ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 243 กลยุทธ์ชายงาม (๒)
ชางเจียชิงซูมิได้มาหลายวันแล้ว หัวจิ้งยิ้มเย็นๆ ออกมา หลังจากงานชมบุปผชาติ. แต่นั้นมาเขาก็มาที่ตำหนักนางน้อยลง เกรงว่าเขาจะคิดว่าข้ามิได้มีประโยชน์อันใดแล้ว ฉะนั้นจึงไม่เต็มใจที่จะพูดออกมา
ถึงแม้จะมิได้รู้สึกชอบเจ้าคนป่าเถื่อนนั่น แต่หากจะหนีออกจากเมืองหลวงแห่งนี้ ก็ไม่พ้นที่จะต้องพึ่งพาเขา ที่จริงแล้วนางสามารถที่จะขอราชโองการไปยังเมืองซีผิงได้ ทว่าเมืองนั้นอยู่ห่างไกลอักทั้งยังแห้งแล้งเป็นอย่างมาก หากนางต้องการไปที่นั้นแล้วไม่นับว่าเป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ อย่างน้อยหากไปที่แคว้นเย้หลางแล้ว ก็ยังได้เป็นพระชายา. แม้แคว้นเย้หลางจะไม่เฟื่องฟูเท่าแคว้นหนิง อย่างน้อยก็คงมิได้ลำบากเท่าใดนัก
“องค์หญิง ค่ำแล้วเพคะ เข้าตำหนักกันเถอะ ” เสียงกระซิบของสาวใช้ดังมาจากด้านหลัง
หัวจิ้งขมวดคิ้วลงเล็กน้อย พลันสมองกลับนึกถึงแต่ใบหน้าอันงดงามขึ้นมา ในใจพลันเต้นรัว ในวันนั้นก่อนที่หย่าซีจะออกมา นางยังได้ให้เหรียญหยกของตัวเองไปด้วย ให้เขาเข้าออกวังองค์หญิงได้สะดวกสบาย จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้ามาหา หัวจิ้งคิดแล้วรู้สึกรำคาญเล็กน้อย หรือว่าเขาไม่เห็นหัวเปิ่นกงจู่แล้วหรือ
คิ้วขมวดกลับไปเป็นดังเดิม พลางโบกมือไล่สาวใช้ “นำอาภรณ์มาให้เปิ่นกงจู่เปลี่ยน. เปิ่นกงจู่จะออกไปข้างนอก”
สาวใช้ข้างกายพลันตกตะลึง ลอบมองออกไปยังนอกหน้าต่าง วันนี้แรมสิบหกค่ำ พระจันทร์ดวงกลมลอยอยู่บนท้องฟ้า แม้ตอนนี้จะดึกมากแล้วก็ตาม
“ยังไม่รีบไปนำเสื้อผ้าอาภรณ์มาให้เปิ่งกงจู่ผลัดเปลี่ยนอีก เจ้าเหม่ออะไรกัน” หัวจิ้งขมวดติ้วและขึ้นเสียงใส่
สายใช้ถึงกับรีบร้อนตอบรับ และนำอาภรณ์ชุดสีม่วงมาให้หัวจิ้งสวมใส่ ที่จริงหัวจิ้งนับว่าเป็นคนสวยมาก แม้จะมิได้ออกไปข้างนอก ก็จะต้องแต่งแต้มใบหน้าด้วยสีอ่อน ๆ อยู่เสมอ เมื่อมิมีอะไรจะต้องเตรียมตัวอีกแล้ว หัวจิ้งก้มมองดูตัวเองในกระจกชั่วครู่ พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและลุกขึ้นยืน “สั่งคนให้เตรียมรถม้า และเรียกองครักษ์คุ้มกันมาเพียงแค่สี่คน เจ้ามิต้องไป”
สายใช้พยักหน้ารับคำแล้วจึงโค้งกายถอยออกมา หัวจิ้งจึงลุกขึ้นยืนพลางยิ้มที่มุมปาก พึมพำเพีบงเบา ๆ ว่า “หย่าซี”เป็นชื่อที่งดงามและสง่างามป็นอย่างมาก
เพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูป ก็มาถึงยังหน้าประตูร้านซุ่ยอวี้ เนื่องจากสถานที่ที่เธอมานั้นมิ ได้หรูหรามากนัก รถม้าของหัวจิ้งจึงเป็นเหมือนรถม้าของเศรษฐีที่ร่ำรวยธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีตราประทับของวังองค์หญิงอีกด้วย มีเพียงผ้าคลุมบดบังใบหน้าและเดินลงมาจากรถม้า
ในช่วงเวลานี้ คงจะเป็นเพียงเวลาของครอบครัวธรรมดาที่จะพบปะเจอหน้ากัน ทว่าสถานที่อย่างเช่นร้านซุ่ยอวี้เวลานี้ เพิ่งจะเริ้มต้นขึ้นเท่านั้น
หัวจิ้งพลางโบกมือเรียกให้องครักษ์รออยู่ข้างนอก ตนเองจึงเดินเข้าไปข้างในเพียงคนเดียว ร้านซุ่ยอวี้ดวงไฟสว่างไสว เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เมื่อหัวจิ้งเดินเข้ามาด้านในแล้ว จึงมีคนที่แต่งตัวเสมือนทาสชาย ใบหน้ายิ้มแย้มและจับมือหัวจิ้งพูดว่า “โอ้ว พี่สาวท่านนี้เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกหรือ? ,มิรู้ว่าท่านต้องการคุณชายท่านไหนมาปรนนิบัติรับใช้ท่านกัน?”
หัวจิ้งพลางเงยหน้าและลอบมองไปยังด้านใน ภายในห้องโถง มีเวทีหนึ่งแห่งด้านบนมีทาสชายกำลังบรรเลงเพลงพิณอยู่ บริเวณรอบ ๆ มีโต๊ะนั่งชายหญิงที่กำลังหัวเราะกัน
หัวจิ้งมาที่สถานที่แบบนี้เป็นครั้งแรก.พลางเลิกคิ้วหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังดึงตนเองไว้ด้วยรอยยิ้ม พลางหยิบทองคำชิ้นเล็กออกมาจากเอวและแกว่งไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม เมื่อชายหนุ่มกำลังจะคว้านั้น หัวจิ้งจึงดึงกลับไป ” พี่สาวต้องการจะพบคุณชายหย่าซี”
สายตาของชายหนุ่มที่กำลังจ้องท้องที่อยู่ตรงหน้านั้น เมื่อได้คำว่าหย่าซีเพียงแค่สองคำนั้น จึงเดินถอยกลับไป “เรื่องนี้ทาสไม่สามารถช่วยท่านได้ วันนี้หย่าซีร่างกายไม่ค่อยสบาย ไม่สามารถรับแขกได้”
ไม่สบาย ? หัวจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ “รบกวนคุณชายช่วยไปบอกหย่าซีได้หรือไม่ คืนนั้น นำเหรียญหยกจากตำหนกข้าไป จะไม่คืนมาหรือ?”
ชายหนุ่มมองหัวจิ้งด้วยความสงสัย กวาดสายตามองไปยังสื้อผ้าอาภรณ์ของหัวจิ้งล้วนแต่เป็นเสื้อผ้าชั้นดี เครื่องประดับบนร่างกายล้วนแต่เป็นเครื่องประดับของชนชั้นสูง การจับจ่ายล้วนแต่ใจกว้าง ล้วนแต่ราคาแพง สายตาเป็นประกายเล็กน้อยพร้อมยิ้มตอบว่า “ตกลง ทาสผู้นี้จะช่วยพี่สาวถามให้ พี่สาวช่วยรออยู่ตรงนนี้สักครู่”เมื่อพูดจบ จึงพาหัวจิ้งเดินมายังโต๊ะหัวมุมของห้องโถง พร้อมบอกว่า ” นำสุราอาหาร มาเร็ว”
หัวจิ้งเพียงขมวดคิ้วไม่พูดไม่จา สายตาสอดส่องไปทั่วบริเวณ โต๊ะแต่ละตัวล้วนแต่มีคุณชายคอยปรนนิบัติ หัวจิ้งมองไปทีละคน ไม่พูดไม่ได้ ทาสในร้านซุ่ยอวี้นั้น แต่ละคนใบหน้าล้วนหน้าตาดี แต่ถ้าเทียบกับหย่าซีนั้น ล้วนแต่เป็นรองอยู่เล็กน้อย
“พี่สาว นี่สุราและอาหารของท่าน ” น้ำเสียงที่ใสสง่าดังขึ้น หัวจิ้งเงยหน้าขึ้นมอง จึงพบกับคุณชายรูปร่างอ่อนหวานยืนอยู่ตรงหน้า ในมือมีทั้งอาหารและสุรา หัวจิ้งพยักหน้าและหันมาหา
“พี่สาว ทาสได้ยินมาว่า ท่านมาหาคุณชายหย่าซีหรือ ช่วงนี้คุณชายหย่าซีต้องเย็นเข้า เกรงว่าจะไม่สามารถเข้าพบท่านได้ ไม่เช่นนั้น ให้ทาสผู้นี้คอยปรนนิบัติให้ท่านดีหรือไม่”
ต้องเย็นหรือ ? หัวจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือว่าวันนั้นเขาแช่ตัวอยู่ในทะเลสาบนานเกินไป จึงทำให้ป่วยได้?
หัวจิ้งพลันมองยังชายหนุ่มข้างกาย ชายหนุ่มพลางยิ้มให้เล็กน้อย “ทาสมีนามว่าชังหลัน ”
หัวจิ้งพลันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ชายหนุ่มที่ร้านซุ่ยอวี้นั้นมีคุณภาพจริง ๆ นางจำได้ แต่ก่อนเคยมีองค์หญิงท่านหนึ่ง มิเคยแต่งงาน ทว่าหน้าไม่อายเป็นอย่างมาก นางมีทาสบำเรอเยอะกว่าวังหลังของจักรพพรดิเสียอีก นั้นเป็นโชคหล่นทับของชายหนุ่มเสียจริง หัวจิ้งพลางก้มหัวเล็กน้อย ดวงตาระยิบระยับ บางทีตัวนางเองอาจจะสามารถทำได้เหมือนกัน
“ชังหลัน เป็นชื่อที่ดี ” หัวจิ้งเพียงกล่าวเบา ๆ
ชังหลันยิ้มเล็กน้อย สายตาจ้องไปยังหัวจิ้ง “ที่ห้องโถงแห่งนี้ผู้คนเยอะเกินไป. พี่สาวท่านนี้ดูเหมือนจะชอบความหรูหรา เช่นนั้นไปนั่งที่ห้องของทาสดีหรือไม่? วันนี้ก็ให้ทาสปรนนิบัติท่านแทน. รอจนคุณชายหย่าซีร่างกายดีขึ้นแล้ว พี่สาวค่อยไปหาเขาดีหรือไม่ ”
หัวจิ้งขมวดคิ้วลงและส่ายหัว นางมั่นใจ หย่าซีจะต้องมาพบนางแน่
หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มก่อนหน้านั้นจึงเดินเข้ามา ใบหน้าประจบสอพลอ “พี่สาวเชิญทางนี้ คุณชายหย่าซีบอกแล้ว เชิญพี่สาวเข้าพบที่ห้องตรงกลาง
หัวจิ้งยิ้มเล็กน้อยพลางลุกขึ้นยืนหันไปมองชังหลัน แล้วจึงเดินออกไป
ห้องของหย่าซีนั้นอยู่หลังร้านซุ่ยอวี้ เป็นเพียงตึกเดี่ยวอีกทั้งยังเงียบสงบมาก หัวจิ้งเดินขึ้นไปด้านบน ชายหนุ่มพาหัวจิ้งมาถึงยังประตูแล้วจึงถอยกลับไป หัวจิ้งผลักประตูเข้าไป จึงเห็นพระจันทร์สีขาวนวลที่หน้าต่าง
พลางได้ยินเสียงประตูเปิดขึ้น จึงหันหลังให้กับเงาของพระจันทร์สีขาวนวล ดวงตาของหัวจิ้งเปล่งประกาย. ทุกครั้งที่เห็นหย่าซี ทำให้นางรู้สึกว่า บนโลกนี้ไม่มีอะไรสวยงามไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“องค์หญิง”. หย่าซีพลางยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแหบแห้ง
เมื่อหัวจิ้งเห็นภาพตรงหน้า ใบหน้าของเขาซีดขาว จึงเดินไปยังตรงหน้าของหย่าซี “หรือต้องเย็นเพราะที่ทะเลสาบวันนั้น ? แต่ว่าเจ้าดูมิได้เป็นอะไรเลย”
หย่าซีก้มหน้าลง ขนตาสั่นเล็กน้อย “นั้นมิได้เกี่ยวอันใดกับองค์หญิง เพียงแค่แขกอารมณ์ร้ายท่านหนึ่งเท่านั้น. ทาสไม่อยากปรนนิบัตินาง. นางจึงให้ทาสแช่ตัวในถังน้ำแข็งชั่วครู่”
หัวจิ้งเงียบไปสักพัก. เสมือนมีเพลิงไหม้เกิดขึ้นในใจ “ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีคนป่าเถื่อนโหดร้ายเช่นนี้ด้วยหรือ ? เจ้าพูดมา เป็นผู้ใดกัน”
หย่าซีส่ายหน้า “องค์หญิงดีกับกระหม่อมเป็นอย่างมาก กระหม่อมรู้ ทว่าพี่สาวท่านนั้นมิใช่บุคคลธรรมดา ช่วยลืมมันไปเถอะ ในเมื่อองค์หญิงมาถึงที่นี้แล้ว ให้กระหม่อมเล่นเพลงพิณให้ท่านฟังดีหรือไม่”