ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 245 สงครามในจวนเสนาบดี(๑)
ภายในใจของหัวจิ้งเต็มไปด้วยความกรุ่นโกธร ดีจริงๆ หลี่อิ๋งอิ๋ง! ตนเองยังคิดว่าหย่าซีนั้นจะหลอกลวงเธอ อีกทั้งยังส่งข่าวไปยังจวนเสนาบดีอีกด้วย เพื่อสอบถามเรื่องราวให้กระจ่าง มิคิดว่าจะเป็นการรังแกตนเองด้วยซ้ำ ถือว่าตัวเองเป็นหลานของท่านเสนาบดีแล้วจะรังแกผู้อื่นได้หรือ ? น่าขันสิ้นดี
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น พลันเห็นพ่อบ้านเดินเข้ามา ในตอนที่หัวจิ้งกำลังโมโหอยู่นั้น ใบหน้าสื่อถึงอารมณ์ไม่ค่อยดี พลางตอบรับด้วยเสียงเย็น ๆ ว่า ” มีอะไรงั้นหรือ ? ”
พ่อบ้านเมื่อเห็นดังนั้น จึงรีบร้อนพูดตอบว่า “องค์หญิง เมื่อครู่คนของจวนเสนาบดีมาหาพะยะค่ะ พลันกราบทูลว่า วันนี้ลูกพี่ลูกน้ององค์หญิงไปวัดจิ้งซีเพื่อสวดมนตร์ข้อพรให้กับท่านเสนาบดีและฮูหยิน ด้วยการเดินทางที่ยากลำบาก ทำให้รู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก จะให้มาเข้าเฝ้าองค์หญิงเวลานี้ก็มิควร จึงส่งคนมากราบทูลองค์หญิงพะยะค่ะ. พรุ่งนี้ตอนเช้า. พี่สาวหลี่ขององค์หญิงจึงจะเดินทางมาเข้าเฝ้า”
หัวจิ้งเงียบไปสักพักจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “อวยพรหรือ ? ฮ่าฮ่า. นางหลี่อิ๋งอิ๋งชั่งมีทักษะในการพูดโกหกมากกว่าองค์หญิงผู้นี้มากนัก! ได้ หากพรุ่งนี้นางมาพบข้า ข้าจะให้นางคุกเข่าสามครั้งคำนับเก้าครั้ง”
พ่อบ้านรู้สึแปลกใจเป็นอย่างมาก พี่สาวหลี่และองค์หญิงแต่เดิมล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด แม่ว่าช่วงนี้จะมิได้ไปมาหาวสู่กันเลยก็ตาม มิรู้ว่าพี่สาวหลี่ไปทำอะไรไว้ จึงทำให้องค์หญิงโมโหได้ ในใจได้แต่เพียงคาดเดาไปต่างๆ นานา ทว่าเบื้องหน้ากลับแสดงความเคารพด้วยความนอบน้อม “กระหม่อมเข้าใจแล้ว กระหม่อมจะกลับไปส่งข่าวให้ท่าน ”
“ช้าก่อน” หัวจิ้งว่าพลางถอนหายใจออกมาและยืนขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา นางรู้ว่า. หากนางพูดแบบนี้ไปอาจจะเป็นการฉีกหน้าหลี่อิ๋งอิ๋งได้ มันจะเป็นการดีกว่าหากจะไม่นางได้หักหน้าตนเอง ทว่า หากต่อหน้าต่อตาท่านตาและท่านยายหากนางกล้าพูดนินทาว่าร้ายให้ข้าได้ คนที่พลาดที่สุดก็คือตัวนางเอง ท้ายที่สุดอถ้าหากว่าวันนี้หลี่อิ๋งอิ๋งอยู่แต่ในจวนแล้วล่ะก็ ความสัมพันธ์ของท่านตาและท่านยายล้วนดีกว่านาง ถึงแม้พวกท่านจะเคารพนางในฐานะเจ้าหญิง. แต่ว่าหากหลี่อิ๋งอิ๋งใช้ช่องว่างพูดจาให้ร่้ายตนแล้ว นางก็จะมีช่องว่างกับพวกเขามาก หากมีอะไรเกิดขึ้นภายภาคหน้า ก็จะตัดการได้ยากแล้ว
นางไม่ได้โง่เขลา อีกทั้งยังเข้าใจดีว่า แม้ว่าฉากหน้าท่านตาท่านยายจะเป็นข้าราชบริพาร ทว่าพวกเขายังต้องพึ่งพาเสด็จแม่อีกมาก และพวกเขาไม่สามารถจะขุ่นเคืองอะไรเธอได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวจิ้งขมวดคิ้วลงเล็กน้อย สมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว “เจ้ายังมิต้องรีบกลับ เปิ่นกงจู่จะไปจวนเสนาบดีด้วยตนเอง ” เมื่อพูดจบจึงบอกกับสาวใช้ข้างกายว่า “ช่วยเปิ่นกงจู่ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์”
เมื่อเปลี่ยนเป็นชุดอาภรณ์กระโปรงสีไข่หานแล้ว ชุดช่วยขับให้ใบหน้าของหัวจิ้งอ่อนโยนลงสักส่วน หัวจึงพยักหน้าลงเล็กน้อย เรียกให้คนตระเตรียมรถม้า และจึงวานให้สาวใช้ไปบอกกับหย่าซีและจึงเดินทางไปยังจวนเสนาบดี
ในยามนี้ ท่านตามิได้อยู่ที่จวนเป็นแน่ อีกทั้งท่านยายจึงน่าสงสารเป็นอย่างมาก แต่เดิมลูกสาวก็แต่งเข้าไปอยู่ในวังแล้ว แม้ว่าจะเป็นถึงฮองเฮา ทว่าก็ไม่เหมือนลูกสาวที่แท้จริงของนาง นางจึงให้อิสระกับหัวจิ้งมาก หากเริ่มลงมือตั้งแต่ท่านยาย จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หัวจิ้งนั่งอยู่บนรถม้าเป็นเวลานาน ก่อนจะทำการตัดสินใจ นึกถึงคำพูดทั้งหลายที่ตระเตรียมมาอย่างดี. จำไว้ในสมอง ชั่วครู่ จึงเดินทางมายังจวนเสนาบดีแล้ว
เมื่อหัวจิ้งเดินลงมาจากรถม้า ยามเฝ้าประตูหน้าจวนก็จำได้ รีบนร้อนทำความเคารพด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแล้วจึงพูดว่า “องค์หญิงเสด็จมาถึงแล้ว”
หัวจิ้งพยักหน้ารับคำ พลางหมุนกายกลับไปถามว่า “ท่านยายอยู่ที่ไหนงั้นหรือ?”
ยายเฝ้าประตูรีบร้อนตอบ”ฮูหยินเสนาบดีอยู่ที่ตำหนักจิ้งหย่าพะยะค่ะ” หัวจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย ตำหนักจิ้งหย่านั้นเป็นจวนที่ท่านยายอาศัยอยู่
เมื่อเข้าไปยังจวนเสนาบดีแล้ว หัวจิ้งพลันเดินไปยังตำหนักจิ้งหย่า เมื่อถึงประตูตำหนักแล้วกลับได้ยินเสียงดังโครมครามออกมา หัวจิ้งอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วออกมา ท่านยายแต่เดิมเป็นคนรักสงบ แล้วผู้ใดกันชั่งกล้าทำเสียงดังในตำหนักจิ้งหย่าเช่นนี้
เมื่อเข้าไปใกล้ๆ.จึงเห็นเป็นสตรีใส่อาภรณ์ชุดกระโปรงสีชมพูดยืนอยู่ตรงกลางห้อง สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ปากพลางพูดประชดประชันว่า “พวกเจ้ารังแกข้าที่เป็นคนต่างแคว้น คิดว่าข้ามิรู้หรือ กฎหมายแคว้นหนิงของพวกเจ้า ข้าเป็นเพียงสตรีที่ตั้งครรภ์. แม้แต่ยาบำรุงดีดีก็ยังไม่ให้ข้าดื่มกินเลยหรือ แม้ว่าข้าจะเป็นสนม แต่เป็นสนมที่จักรพรรดิแคว้นหนิงจัดงานอภิเสกสมรสให้. ตอนนี้ในท้องยังมีท่านชายของตระกูลหลี่อยู่อีก อีกทั้งคอนนี้องค์ชายสามก็ยังอยูในเมืองหลวงอีกด้วย พวกเจ้าคิดว่าคนของแคว้นเย้หลางง่ายต่อการรังแกงั้นหรือ หากวันนี้พวกเจ้าไม่อธิบายให้ข้าฟังดี ๆ ข้าจักไปหาเหตุผลต่อจักรพรรดิด้วยตัวเอง”
หัวจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย นางกลับนึกออกมา นั้นมิใช่ชางยางอวี้เอ๋อร์หรือ ? สตรีที่กล้าบอกความในใจต่อจิ้งอ๋อง? หลังจากนั้น เป็นเพราะในงานเลี้ยงวันเกิดจิ้งอ๋อง นางถูกจับไปพร้อมกัยท่านตาจึงทำให้ต้องแต่งนางเข้าจวนอย่างช่วยไม้ได้ นางตั้งครรถ์แล้วหรือ? ธิดาอันชอบธรรมของราชครู? หรือว่าเป็นนางมารร้ายที่ถูกเลี้ยงไว้ในจวนราชครูกันแน่ เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเจ้ากำลังแหกปากตะโกนใส่ผู้ใดอยู่กัน ?”
หัวจิ้งจึงยิ้มเย็นๆ แล้วเดินเข้าไป “เปิ่นกงจู่กำลังคิดว่าใครชั่งกล้ามาโหวกเหวกโวยวายไม่รู้ความอยู่ที่นี่. ที่แท้เป็นเพียงแค่สนมแคว้นเล็ก ๆ งั้นสิ โอ้ว เปิ่งกงจู่นึกได้แล้ว เจ้ามิใช่ว่ามาจากแคว้นเย้หลางหรอกหรือ? ธิดาอันชอบธรรมของราชครู? หรือว่าเป็นนางมารร้ายที่ถูกเลี้ยงไว้ในจวนราชครูกันแน่ เจ้ามิรู้หรือ ว่าเจ้ากำลังแหกปากตะโกนใส่ผู้ใดอยู่กัน ?”
ชางยางอวี้เอ๋อร์พลันขมวดคิ้วนึก เพียงรู้สึกสตรีตรงหน้าคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง หลังจากคิดอยู่นานจึงจำได้แล้วว่า นางคือองค์หญิงใหญ่แคว้นหนิง. หัวจิ้ง?
“ใครกัน? ข้ามิใช่นางสนม ข้าเป็นฮูหยินรอง”ชางยางอวี้เอ๋อร์พูดกับนางด้วยความไร้มารยาท แม้นางจะเป็นองค์หญิงก็ตาม
หัวจิ้งจึงเงยหน้าขึ้น เหลือบมองไปยังท่านยายที่นั่งอยู่บนตั่ง พลางโค้งกายทำความเคารพนาง จึงหันกลับมายังชางยางอวี้เอ๋อร์แล้วพูดว่า “ตอนนี้เจ้าอยู่ที่แคว้นหนิง พื้นดินของแคว้นหนิง ตามความเหมาะสมแล้ว เจ้าจักต้องเรียกนางว่าแม่สามี. ฮองเฮาของแคว้นหนิงยังต้องเรียกนางว่าท่านแม่. เปิ่นกงจู่ยังให้ความเคารพเรียกว่าท่านยาย เจ้าบอกว่าเจ้ามิใช่สนมเป็นเพียงฮูหยินรอง ในแคว้นหนิงนั้น. ฮูหยินรองแม้จะมีฐานะสูงกว่าสนมนิดหน่อย หากแต่เจ้าตั้งครรถ์แล้ว เจ้าก็เป็นแค่สนม เจ้าเป็นเหตุผลอะไรมาออกความเห็นกัน เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า เปิ่นกงจู่สามารถนำเด็กในท้องของเจ้าออกมาได้ เสด็จพ่อก็คงไม่ชายตามอง อีกทั้ง เจ้ายังชอบเอาเรื่องแคว้นเย้หลางมาป่าวประกาศอีกละก็ เจ้าแต่งเข้าจวนเสนาบดีหลี่ สตรีที่แต่งออกมาแล้ว ล้วนแต่เหมือนน้ำที่สาดออกมาจากบ้าน แคว้นเย้หลางจะเป็นเช่นไร ทว่าตอนนี้เจ้าเป็นคนของจวนเสนาบดี ”
ชางยางอวี้เอ๋อร์ถูกเลี้ยงดูด้วยความตามใจจึงมีนิสัยเสีย. เมื่อแต่งเข้ามายังจวนเสนาบดีหลี่ ยังมิวายวางท่าใหญ่โต โชคดีที่นางมิใช่ลูกพลับนิ่ม ดังนั้นนางจึงไม่ได้ถูกรังแกอะไรมาก มิคิดว่า วันนี้จะมาถูกสตรีที่เด็กกว่าชี้หน้าด่า ทันใดนั้น ในใจพลันมีแต่เพลิงโทสะ. ยกมือขึ้นและฟาดไปยังหัวจิ้ง
หัวจิงได้รับการเลี้ยงดูในวังหลังตั้งแต่เธอยังเด็พิณ กลอน หมาล้อม ล้วนแต่ไม่เป็นรอง. ทว่านางก็ถือว่าเป็นหญิงสาวที่บอบบาง. เมื่อเทียบกับ ชางยางอวี้เอ๋อร์ ที่เติบโตบนทุ่งหญ้าตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ผู้คนในทุ่งหญ้าชื่นชมความแข็งแกร่งที่สุด และเธอก็ไม่ได้อ่อนแอ. ดังนั้นฝ่ามือนี้จึงตีไปที่หน้าของ หัวจิ้งอย่างรุนแรง
ใบหน้าของหัวจิ้งเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วและมีรอยตบปรากฏขึ้น ฮูหยินเสนบดีหลี่พลันตกตะลึงจึงรีบลุกออกจากที่นั่ง “องค์หญิง ท่านได้รับบาดเจ็บ พวกเจ้าไปตามหมอมาเร็ว”
หัวจิ้งมิเคยพบกับความอับอายเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นเพียงคนต่างแคว้น และยังเป็นเมียน้อยของท่านตาอีก ในใจเต็มไปไปด้วยโทสะ สายตาเย็นเยียบจ้องไปยังชางยางอวี้เอ๋อร์ รอยยิ้มเย็น ๆ ส่งออกมา “พวกเจ้ามานี้. นำตัวคนที่ทำร้ายองค์หญิง ไปเข้าวัง นำตราขององค์หญิงไปยื่นซะ”
ชายสวมชุดเกราะด้านนอกสองคน เดินมาโค้งกายทำความเคารพหัวจิ้งและพูดว่า “รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ” พลางก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับชางยางอวี้เอ๋อร์
ชางยางอวี้เอ๋อร์พลันตกตะลึงไปพักหนึ่ง นางลืมตระหนักไปว่า ผุ้ที่นางได้ลงมือไปแล้ว เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนิง
อย่างไรก็ตาม ชางยางอวี้เอ๋อร์ไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก. เมื่อเห็นใครบางคนทำอะไรกับตัวเอง. นางก็กังวลอีกครั้ง “เจ้ากล้าหรือ. ข้าเป็นฮูหยินของเสนาบดีเชียวนะ !”
องครักษ์พลางทำเป็นหูทวนลม พร้อมกับลากชางยางอวี้เอ๋อร์จากไป. แม้ ชางยางอวี้เอ๋อร์จะมีพละกำลังที่แข็งแรง แต่นางก็เป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง แน่นอนว่านางไม่สามรถจะต่อกรกับชายหล่านี้ได้ ดังนั้นนางจึงตะโกนโหวกแหวกโวยวายและถูกพาตัวออกจากห้องไป
ฮูหยินอัครมหาเสนาบดีพลันถอนหายใจยาว ๆ ยกมือขึ้นไปลุบใบหน้าของหัวจิ้ง หัวจิ้งส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวด ฮูหยินเสนาบดีจึงรีบชักมือของนางออก และขอให้ใครสักคนส่งรีบไปตามหมอมา ทพลันคิ้วขมวดลงมา “จิ้งเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงทำอย่างนั้นเล่า จักรพรรดิประทานอภิเสกสมรสให้กับนางเชียว อีกทั้งตอนนี้นางก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขอยู่ด้วย. หากเจ้าจะลงโทษ”