ้งยิ้มและหัวเราะออกมาเมื่อมองไปยังหย่าซี พลางขยิบตาราวเส้นไหม “หากเจ้าทำให้เปิ่นกงจู่มีความสุขได้ เปิ่นกงจู่จะปล่อยเจ้าไป เจ้าว่าเป็นเช่นไร?”
หย่าซีนิ่งไปสักพัก จึงยกมือขึ้น ปลดเสื้อคลุมสีขาวในกายออก เผยให้เห็นผิวขาวราวเนื้อหยก เขาปลดอาภรณ์ของนางด้วยความนุ่มนวล ทำให้หัวจิ้งรู้สึกว่ามีเสน่ห์อย่างยิ่ง
ผ่านไปชั่วครู่ หย่าซีจึงเดินลงไปในน้ำ และยิ้มออกมาเล็กน้อย เดิมตามหัวจิ้งมาทางด้านหลังและสวมกอดนาง และกระซิบข้างหูหัวจิ้งว่า” องค์หญิง คืนนี้ ให้ทาสผู้นี้ช่วยองค์หญิงด้วยเถอะ”พูดจบ พลันก้มหัวลง พรมจูบไปยังต้นคอ
ร่างกายของฮัวจิงอ่อนยวบยาบ พลางเอนตัวพิงก้อนหินข้างทะเลสาบ และหอบหายใจไม่หยุด
หย่าซีเงยหน้ามองไปยังหัวจิ้ง รอยยิ้มมุมปากพลันเย็นลง เนื่องจากมีคนปิดกั้นร่างกายของหัวจิ้งไว้ หย่าซีจึงจมลงไปในน้ำ หัวจิ้งพลันหายใจเข้าลึก ๆ และลืมตากว้าง และเปล่งเสียงครางเบาๆออกมา
หลังจากนั้นครู่นึง หย่าซีจึงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง พลางเช็ดน้ำบนใบหน้าให้หัวจิ้ง หัวจิ้งพลันหันกลับมาพร้อมทั้งค่อยๆ จูบกัน ร่างกายของหัวจิ้งและหย่าซีค่อย ๆ รวมเป็นหนึ่ง จากนั้นเสียงครางของหัวจิ้งจึงดังไปทั่วทะเลสาบ
……
เมื่อหัวจิงตื่นขึ้นมา ทั่วร่างกายรู้สึกเจ็บเล็กน้อยและเต็มไปด้วยความอ่อนนุ่ม นางมีความสุขมาก มุมปากเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พลันจะเรียกให้สาวใช้นำน้ำเข้ามาล้างหน้า ทันใดนั้นได้ยินเสียงคร่ำครวญเบา ๆ จากรอบตัวเขา
หัวจิงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ลืมตาและหันไปหาเสียงจึงเห็นใบหน้าที่สง่างาม แม้ว่าเมื่อคืนจะรู้สึกประหลาดใจไปแล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง ชายคนนี้เป็นผู้ร้ายที่ชั่วร้ายจริง ๆ
เนื่องจากเมื่อวานแสงไฟสลัว ฉันเพียงแต่รู้สึกคลุมเครือว่ารูปลักษณ์อันสง่างามนี้เป็นเหมือนอมตะ
ตอนนี้เขามาอยู่ตรงหน้าแล้ว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแม้แต่ขนเล็ก ๆบนหน้านางก็สามารถมองเห็น นั้นทำให้คนตกตะลึงไปอีก หัวจิ้งไม่อยากจะยิมรับเลยว่าใบหน้าของชายคนนี้ไม่มีข้อบกพร่องใดใดทั้งสิ้น
สายตาของหัวจิ้งเต็มไปด้วยความร้อนแรง ขนตาของหย่าซีค่อยๆ ขยับไปมา เขาตื่นแล้ว สายตาของเขาจ้องไปยังหัวจิ้งที่มองมา สายตาของเขาดูสับสนเล็กน้อย ทว่าก็ตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อนึกถึงเรื่องของเมื่อคืนแล้วจึงยิ้มประจบ ประแจง”องค์หญิงมองทาสเช่นนี้ นั่นทำให้ทาสรู้สึกอายเล็กน้อย หรือว่า เมื่อคืนทาสใส่ใจไม่เพียงพอหรือ? ถ้าอย่างนั้น ทาส ” ขณะที่เขาพูด มือของเขาค่อย ๆ ลอบเข้าไปคลำอกของหัวจิ้ง
หัวจิ้งหัวเราะออกมาเบา ๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เปิ่นกงจู่พอใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ร่างกายยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่เลย”
หย่าซีพลันพรมจูบไปที่ดวงตาของหัวจิ้ง “องค์หญิงพอใจนั้นดีแล้ว องค์หญิงไม่ต้องการทาสแล้ว ทาสจะกลับไปที่ร้านซุ่ยอวี้” เมื่อพูดจบจึงก้มลงจูบไปยังแก้มของหัวจิ้ง พร้อมน้ำเสียงออดอ้อนว่า “องค์หญิงต้องมาดูกระหม่อมนะพะยะค่ะ”
หัวจิ้งพยักหน้าตอบรับ “แน่นอน”
หย่าซีหัวเราะอีกสองสามครั้ง ยกผ้าห่มและยืนขึ้น หัวจิ้งพยุงขึ้นและมองดูร่างกายของหย่าซี เมื่อนางเห็นท่าทางของหย่าซียังดีอยู่ ไม่ได้อ่อนแอดั่งรูปลักษณ์ภายนอก
หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว หย่าซีก็หันกลับมาและขมวดคิ้วเล็กน้อย “องค์หญิง ทาสไม่รู้ว่าจะออกไปอย่างไร”
หัวจิ้งหัวเราะออกมาเล็กน้อย พลางลุกขึ้นมานั่ง สายตามองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าเสื้อคลุมเมื่อวานที่ถอดไว้ริมทะเลสาบถูกวางไว้บนเก้าอี้ข้าง ๆ คงจะเป็นหย่าซีเอามาให้ละมัง หัวจิ้งชี้ไปที่เสื้อผ้า “เปิ่นกงมีเหรียญหยกอยู่ที่ผูกไว้ที่เอวของ เจ้าเอาไป แล้วคนที่ประตูจะปล่อยคุณออกไป ถ้าเจ้าจะมาพบเปิ่นกงก็เหรียญหยกนั้นมาด้วย”
หย่าซีพยักหน้าและทำตามคำแนะนำของหัวจิ้งเพื่อค้นหาเหรียญหยก ยิ้มและโค้งกายทำความเคารพ จากนั้นหันหลังกลับและออกไป
หลังจากที่หย่าซีจากไป หัวจิ้งก็ลุกขึ้นและเห็นว่าร่างกายของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ หัวจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่สนใจ นางสวมอาภรณ์แล้วเรียกให้ “คนมา” ถึงสองครั้ง แต่ก็ไม่มีใครตอบมานางจึงเดินออกไปข้างนอก
เมื่อออกจากประตูไปแล้วกลับเห็นสาวใช้ของตนยืนอยู่ที่ทะเลสาบ หัวจิ้งคิดว่าอาจจะเป็นหย่าซีที่เห็นว่านางหลับไป และไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน จึงพานางมาส่งที่นี่
เมื่อกลับมาที่ลานตำหนักของนางจากห้องริมทะเลสาบ ผู้คนในบ้านรีบคุกเข่าลงเมื่อพวกเขาเห็นหัวจิ้ง “องค์หญิง”
หัวจิ้งพยักหน้าปล่อยให้พวกเขาเข้าไปในห้องด้านใน คนที่คุกเข่าอยู่ข้างนอกอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน คิดว่ากำลังจะถูกลงโทษ แต่ไม่คิดว่าจะผ่านมาแบบนี้ ทุกคนหนีและรีบเข้าไปในบ้านเพื่อรับใช้
อย่างไรก็ตามหัวจิ้งไม่รู้เลยว่าเมื่อหย่าซีกลับไปที่ร้านซุ่ยอวี้ กลับเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ในห้องของเขา ใบหน้าที่มีเสน่ห์แต่กลับเย็นชา
“เจ้านายเฉียนเฉียน” หย่าซีโค้งคำนับอย่างอ่อนโยน
หนิงเซียนหันกายกลับมามองที่หย่าซี “เป็นเช่นไรบ้าง?”
หยาซียิ้มเล็กน้อย “หย่าซีทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้เจ้านายไว้ใจได้ แต่หย่าซีไม่เข้าใจ ทำไมเจ้านายไม่ปล่อยให้หย่าซีฆ่าองค์หญิงนั่นเสีย?”
ริมฝีปากของหนิงเซียนกระตุกยิ้มเบา ๆ “ความตาย. มันง่ายเกินไป เจ้านายต้องการทรมานนางทีละเล็กทีละน้อย ภารกิจวันนี้ผ่านไปด้วยดี ถ้าทำได้ดี ข้าจะให้รางวัลใหญ่ ต่อไปเป็นงานหลัก อย่าปล่อยให้มันผิดพลาดเป็นอันขาด””
“หย่าซีจะจำไว้ ” หย่าซียิ้มออกมา