ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 244 ชายงามกำลังตกที่น่าลำบาก
หัวจิ้งพลันขมวดคิ้ว เหมือนว่าหย่าซีตั้งใจจะปกปิดอะไรบางอย่าง ในใจพลันรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย. ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีคนที่มีอำนาจมากกว่านางอีกหรือ?
ในตอนที่กำลังซักถามเพิ่มเติมนั้น จึงนึกได้ว่าหย่าซีร่างกายไม่ค่อยสบาย ถึงแม้เสด็จพ่อจะตักเตือนางหลายครั้งแล้ว หากว่าโดนนังหยุนชางจับได้ แล้วเรื่องนี้ไปถึงหูท่านพ่อแล้วล่ะก็. ในฐานะเจ้าหญิงแห่งแคว้นนางมิควรจะมาเดินเล่นหอโคมแดงเช่นนี้
แม้ว่าในใจจจะเข้าใจถึงเหตุผลนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่ค่อยเต็มใจนัก จึงยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลว่ามันจะเป็นการรบกวนข้า ข้าแค่อยากจะถามไถ่เพียงเท่านั้น”
หย่าซีเงียบไปสักพัก พลันถอนหายใจออกมา “มิใช่ว่าทาสผู้นี้ไม่อยากจะบอกท่าน ทว่านางและองค์หญิงมีความเกี่ยวข้องกัน ทาสแค่กลัวว่ามันจะเป็นการสร้างความลำบากใจให้องค์หญิง”
“โอ้ว”หัวจิ้งเลิกคิ้วขึ้น เงียบไปสักพัก จึงพยักหน้าพูดว่า “หากเจ้าไม่ต้องการที่จะพูด ข้าก็จะไม่บังคับ”
หย่าซีเพียงยิ้มเล็กน้อย จึงนั่งลงข้างพิณ”ให้ทาสเล่นเพลงให้ฟังเถิด ” เมื่อพูดจบมือจึงเริ่มบรรเลงขึ้น
หัวจิ้งตะลึงไปเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วขึ้น เพลงนี้ มิใช่ว่าเพลง หงส์วอนรัก หรือ?
หัวจิ้งมีความทรงจำที่ลึกซึ้งต่อเพลงนี้ มิใช่เพราะว่าเพลงนี้มีชื่อเสียง. ทว่าเป็นเพราะจิ้งอ๋องเคยเล่นเพลงนี้ให้กับหยุนชาง ตอนงานเลี้ยงในวัง ถึงแม้จะดูถูกเหยียดหยามอยู่บ้าง แต่ลึกๆ ในใจก็ยังมีความอิจฉาริษยาอยู่ ถูกชายหนุ่มที่ดีพร้อมชื่นชมถึงเพียงนั้น เป็นสิ่งที่สตรีทุกคนล้วนคาดหวังที่จะได้รับ
หัวจิ้งเงยหน้ามองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังบรรเลงเพลงพิณอยู่นั้น. ใบหน้าเช่นนี้พบได้ในวังหลังอย่างกราดเกลื่อน แต่ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้อยู่ดี นางต้องการเจอคนแบบนี้เฉกเช่นดั่งเพลงนี้ หงส์วอนรัก จะไม่ให้หัวจิ้งรู้สึกมีความสุขได้อย่างไร
เมื่อเพลงจบลง หัวจิ้งเงยหน้าขึ้นมาตาลุกวาว “เพลงนี้ ไพเราะเป็นอย่างมาก หากแต่เปิ่งกงจู่มิเคยเข้าใจจังหวะมันเลย อีกทั้งยังไม่รู้ว่ามันเล่นยังไง ทว่าหย่าซีบรรเลงได้เป็นธรรมชาติอย่างมาก”
หย่าซีก้มหัวลงพร้อมรอยยิ้ม ขณะนั้นเสมือนว่าดอกไม้จะเบ่งบานเพราะรอยยิ้มนั้นแม้แต่หัวจิ้งยังอดไม่ได้ที่หัวใจจะเต้นรัว
ในขณะที่หัวจิ้งกำลังแอบตกใจนั้น หย่าซีพลันลุกขึ้นมาและเดินมาทางหัวจิ้ง หัวจิ้งที่ยืนอยู่แล้ว เมื่อเห็นหย่าซีเดินเข้ามา จึงอดไม่ได้ที่จะถอยหลังกลับไปพิงประตู
“องค์หญิงท่านจะหนีไปไหนหรือ?”หย่าซียิ้มออกมาอีกทั้งยังขมวดคิ้วเล็กน้อย
หัวจิ้งอดไม่ได้ที่จะก้มหัวลง “เปิ่งกงจู่ทำไมต้องหนี?”
ทว่าเสียงพลันหายไป ผ้าคลุมหน้าถูกดึงขึ้นและร่วงหล่นลงไปบนพื้น หัวจิ้งตกใจพลันเหลือบมองไปยังผ้าคลุมหน้าที่พื้น สติยังมิทันได้กลับมา พลันรู้สึกว่าริมฝีปากมีสิ่งของอุ่น ๆ กำลังเข้ามา
หัวจิ้งลืมตาขึ้นพลันเห็นใบหน้าของหย่าซีที่ขยายใหญ่ขึ้น ขณะที่หัวจิ้งยังกำลังได้สติ หย่าซีพลันยิ้มน้อย ๆ พลางกอดหัวจิ้งแล้วจึงพาเดินเข้าไปในห้อง บนประตูมีผ้าม่านไขมุกติดอยู่พลันถูกปลดลงมา
ครอบคลุมทิวทัศน์ด้วยห้องกลิ่นไอฤดูใบไม้ผลิ
จากนั้นเป็นต้นมา หัวจิ้งเริ่มที่จะหลงใหลในตัวหย่าซี เป็นอย่างมา เพียงไม่กี่วันมานี้ หากถึงพลบค่ำเมื่อใดและไม่เห็นชางเจี่ยชิงซูมาหา นางก็จะรีบร้อนใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ และมุ่งหน้าไปยังร้านซุ่ยอวี้ทันที
ในวันนั้นขณะตอนบ่าย วังขององค์หญิงพลันได้รับการต้อนรับจากแขกที่มาอย่างมิได้ตั้งใจ
ขณะที่หัวจิ้งกำลังงีบหลับอยู่ในห้องนั้น เมื่อได้ยินรายงาน จึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัยพลางบอกว่า “ให้คนพาเข้ามา”
แขกที่มานั้นคือหย่าซี ทว่าร่างกายกลับให้ความรู้สึกอึดอัดใจอะไรบางอย่าง หัวจิ้งพลันจ้องมองไปยังอาภรณ์ของหย่าซีสีขาวลายพระจันทร์ และใบหน้าที่ดูอึดอัดใจ พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย โบกมือให้ข้ารับใช้ออกไป จึงเดินมายังตรงหน้าของหย่าซีพลางกุมมือด้วยใบหน้าสงสาร”เจ้าเป็นอะไรงั้นหรือ. ทำไมหน้าตาและดูหนักใจยิ่งนัก”
หย่าซีมิได้พูดเบา ๆ ดั่งเช่นเคย เขาเพียงคุกเข่าบนพื้นพร้อมกับพูดว่า”หย่าซีขอร้ององค์หญิง ช่วยเป็นเจ้านายของหย่าซีด้วยเถิด”
หัวจิ้งตกตะลึงไปสักพักและรู้สึกสับสนเล็กน้อย”เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”
หย่าซีพลันน้ำตาล่วงมาสองสามหยด พร้อมสะอื้นพูดว่า”วันนี้เมื่อตอนสาย ร้านซุ่ยอวี้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น เพลิงไฟรุนแรงเป็นอย่างมาก ร้านซุ่ยอวี้พลันถูกเผาไหม้จนเหลือแต่เถ่าถ่าน ผู้คนในร้านซุ่ยอวี้บางคน ล้วนแต่ถูกฝังอยู่ในทะเลเพลิงนั่น พลันเหรียญหยกล้วนแต่มอดไหม้ รวมทั้งคนที่เคยริมชาให้องค์หญิงก็ไหม้ไปด้วย หากมิใช่เขาผลักทาสออกมา เกรงว่าองค์หญิงจะมิได้เห็นทาสผู้นี้แล้ว”
หัวจิ้งเงียบไปสักพัก พลันตกใจขึ้นมา”รุนแรงขนาดนั้นเชียวหรือ ? ไฟไหม้ได้อย่างไรกัน ? เจ้าได้รับบาดเจ็บมาหรือไม่ ? ข้าจะไปเรียกหมอมาดูเจ้าสักนิด”
หย่าซีพลันยื่นมืออกมา มือนั้นถูกไหม้ไปมาก แม้จะมิได้เกิดแผลไหม้ ทว่าแผลเป็นสีแดง บริเวณที่เป็นหนักมีผิวหนังลอกออกมา หัวจิ้งรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก จึงรีบคว้ามือเขาเอาไว้ “ข้าจะให้คนไปเรียกหมอมาดูอาการเจ้า”
ยังมิทันได้หันหลังกลับ พลันถูกหย่าซีจับตัวไว้”ทาสมิอยากเจอท่านหมอ ที่ร้านซุ่ยอวี้นั้นผู้คนถูกฝังอยู่ในเพลิงไหม้เพราะทาสผู้นี้ ในใจทาสรู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก ในเมืองหลวงแห่งนี้คนที่มีอำนาจมากที่สุด ล้วนแต่เป็นองค์หญิงที่ทาสรู้จัก ทาสอยากจะขอให้องค์หญิงช่วยไขข้อคับใจให้กับร้านซุ่ยอวี้ด้วยเถิด”
หัวจิ้งพลางหันหน้ากลับมา รีบร้อนตอบรับ”พูดมา. ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น ? มีคนตั้งใจวางเพลิงหรือ?”
หย่าซีพลันก้มหน้าลง น้ำเสียเจือด้วยความเศร้าใจ”นางบอกว่าจะพาทาสไปที่จวนของนาง แต่ทาสมิเต็มใจ นางเข้าไปพัวพันกับทาสทุกวัน ทว่าวันนี้เป็นเพียงเพราะชิงอวี้บังเอิญรินชาร้อนหกใส่กระโปรงของ นางจึงบอกว่า นางต้องการที่จะทำลายร้านซุ้ยอวี้ ทาสคิดว่ามันเป็นเพียงคำพูดลอย ๆ จึงมิได้เอาจริงเอาจังจึงมิคิดว่านางจะกล้าเผาร้านซุ้ยอวี้ได้”
“นาง”หัวจิ้งคิ้วขมวดคิ้วขึ้น “นางเป็นใคร”
หย่าซีพลางขบฟัน ในตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาพลันมองมายังหัวจิ้ง”ทาสมิกล้าบอกพะยะค่ะ”
หัวจิ้งพลันจับมือหย่าซี ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางยังได้เรียนรู้อะไรบางอย่างมากจากหย่าซีอีกว่า. แม้ว่าชายผู้นี้จะดูอารมณ์ดีเป็นอย่างมากทว่าเขายังเป็นคนที่ดื้อรั้นอีกเล็กน้อย หัวจิ้งพลันกุมมือมา”หากเจ้ามิบอกข้า. เจ้าจะให้ข้าไขข้อข้องใจให้เจ้า และร้านซุ่ยอวี้ได้อย่างไร?”
หย่าซีก้มหน้าลงและเงียบไปชั่วครู่จึงพูดออกมา”สตรีนั่นองค์หญิงรู้จักเป็นอย่างดีพะยะค่ะ อีกทั่งยังมีความสัมพันธ์อันดี เป็น เป็นลูกพี่ลูกน้องขององค์หญิง เป็นบุตรคนโตของตระกูลหลี่ หลี่อิ๋งอิ๋ง”
หัวจิ้งพลันตกตะลึงไปเล็กน้อย หลี่อิ๋งอิ๋งแน่นอนว่านางรู้จักเป็นอย่างดี ทว่าแต่ก่อนตนเองและนางความสัมพันธ์ก็มิได้แย่ นางอายุมากกว่าตนเองไม่มาก หากแต่ตอนนี้อายุได้ 20 หนาวแล้ว ทว่ายังมิได้แต่งออกไปอีก แต่เดิมนางเป็นคนอารมณ์ร้อน หากแต่มิคิดว่านางจะเป็นคนชอบสร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง
เนื่องจากสิ่งที่เกิดในวันปีใหม่ ทำไมให้นางถูกหยุนชางนำตัวเข้าคุก เมื่อหลี่อิ๋งอิ๋งรู้ว่ามิใช่ตัวเอง อีกทั้งยังมิมีการแก้ตัวใดใดให้กับนางอีกด้วย ทำให้นางและหลี่อิ๋งอิ๋งความสัมพันธ์จึงห่างเหินแต่นั้นเป็นต้นมา
เมื่อเห็นว่าหัวจิ้งมิได้เอ่ยอะไรออกมา หย่าซีจึงก้มหน้าลงเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างมิค่อยเต็มใจ”ทาสมิรู้ว่าเรื่องนี้อาจจะสร้างความลำบากใจให้แก่องค์หญิง ทาสมิได้คิดเรื่องทุกอย่างให้ถี่ถ้วนมาก่อน ทาสขอตัวก่อนนะพะยะค่ะ”
หัวจิ้งรีบร้อนที่จะจับมือเขา “ข้ามิได้พูดเลยว่าจะมิทวงคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้า ตอนนี้มิได้มีร้านซุ่ยอวี้อีกแล้ว เหตุใดเจ้ามิอาศัยอยู่ในวังขององค์หญิงก่อนเล่า ข้าจะให้คนไปจัดการเรื่องนี้ให้เป็นอย่างไร ?”
หย่าซีนิ่งไปซักพัก พลางส่ายหัวไปมา “พี่ชายเซียนหนิงตอนนี้ก็จากไปแล้ว. ยังมีผู้คนเหลืออยู่ในร้านซุ่ยอวี้อีก ทาสต้องจัดการพวกเขาและดูว่าพวกเขาต้องการอะไร ถ้าพวกเขาต้องการจะออกไป จำเป็นจะต้องให้เงินพวกเขาจำนวนหนึ่งเพื่อปล่อยให้พวกเขาไปตั้งตัวได้ ถ้าพวกเขาต้องการอยู่ต่อ ทาสจะพยายามหาที่สำหรับสร้างร้านซุ่ยอวี้ขึ้นมาใหม่ ทาสไม่สามารถทิ้งพวกเขาให้ไม่มีที่ไปได้”
หัวจิ้งรีบร้อนพูดว่า “เจ้าสงบจิตสงบใจที่นี่ก่อนเถอะ ผู้คนที่ร้านซุ่ยอวี้นั้น เปิ่นกงจู่จะให้คนไปจัดการให้ ดูสภาพน่าอดสูของเจ้าตอนนี้ ตอนเจ้าหนีคงจะรีบร้อนมิใช่น้อย ถึงมิได้หยิบอะไรติดมือมาเลย ตอนนี้เจ้าเหลือแต่ตัวแล้ว จะสร้างร้านซุ่ยอวี้ใหม่อะไรกัน เจ้าควรไปชำระล้างกายสักหน่อย เปลี่ยนเสื้ออาภรณ์ เดี๋ยวข้าจะให้คนพาเจ้าไปดูร้านซุ่ยอวี้ ไปช่วยเจ้าหาดูว่ามีของมีค่าอะไรตกหล่นอยู่บ้าง ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้า มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นขนาดนี้ ข้าจะไม่ช่วยได้อย่างไร”
หย่าซีเหลือบมองไปยังหัวจิ้งด้วยน้ำตานองหน้า ใบหน้ามีรอยยิ้มเปื้นเล็กน้อย”องค์หญิง ในชีวิตของทาสผู้นี้ สิ่งที่โชคดีที่สุดคือการได้พบเจอท่าน องค์หญิง”
หัวจิ้งกวักมือเรียกสาวใช้ ให้มาพาหย่าซีไปยังห้องพักเพื่อพักผ่อน หัวจิ้งพลันครุ่นคิด เมื่อนึกถึงตอนห้องที่ริมทะเลสาบตอนที่นางและหย่าซีเจอกัน จึงให้สาวใช้พาเขาไปหย่าซีเดินจากไปแล้ว
หัวจิ้งพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย หลี่อิ๋งอิ๋ง เรื่องนี้ค่อนข้างที่จะจัดการยากเสียแล้ว
ทว่า ตนเองได้ตกลงกับหย่าซีไว้แล้ว หากมิได้จัดการ เกรงว่าหย่าซีคงจะผิดหวังไม่น้อย เมื่อคิดถึงหย่าซีขึ้นมา การแสดงบนเตียงล้วนโดดเด่น ในใจพลันหมกมุ่นแต่เรื่องนี้ ดูท่านางจะต้องได้ดูแลเรื่องนี้เป็นแน่
เมื่อฮวาจิ้งนึกขึ้นได้ จึงรีบกลับไปยังในห้องเพื่อหยิบกระดาษมาเขียน และเรียกองครักษ์มาหา เพื่อให้ส่งข่าวไปยังจวนของตระกูล ถึงแม้จะตัดสินใจลงไปแล้วทว่าก็ต้องตรวจสอบที่มาที่ไปให้รอบคอบ เรื่องนี้ยังต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน แม้ว่านางจะหลงใหลในตัวหย่าซีเป็นอย่างมาก ทว่านางจะไม่ให้เขาใช้นางเป็นเครื่องมือเป็นแน่
หย่าซีเมื่อชำระล้างกายเสร็จแล้ว จึงผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ และเดินทางไปยังห้องของหัวจิ้งเพื่อกล่าวขอบคุณ หัวจิ้งยิ้มตอบเล็กน้อยพลางจ้องมองชายตรงหน้า เขาค่อย ๆ ดีขึ้นมาบ้างแล้วจึงพยักหน้าเล็กน้อย สาวใช้ในห้องล้วนแต่รู้สึกตกตะลึง ภายในใจสั่นไหวเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเย็น ๆ ว่า”พวกเจ้าลงไปให้หมด ไม่จำเป็นต้องรอข้าที่นี่”
แม้ว่าสายใช้จะดูไม่ค่อยเต็มจาก พวกนางอยากที่จะชื่นชมชายหนุ่มรูปร่างที่ฟ้าประทาน ทว่าก็มิอยากทำให้หัวจิ้งโมโห พวกนางจึงค่อย ๆ ถอยออกไป
หัวจิ้งจึงดึงมือหย่าซีมา”เจ้ากลับไปดูร้านซุ่ยอวี้หน่อยเถิด ข้าจะให้องครักษ์ไปกับเจ้าด้วย เจ้าจะได้รู้สึกสบายใจ”
หย่าซีพลันขมริมฝีปากเล็กน้อย พลางพยักหน้า แล้วจึงโค้งกายทำความเคารพจากไป
เมื่อไม่นานนัก องครักษ์ที่ถูกเรียกให้ไปส่งข่าวที่ตระกลูจึงกลับมา “กระหม่อมไปตระกูลมาแล้ว ทว่าลูกพี่ลูกน้องขององค์หญิงมิอยู่ที่จวน กระหม่อมจึงนำจดหมายส่งให้พ่อบ้านแทน ”
ออกไปข้างนอก ? หัวจิ้งนึกถึงเรื่องของหย่าซีขึ้นมา พลางขมวดคิ้วลงเล็กน้อย จะเป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะไปร้านซุ่ยอวี้
ในใจพลางครุ่นคิด ทว่ามิได้กล่าวอันใดออกมา พลางโบกมือให้องครักษ์จากไป
หลังจากผ่านไปเพียงชั่วยาม หย่าซีจึงกลับเข้ามา ทว่าสีหน้ารู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก หัวจิ้งกวาดสายตามองไปยังองครักษ์ที่อยู่ข้างกายของเขาเสมือนว่าเขาได้ลงมืออะไรหรือไม่ ในใจพลันแปลกใจเล็กน้อย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง. จึงให้คนมาพาหย่าซีไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์และเรียกองครักษ์เพื่อมาสอบถาม .
“กระหม่อมไปร้านซุ่ยอวี้กับคุณชายหย่าซี. เมื่อไปถึงร้านซุ่ยอวี้มอดไหม้จนไม่เหลืออะไรแล้ว กระหม่อมจึงได้ตามหาของสำคัญพร้อมกับคุณชายหย่าซี ทว่าลูกพี่ลูกน้องขององค์หญิงพาคนเดินเข้ามาหาอีกทั้ง.ดึงคุณชายหย่าซีให้ตามไปด้วย คุณชายหย่าซีดิ้นรนเพียงชั่วครู่ ทว่าลูกพี่ลูกน้องขององค์หญิงกำลังจะลงมือ องค์หญิงให้กระหม่อมดูแลความปลอดภัยของคุณชายหย่าซี จึงรีบร้อนไปช่วยคุณชายหย่าซีกลับมา ลูกพี่ลูกน้องขององค์หญิงเห็นดังนั้น จึงพูดจาถากทางคุณชายหย่าซีว่า คุณชายไปคบกับขุนนางเศรษฐีแล้วหรือ ถึงได้มือองครักษ์มาช่วยเหลือ กระหม่อมมิได้พูดใด อีกทั้งยังมิได้พูดว่ามาจากวังขององค์หญิงอีกด้วย เพียงแค่มาปกป้องคุณชายหย่าซีเท่านั้น ลูกพี่ลูกน้องขององค์หญิงเมื่อเห็นว่านางมิได้ประโยชน์อันใดแล้ว นางจึงฮึดฮัดก่อนจากไป ก่อนที่นางจะจากไปยังให้คุณชายหย่าซีรอนาง พร้อมกับพูดโน้มน้าวอะไรบางอย่างที่จะทำให้คุณชายหย่าซีปฏิบัติตามนางอีกด้วย”