ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 248 ความวุ่นวายในวังของหัวจิ้ัง
องค์หญิง?
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย จิ้งอ๋องรู้จักสุภาพกับนางเมื่อไหร่กัน? พลันยิ้มและกล่าวว่า “ที่ไหนกันล่ะ เป็นเพียงแค่คำพูดหยอกล้อของหนิงเฉียนเท่านั้น มีแต่หนิงเฉียนที่พูดเล่นๆ มันมิใช่เรื่องจริง ”
เหมือนว่าจิ้งอ๋องจะไม่ได้ตั้งใจฟังที่หยุนชางพูด มือพลางกลุมไปยังเข่าทั้งสองข้าง นิ่งไปชั่วครู่จึงพูดว่า “อาจจะจริง องค์หญิงปีนี้เพิ่งจะปักปิ่น อีกทั้งยังอายุเพิ่งสิบห้าหนาว เปิ่นหวางปีนี้ย่างเข้าอายุยี่สิบแปดแล้ว อายุมากกว่าองค์หญิงตั้งสิบสามปี เปิ่นหวางก็เริ่มแก่แล้ว ในขณะที่องค์หญิงอายุกำลังพอดี อีกทั้งพวกเราแต่งงานกันได้มาเกือบครึ่งเดือนแล้วทว่ายังมิเคยได้เข้าหอ เกรงว่าองค์หญิงอยู่ในห้องนี้จะรู้สึกเหงาเกินไปจึงมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา ถึงแม้เปิ่นหวางจะไม่ค่อยเข้าใจความคิดของสตรีนัก. ทว่าก็มิใช่คนโหดร้าย”
หยุนชางฟังคำพูดของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังพูดถึงการเข้าหอ ใบหน้าพลันแดงกร่ำ จึงรีบร้อนตัดบทว่า “ท่านอ๋องกังวลเกินไปแล้ว ชางเอ๋อร์มิเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน กลับนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านั้นพ่อบ้านได้มาถามว่า กลางทะเลสาบจะสร้างศาลาชมวิวใช่หรือไม่ อีกทั้งยังมีสิ่งใดในจวนที่ต้องการปรับแต่งหรือเปล่า แปลนภาพออกมาแล้ว.หม่อมฉันต้องไปดูสักหน่อย หม่อมฉันกับหนิงเฉียนพูดคุยกันเพลินจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท หม่อมฉันต้องไปดูสักหน่อยแล้ว ” เมื่อพูดจบ จึงรีบร้อนวิ่งออกไปทันที แม้กระทั่งรองเท้ายังสวมใส่ไม่เสร็จ
จิ้งอ๋องมองตามไปยังร่างบางที่วิ่งออกไปราวกับโดนผีหลอก ริมฝีปากพลันกระตุกรอยยิ้มขึ้นมาโดยเป็นยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาของเขา “ข้าเป็นคนที่หน้าด้านจริง ๆ ”
ถึงแม้ว่าฮูหยินเสนาบดีจะรู้เรื่องแล้วว่า ข่าวลือที่แพร่สะพัดล้วนแต่เป็นหัวจิ้งที่โหมกระพือขึ้น แต่ว่าหลี่อิ๋งอิ๋งที่ฉุดผู้ชายกลางวันแสกแสกล้วนเป็นเรื่องจริง มีหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ครั้งนั้น นอกจากนี้ ชายหนุ่มรูปงามอย่างหย่าซีก็ยังยืนยันด้วยปากของตัวเองอีกด้วย ลูกสาวตระกูลหลี่รังแกคนอื่นโดยการเผาร้านซุ่ยอวี้และผู้คนจนตาย
เนื่องจากข่าวเกี่ยวกับชีวิตคนล้วนแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปิดข่าวลือ จึงทำให้พระราชวังตื่นตระหนกไปด้วย ทว่า ท้ายที่สุดเสนาบดีตระกูลหลี่ ก็ได้หาแพะรับบาปและเรื่องนี้ก็พลันหายไป
ทว่าชื่อเสียงของหลี่อิ๋งอิ๋งล้วนย่ำแย่มาก ผู้คนในเมืองหลวงล้วนแต่ไม่มีคนกล้าตบแต่งให้กับนาง เสนาบดีหลี่เหมือนแพ้เต็มประตู จึงทำใจโหดร้ายส่งนางเข้าไปยังวิหารบนภูเขา เพื่อให้นางเฝ้าพระพุทธเจ้าโบราณด้วยตลอดชีวิตที่เหลือของนาง
ร้านซุ่ยอวี้โดนเผาไหม้ไปหมดแล้ว ทาสส่วนใหญ่ล่วนแต่ไม่มีที่ไป ทว่าในวังกลับมีชายงามไว้คอยดูแลเสียเพลินเพลิน เสมือนกับตนเองมีวังหลังไว้ในจวน
หมากตานี้เป็นหัวจิ้งที่เป็นฝ่ายชนะ นางจึงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก อีกทั้งในวังแห่งนี้ล้วนมีแต่ชายงามเต็มไปหมด เมือนว่านางมีวังหลังเป็นของตนเอง ชายงามแต่ละคนก็ไม่แย่ วันนี้นางจะไปหาทาสผู้นี้ อีกวันนึงนางจะไปหาทาสอีกคนนึง ในตอนนี้ที่มีความสุขนั้น ในตอนกลางคืนทาสตัวน้อยที่อยู่ในวังทั้งหลาย ล้วนแต่มีวันคืนที่ดีและสุขสบาย
ความเร็วของจิ้งอ๋องนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงไม่ถึงสิบวัน ข่าวคราวจักพรรดิแคว้นเย้หลางประชวรก็มาถึงยังพระราชวังแคว้นหนิง
คนที่ได้รับข่าวเป็นคนแรก แน่นอนว่าต้องเป็นชางเจี่ยชิงซู ทุกวันนี้ รู้แล้วว่าการจะใช้หัวจิ้งเป็นตัวเชื่อมนั้นไม่มีประโยชน์ จึงพยายามตีสนิทชิดเชื้อกับคนที่มีตำแหน่งสูง ๆ ในเมืองหลวง โดยคิดหาคนที่เหมาะสม เพื่อพาผู้หญิงของตนกลับไปยังแคว้นเย้หลาง ในแต่ละวันเต็มไปด้วยความยุ่งยาก ไม่คาดคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่จะได้ยินข่าวคราวการประชวรของเสด็จพ่อตนเอง
ชางเจี่ยชิงซูไม่อยากจะเชื่อในข่าวมากนัก เสด็จพ่อเขาอายุเพียงห้าสิบปี เขาอยู่ในวัยที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ในตอนที่เขาออกมาจากแคว้นเย้หลาง เสด็จพ่อดูร่างกายแข็งแรง จะมาป่วยหนักได้อย่างไรกัน
ทว่าคนที่ส่งจดหมายมา เป็นคนสนิทของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะเชื่อในข่าวลือ อีกทั้งข่าวลือนี้ถือมีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก ทำให้ในใจชางเจี่ยชิงซูพลันรู้สึกกลัวขึ้นมา จึงคาดเดาไว้ว่าอาจจะเป็นพี่รองหรือน้องห้าที่กระทำลงมือ เมื่อตอนที่เขาไม่อยู่ในแคว้นเย้หลาง จึงลงมือกับเสด็จพ่อ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ในใจพลันกระวนกระวายมากขึ้น ทว่าไม่กล้าแสดงออกอันใดมากนัก หากพี่รองของเขาทำการลอบสังหารจริง พวกเขาคงจะใช้เวลานี้ในการลงมือ อีกทั้งยังฉวยโอกาสเอาเปรียบเขาในทุก ๆ ทาง อีกทั้งยังวางแผนไว้แล้วว่า หากเขาทราบข่าวนี้จะต้องรีบร้อนกลับไปอย่างแน่นอน เกรงว่าตอนนี้ เขาจะกลับไปแคว้นเย้หลางได้ยากเสียแล้ว
ชางเจี่ยชิงซูจึงรีบส่งจดหมายเพื่อให้คนของเขามาพบเขาโดยคิดว่าจะแบ่งกองทหารกี่คนเพื่อดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายไว้ แต่เขาอยู่ในแคว้นหนิง รอบกายของเขาล้วนแต่มีคนอยู่ไม่มาก หากจะเรียกรวมพลที่นี่เกรงว่าจะมีไม่เพียงพอ
ชางเจี่ยชิงซูพลันนึกถึงหัวจิ้งขึ้นมา หัวจิ้งถึงแม้ตอนนี้จะไม่ค่อยได้เจอหน้า อย่างไรนางก็เป็นองค์หญิง เรื่องภายในแคว้นหนิงเขาก็พอจะรู้มาคร่าว ๆ แม้ว่าจะเป็นองค์หญิง แต่ก็มีกองกำลังลับ ๆ ของตนเอง. หากจะยืมมาสักร้อนคง ก็ยังไม่แน่ว่าจะเอาชนะได้เลย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้. ชางเจี่ยชิงซูจึงใช้อาวุธพัดสีดำเพื่อเดินทางมายังวังองค์หญิง
เพียงแต่ว่า การมาพบนางในเวลานี้อาจจะเป็นเรื่องที่มิควร เมื่อชางเจี่ยชิงซูมาถึงแล้ว ในวังขององค์หญิงเสมือนมีงานรื่นรมย์ ในห้องของหัวจิ้งนั้น เต็มไปด้วยความสุข อีกทั้งมีเสียงหัวเราะดังออกมาอยู่หลายครั้ง
ชางเจี่ยชิงซูพลันขมวดคิ้ว. มีเพลิงโทสะเกิดขึ้นภายในใจ เขาเป็นถึงองค์ชายของแคว้น ถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้เรื่องอยู่บ้าง แต่เขาก็มีความชัดเจนต่อผู้หญิง ก่อนที่หัวจิ้งจะอยู่กับเขานั้น เขาไม่ได้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งเขาแค่คิดว่าหัวจิ้งยังมีประโยชน์ต่อเขาอยู่บ้าง นอกจากนี้ เขาก็ไม่เคยเห็นหัวจิ้งมีผู้ชายคนไหน ทว่าวันนี้ทำให้ฉันได้เปิดโลกแล้ว ว่าหัวจิ้งกระโดดไปมามีความสุขมาก เมื่อทำใจให้สงบแล้ว จึงเดินเข้าไปในห้อง
เมื่อเดินเข้าไปแล้วพลันกักเก็บความโมโหไว้ไม่อยู่ เสื้อผ้าหล่นเต็มพื้นอย่างกระจัดกระจาย ชายหญิงที่อยู่บนเตียงล้วนแต่มีดอกไม้สีขาวปกคลุม ดูลามกอนาจารเป็นอย่างมาก
ชางเจี่ยชิงซูมิได้พูดอันใดออกไป ทว่าสายตาฟาดฟันจ้องมองไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง กลับเป็นทาสชายที่เห็นเขาก่อนจึงขยิบตาและยิ้มว่า “พี่ชายท่านนี้เป็นองค์หญิงที่เรียกให้มารับใช้หรือ ? ฮ่าฮ่า ท่านมาสายไปแล้ว ทว่าไม่เป็นอันใด ในเมื่อมาแล้ว มาเล่นสนุกด้วยกันเถิด วันนี้พวกเรามารอรับใช้องค์หญิงกัน องค์หญิงเช่นนี้ดีหรือไม่ ? ”
หัวจิ้งยิ้มอย่างมีความสุข พลันไม่ลืมตาขึ้น กัดริมฝีปาก และครางเบาๆ ในปากของเธอ เมื่อได้ยินใครพูดแบบนี้ คงมิได้คิดอะไรเยอะเพียงแค่อ้าปากว่า “ดีจัง ใครปรนนิบัติเปิ่งกงจู่ ได้สบาย เปิ่นกงจู่ จะ ให้. จะ อา. รางวัล”
ทาสที่พูดกับชางเจี่ยชิงซูอยู่นั้นหัวเราะและโน้มตัวลงไปจูบที่คอของ หัวจิ้งทำให้ หัวจิ้งอ้าปากค้างและทำเสียงครางออกมา
ชางเจี่ยชิงซูยิ้มเย็นๆ ออกมา อีกทั้งยังไม่ได้พูดอะไร จึงเดินไปยังเตียงนอน ราวกับว่าไม่มีใครอยู่บนเตียงนี้ ชางเจี่ยชิงซูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และดึงกริชที่เขาถืออยู่ออกมาแทงไปที่ร่างของชายคนนั้นที่กำลังขยับร่างกายอยู่ และดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงโดยบังเอิญ และกริชก็แทงซ้ำไปยังคนที่อยู่ใต้ชายคนนั้น ก่อนที่ชางเจี่ยชิงซูจะมองเห็นได้ชัดเจนว่า ใครที่ถูกแทง ก็มีคนเห็นเขา และจู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องว่า “อ่า… ฆ่าคนมีคนฆ่าคนแล้ว…”
ทันใดนั้นทั่วเตียงก็เกิดความโกลาหลขึ้น และร่างกายสีขาวก็พลันกลิ้งไปมา
ดวงตาของช่งเจี่ยชิงซูเป็นสีแดง แม้เขาไม่ได้มองมัน เขาก็สามารถแทงเข้าไปอีกได้ อีกทั้งยังมีเสียงที่ร้องเจ็บปวดออกมา
หลังจากแทงไปไม่กี่ครั้ง เตียงก็แดงเป็นเลือด และดูเหมือนจะมีเสียงฝีเท้าอยู่ข้างนอก อาจะเป็นองครักษ์ที่ได้ยินเสียงกรีดร้องมา แม้ว่าชางเจี่ยชิงซูจะฆ่าคนจนตาแดง ทว่าเขาก็เข้าใจ ว่าตนเองไม่สามารถให้ใครเห็นในเวลานี้ได้ การลอบเข้ามายังวังขององค์หญิงถือว่าเป็นโทษอย่างร้ายแรง แคว้นเย้หลางในตอนนี้ยังต้องการให้เข้ากลับไปจัดการอยู่ หากคืนนี้เขาควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้แล้วล่ะก็ คงเป็นการยากที่จะจัดการเรื่องราวต่าง ๆ
ชางเจี่ยชิงซูอยู่ในศาลมาหลายปีแล้ว ไม่ต้องคิดเลย แค่มองดูก็รู้แล้วว่าห้องนี้มีบางอย่างไม่ปกติ
ชางเจี่ยชิงซูพลันได้สติขึ้นมาจึงรีบกระโดดออกไปนอกหน้าต่าง ทว่ากลับมีทาสที่อยู่บนเตียงมาจับเขาไว้และลากเขา ชางเจี่ยชิงซูพลันขมวดคิ้วลง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เขาก็รีบแทงมีดในมือของเขาและแทงเขาที่คนที่ลากเขาอยู่ข้างใต้ของตนทันที
ประตูถูกผลักอย่างกะทันหัน ชางเจี่ยชิงซูก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง “เร็ว จับเขา” เขารู้สึกว่ามือที่รั้งเขาไว้ดูเหมือนจะคลายออกเล็กน้อย และชางเจี่ยชิงซูจึงรีบใช้โอกาสนี้กระโดดออกจากวังอย่างรวดเร็ว
ในวังขององค์หญิงนั้น เต็มไปด้วยความโกลาหล “เรียกหมอมาเร็ว องค์หญิงได้รับบาดเจ็บ! ”