ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 247 จิ้งอ๋องหยอกล้อหยุนชาง
“หื้ม ? ” หลี่อิ๋งอิ๋งค่อนข้างสับสน
หัวจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “โดยปกติแล้ว ผู้ที่ยังมิได้ออกเรือนจักต้องสวมผ้าคลุมหน้าออกจากจวน. ทว่าการสวมผ้าคลุมหน้าเป็นเพียงการบดบังสายตาจากคนแปลกหน้าเท่านั้น. หากคุ้นเคยกันดีแล้วล้วนแต่ปิดบังไม่มิด แม้ว่าท่านจะสวมผ้าคลุมหน้าผู้คนก็ยังจำท่านได้อยู่ดี ท่านออกจะฉลาด ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดไม่ได้กัน ”
หลี่อิ๋งอิ๋งพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พลางโต้กลับว่า “ข้าจะไปที่เช่นนั้นได้อย่างไร มิใช่ว่าสตรีผู้นั้นจำผิดกระมัง ”
รอยยิ้มของหัวจิ้งดูเย็นชาเล็กน้อย ” เมื่อครู่เพิ่งชมว่าท่านฉลาดไปอยู่เลย ไฉนท่านกลับมาโง่อีกแล้วเล่า จริงหรือไม่จริงล้วนแต่เป็นท่านที่รู้อยู่แก่ใจ ทว่านั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือท่านก็ชอบไปคุยไปทักกับสตรีท่านนั้นอยู่บ่อย ๆ ท่านน่าจะรู้เรื่องอื้อฉาวครั้งนี้ดี ว่าจริงหรือลวง น้อยคนนักที่จะสนใจ พวกนางไม่เพียงแต่ทำตัวไร้สาระน่าเบื่อหน่ายไปวัน ๆ อีกทั้งยังนำเรื่องอื้อฉาวครั้งนี้มาพูดคุยด้วยซ้ำ เมื่อท้ายที่สุด คนที่จะเจ็บที่สุดก็มีเพียงท่านและคนในตระกูล ”
ใบหน้าของหลี่อิ๋งอิ๋งพลันซีดลงฉับพลัน ” หากน้องหญิงพูดเช่นนี้แล้ว เรื่องจริงหรือลวง หากข้าพูดไปแล้วจะมีใครเชื่องั้นหรือ มาถึงตอนนี้แล้วข้าควรทำเช่นไรดี อีกทั้งยังไม่อยากให้เรื่องถึงท่านพ่อท่านแม่และท่านตาท่านยายทราบอีกด้วย ความสงบสุขในจวนล้วนชั่งหายากเสียจริง ”
หัวจิ้งในใจรู้สึกขบขันเป็นอย่างมาก หากนางหวาดกลัวเช่นนั้นแล้ว ทำไมยังกล้าที่จะมาแย่งหย่าซีของนางอีกเล่า เมื่อครู่ที่โต้ตอบกันทำราวกับตนเองเป็นผู้ถูกกระทำมิปาน
นางบ้า นางเคยสงสัยว่าหย่าซีใส่ร้ายนางหรือไม่ ทว่าเมื่อได้ฟังคำพูดจากปากขององครักษ์แล้วก็รู้สึกเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่ง หากแต่เมื่อมาเห็นปฏิกิริยาของนางในตอนนี้แล้ว จึงเชื่อสนิทใจเลยทีเดียว
หัวจิ้งเติบโตขึ้นมาในวัง ทุกอย่างล้วนแต่เป็นไปได้ด้วยดี แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ทุกอย่างกลับผิดพลาดไปหมด และในวันส่งท้ายปีเก่า ตนเองคิดว่าทุกอย่างเป็นเพราะหลี่อิ๋งอิ๋ง นางใช้เวลามากกว่าสองเดือนในเรือนจำที่แสนเย็นชื้น แม้หน้าของตนนางก็มิชายตามอง นางบอกเพียงว่าเป็นเพราะนางเป็นลมจนล้มพับไป เมื่อตอนนี้กลับมาคิดดูแล้ว เกรงว่านางจะได้ไปเล่นสนุกกับโจรป่าที่ไหนก็ไม่รู้แล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หัวจิ้งกลับรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก ของที่เป็นของหัวจิ้ง จะให้พวกมดปลวกมาฉกไปได้ยังไงกัน ?
“ท่านก็เหมือนกัน อายุย่างเข้ายี่สิบแล้ว ทว่ายังไม่วางแผนที่จะออกเรือนเลย มิแปลกใจที่คนรอบกายท่านจะปล่อยข่าวเช่นนั้นเพื่อจัดการท่าน. ทว่าไม่ให้เปิ่นกงจู่แนะนำท่านยายและท่านป้าให้หาชายหนุ่มดีดีให้ท่านกันเล่า หากรีบแต่งออกไป ข่าวลือพวกนี้คงจะไม่เกิดขึ้น ” หัวจิ้งว่าพลางยกมือขึ้นและมองสีทาเล็บบนมือพร้อมยิ้มออกมา
ใบหน้าของหัวจิ้งพลันซีดขาว เมื่อได้ยินข้อเสนอของนาง พลันเลิกคิ้วน้อย ๆ แต่มิได้พูดอะไรออกมา
หัวจิ้งคิดว่านางคงไม่อยากจากวันคืนที่มีความสุขเช่นนี้ไปโดยเร็ว ในใจพลางไม่อยากให้นางพบเจอความสุขมากยิ่งขึ้น ” ชายผู้นี้ รูปทรงคล้ายกับจิ้งอ๋อง อายุเกินยี่สิบแล้ว อีกทั้งยังมีได้แต่งงาน ผู้คนล้วนชื่นชมเขา หากเป็นหญิงที่ยังไม่ตบแต่งแล้ว เมื่ออายุเกินยี่สิบปีขึ้นไป ผู้คนจะยิ่งพูดคุยนินทากันมากขึ้น เปิ่งกงจู่เพียงเสนอความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม ล้วนแต่เป็นท่านที่ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ”
หลี่อิ๋งอิ๋งพลันถอนหายใจออกมา หลับตาลงครู่หนึ่ง จากนั้นเธอลังเลและพูดว่า “งั้นให้ท่านแม่กับท่านยายดู ๆ ให้เถอะ”
หัวจิ้งยิ้มอย่างเย็นชา แต่งงาน? เรื่องมันง่ายแบบนี้ซะที่ไหนกัน พลางพูดด้วยใบหน้าไม่เปลี่ยนสีว่า “พี่สาวช่วงนี้ท่านก็ออกจากจวนน้อยลงเถิด หากออกไปแล้วก็มิรู้ว่าจะเกิดข่าวลืออันใดบ้าง ” เมื่อพูดจบจึงหยัดกายแล้วเดินออกมา
ในวังของจิ้งอ๋อง หยุนชางพลันนอนอยู่บนตั่งที่นั่งอย่างเกียจคร้าน พลางฟังหนิงเชียนรายงานเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของหัวจิ้ง “ฮูหยินจวนเสนาบดีกระทำอะไรช่างรวดเร็วเสียจริง อีกไม่กี่วันก็จะจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ขึ้น คงจะมีคนไปไม่มาก อาจจะมีแต่ความสัมพันธ์ของฮูหยินตระกูลที่แน่นแฟ้นไปด้วยเป็นแน่ และยังพูดคุยถึงข่าวลือที่เกิดขึ้น . จึงทำให้ฮูหยินท่านเสนาบดีโกธรมาก จัดให้คนไปสืบหาเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงรู้เรื่องข่าวลือแล้วว่าลูกสาวบ้านตระกูลหลี่ไปเผาร้านซุ่ยอวี้เพียงเพราะทาสชายคนเดียว ”
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย “ฮูหยินเสนาบดีต้องโกธรมากเป็นแน่ แล้วจะจัดให้มีการสอบสวนเกิดขึ้น ผลการสอบสวนเป็นเช่นไร ?”
“เป็นดั่งที่องค์หญิงคาดการณ์ไว้ ท้ายที่สุด ก็ไม่มีใครรู้ว่าหัวจิ้งได้ทาสอันดับหนึ่งของร้านซุ่ยอวี้ไปครองในวัง มีคนเคยเห็นใบหน้าของคุณชายหย่าซีอยู่มาก อีกทั้ง คุณชายหย่าซียังเข้าเข้าออกออกประตูวังขององค์หญิงตั้งหลายครั้ง และยังเป็นตอนกลางวันอีกด้วย ” หยุนชางพลันหัวเราะออกมา
“หึ. ลูกพี่ลูกน้องเพียงเพื่อทาสชายคนเดียวถึงกลับจะฆ่าแกงกันใส่ร้ายกัน นิทานเรื่องคงจะสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว” หยุนชางพลันจิบชา ไม่รู้ว่าทำไมผู้คนถึงชอบดูการแสดงละคร แท้จริงแล้วเป็นเช่นนี้นี่เอง การแสดงมิได้เป็นเพียงแค่ความสุขในการรับชม ทว่านางสนุกกับการดูละครเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และทั้งหมดนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
“แต่ว่า. ช่วงนี้มีคนให้ความสนใจเกี่ยวกับคุณชายหย่าซีและร้านซุ่ยอวี้เป็นอย่างมาก. พวกเขาทำการตรวจสอบกันนับไม่ถ้วน เป็นโชคดีที่นายน้อยจัดการเรื่องทั้งหมดก่อน มิฉันนั้นคงจะเป็นการรับมือได้ยาก การสืบสวนเช่นนี้ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก คนในจวนของเสนาบดีก็มี อีกทั้งฮองเฮาส่งคนมาก็มาก หากแต่หม่อมฉันสงสัยเล็กน้อย ในเมื่อฮองเฮารู้เรื่องแล้วทว่านางก็มิได้เรียกหัวจิ้งไปดุด่าสักคำ อีกทั้งยังทำการสืบสวนแบบลับ ๆ และไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดอีกด้วย ” หนิงเชียนตอบเสียงเบา เจือความสับสนเล็กน้อยในน้ำเสียง
หยุนชางพลางวางถ้วยชาลงดัง “ปั้ง ” ถึงแม้ว่านางและฮองเฮาจะมิได้เผชิญหน้ากันตรง ๆ มากนัก ทว่าหยุนชางในชาตินี้ รู้จักฮองเฮาเป็นอย่างดี “นางจะไม่ปล่อยมันไปแน่นอน ยังไงหัวจิ้งก็เป็นองค์หญิงของแคว้น ถึงแม้องค์หญิงจะมีพระสามีได้แค่คนเดียว ทว่าจะเลี้ยงชายหนุ่มไว้กี่คนก็มิใช่เรื่องใหญ่อะไร ทว่ามันจะกระทบต่อชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เจ้าคิดดู ตอนนีชื่อเสียงของหัวจิ้งดีขึ้นหรือไม่ ? หากแต่หัวจิ้งมิได้ไปเกี่ยวพันกับชางเจี่ยชิงซูอีก ต่อไปความสนใจของนางจะเปลี่ยนไปยังหย่าซี เกรงว่าราชินีคงจะโล่งอกไปหนึ่งเปราะ เป็นเพราะนางสำรวจหย่าซีดูแล้วว่าหย่าซีมิได้เป็นอันตรายต่อหัวจิ้งก็แค่นั้น”
“ยังเป็นองค์หญิงที่มองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง. หากปีก่อนหน้านั้นหัวจิ้งรู้ว่าชายผู้ที่ถูกเรือคว่ำ จะกลายมาเป็นชายที่ทรงคุณภาพในวันนี้ มันเหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ ทว่าเป็นเพราะเจ้านายที่มองการการณ์ไกล ” มีประกายแวววาวในดวงตาของหนิงเฉียนเล็กน้อย ” แต่ว่าข้ามิได้คาดคิดว่าหย่าซีจะสามารถเข้าถึงองค์หญิงหัวจิ้งได้ไวขนาดนี้ มันออกจะเหนือความคาดการณ์ของหม่อมฉันไปสักหน่อย”
หยุนชางว่าพลางยิ้มเล็กน้อย นางมีประสบการณ์มากมายแบบนี้เป็นเพราะประสบการณ์ของชาติที่แล้วร่วมด้วย จึงทำให้เข้าใจความคิดของหัวจิ้งยันเข้ากระดูก ทว่านางมีภูมิต้านทานต่อชายงามไม่มากนัก และนางก็มิได้สามารถพูดอะไรออกมาได้ นางจึงไม่เคยตอบคำถามเหล่านี้เลย
หนิงเซียนพลางพูดขึ้นมาว่า “หากจะให้พูดถึงแล้ว หม่อมฉันใช้เวลานานมากในการหาชายหนุ่มที่มีใบหน้างดงามขนาดนี้ได้ มีทั้งความงามหลากหลายประเภท หากไม่ใช้งานเลยคงหน้าเสียดาย เหมือนอย่างที่ท่านนายท่านพูด หากองค์หญิงจะเลี้ยงชายงามไว้สักสองสามคนก็มิใช่เรื่องแปลกอันใด ไม่สู้นำชายเหล่านั้น มาให้นายน้อยเลี้ยง นายน้อยว่าเป็นเช่นไร ?”
หยุนชางแทบสำลักน้ำออกมา นางมิรู้ว่าหนิงเชียนเล่นมุกตลกกับนาง. หรือนางจะเรียนมาจากเฉียนอิน ?
ทว่าเมื่อหยุนชางยังมิได้พูดอะไรออกมานั้น กลับมีน้ำเสียงเย็นชาของชายหนุ่มเอ่ยออกมาว่า “หากนางต้อนทนทุกข์ทรมานเพราะไม่ได้รับพรแล้วล่ะก็. ในนามพระชายาจิ้งอ๋อง ถ้านางกล้าเลี้ยงชายงามไว้ นางจะโดนขังไว้ที่เล้าหมู ”
หนิงเฉียนพูดออกมาพลางมิได้คิดหน้าคิดหลังให้ดี “อ๋า ” แล้วจึงยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าจิ้งอ๋องจะอยู่ที่นี่ หม่อมฉันมีงานกะทันหัน ขอตัวก่อนนะเพคะ ” ขณะที่พูดพลางรีบใช้วิชาตัวเบาหนีไปอย่างรวดเร็ว
จิ้งอ๋องพลางเดินมายังข้าง ๆ หยุนชาง พร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ที่หยุนชางเพิ่งจะนั่งลงไป พร้อมหันมาถามหยุนชางที่เอนพิงตั่งที่นั่งพร้อมเลิกคิ้วถามว่า “องค์หญิงอยากเลี้ยงชายงามหรือ ? ”