ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 250 ความวุ่นวายในเมืองหลวง (๒)
หยุนชางพลันตกตะลึง สมองพลันคิดว่า พวกเรามิได้กราบไหว้ฟ้าดินแล้วงั้นหรือ ตอนนี้พวกเรายังไม่เป็นคู่สามีภรรยาอีกหรอ?
ก่อนที่ความคิดนี้จะถูกระงับไป ความคิดอื่น ๆ พลันผุดขึ้นมา เป็นไปได้ไหมว่าเขากำลังพูดถึงการเข้าหอ ? หยุนชางรู้สึกว่าใบหน้าของนางพลันเห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อย จิตใจของนางเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเบาๆ ตอบกลับมาว่า “ก็ได้”
อันที่จริงหัวข้อพูดคุยของพวกเขาทำไมมาจนถึงจุดนี้ได้ หยุนชางขบคิดอยู่นาน ทว่านางกลับไม่เคยหาเหตุผลนั้นเลย เมื่อคิดดูแล้ว นางและจิ้งอ๋องรู้จักกันมาก็นานแล้ว ก่อนที่จะได้ตบแต่งกันเสียอีก ทว่าความสัมพันธ์กลับคลุมเคลือ. หลังจากกลับมาจาภูเขากิเลนแล้ว เพราะว่านางได้รับบาดเจ็บ ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ หลังจากแต่งงานแล้ว ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้คืบหน้ามากนัก แม้ว่าจะกินนอนด้วยกันทุกวัน เวลาว่างมานั่งดื่มชาพร้อมหน้ากัน พูดคุยเรื่องไร้สาระด้วยกัน แต่นางกลับคิดว่า ระหว่างนางกลับเขายังไม่ได้มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกันมาก
เหตุใด นางต้องมาคิดถึงเรื่องนี้ให้ปวดสมองอีกทั้งยังตอบตกลงไปแล้วด้วย? จิ้งอ๋องทำไมถึงคิดข้อตกลงข้อนี้ขึ้นมากัน ? ผลลัพธ์เหล่านี้ทำให้นางคิดมากจนปวดหัว
จากนี้นางคงต้องหาโอกาสพูดคุยกับจิ้งอ๋องดูแล้วว่าไม่นับข้อตกลงนี้ได้หรือไม่ แต่ทว่าจิ้งอ๋องก็ไม่หยิบเรื่องนี้มาพูดคุยกับนางอีกเลย อีกทั้งหน้าของนางยังไม่หน้าพอเท่าจิ้งอ๋องอีกด้วย นางจึงได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจ
ยังไงก็ตาม มันยังไม่ถึงเวลาหน้าสิวหน้าขวานไม่ใช่หรอจะกลัวไปทำไมกัน?
เมื่อนึกถึงเรื่องของเซี่ยโหวจิ้งแล้ว ยังรวมไปถึงแคว้นหนิงจะเริ่มทำสงครามกับแคว้นเย้หลางอีก ทั่วทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยการรุกราน เกรงว่าแผ่นดินนี้คงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ชาติที่แล้ว จิ้งอ๋องตายตอนทำศึกกับแคว้นเย้หลาง แต่ว่า ทำไมถึงตายกัน? หยุนชางคิดอยู่นานก็คิดไม่ออก ชาติที่แล้วนางไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก เพียงจำได้ว่า ช่วงเวลานั้นดูเหมือนนางจะอายุสิบแปดปีพอดี
นั้นก็คือหลังจากนี้เพียงสามปี
ในชาตินี้ เมื่อนางได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่แล้ว เรื่องราวต่าง ๆ ล้วนเปลี่ยนแปลงไปมาก อย่างเช่น บุคคลที่ควรตายอย่างราชบุตรเขยจ้าวอิงเจี๋ย ตอนนี้กลับเปลี่ยนชื่อและสู้รบอยู่ที่ชายแดน หรือ แต่เดิมแล้วจิ้งอ๋องกับนางไม่เคยที่จะพบเจอหรือสานสัมพันธ์ด้วยกันเลย กลายเป็นว่านางได้มาเป็นจิ้งอ๋องเฟย เพราะฉะนั้น หากจิ้งอ๋องตายที่สงครามนี้แล้ว นางคิดว่ามันอาจจะมีทางแก้ไขได้
วันที่สนมจิ่นเฟยจะออกเดินทางใกล้เข้ามาทุกที ผู้คนในราชวังล้วนแต่เข้าออกอย่างวุ่นวาย ไปไปมามาวังเฟิ่งไหล่ ถึงแม้ขบวนจะช้าไปบ้าง หากแต่ถึงวังเฟิ่งไหล่ได้อย่างปลอดภัย
ในวังล้วนแต่ไม่กฎเกณฑ์ต่าง ๆ เยอะเท่าพระราชวันักง แม้ว่าจักรพรรดิหนิงจะประทับอยู่ที่นี่ อารมณ์ของหยุนชางก็รู้สึกดีกว่าตอนอยู่ในวังหลวงเล็กน้อย นางจึงสั่งให้ฉินยีและเฉียนอินปัดกวาดเช็ดถูตำหนัก ด้วยความระมัดระวัง ในใจพลันรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
นอกตำหนักยังมีป่าไผ่และทะเลสาบดอกบัวแล้ว อีกทั้งยังเป็นฤดูกาลที่ดอกบัวออกดอกอีกด้วย ทุกวันนางจึงมานั่งที่ริมทะเลสาบพร้อมกับกาเหล้าหนึ่งกา อีกทั้งยังสั่งให้คนทำเรือลำเล็ก เผื่อเวลาว่างจึงพาจิ้งอ๋องมาพายเรือไปเก็บเมล็ดบัวกิน ทั่วทั้งมือจึงเต็มไปด้วยแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการปอกเมล็ดบัว จิ้งอ๋องเห็นดังนั้นพลันหัวเราะไม่ออก
หากแต่จิ้งอ๋องประทับอยู่ที่วังเฟิ่งไหล่ไม่พ้นเพียงหกวัน จึงโดนจดหมายเรียกตัวกลับไป ก่อนจากไปนั้น ยังพายเรือให้หยุนชางที่ทะเลสาบ ตอนที่เขากำลังเดินไปมาบนเรือนั้นพลันพลัดตกไปในทะเลสาบ
จิ้งอ๋องว่ายน้ำไม่เป็น จึงว่ายอยู่ในทะเลสาบชั่วครู่จึงได้หยุนชางคอยพยุงขึ้นมา เมื่อถึงกลางคืน เขากลับล้มป่วยลงเป็นเวลาหลายวัน จนกระทั้งสนมจิ่นเฟยคลอดลูก
วันที่18 เดือนเจ็ด ในขณะที่สนมจิ่นเฟยอยู่ในสวนดอกไม้นั้นพลันเจ็บท้อง
หยุนช่างนับวันรอ เนื่องจากว่าทารกคลอดเร็วกว่ากำหนดไปประมาณหนึ่งเดือน เนื่องจากตอนที่อยู่ในวังหลวงนั้นสนมจิ่นเฟยใช้ยากระตุ้นการคลอดบุตร จึงทำให้หยุนชางรู้ว่า เด็กคนนี้ยังไงก็ต้องคลอดก่อนกำหนดเป็นแน่ ถึงแม้ว่าจะคลอดออกมาเร็วแต่ก็คลอดออกมาด้วยความปลอดภัย
ใชคดีที่จักรพรรดิหนิงเตรียมการมาอย่างดี จึงได้เตรียมหมอตำแยที่เชื่อใจได้ไว้ข้างกาย เมื่อจิ้นอ๋องเข้าวังมาเมื่อใดก็จะเห็นหมอตำแยตลอด
ทว่าสนมจิ่นเฟยใช้เวลาคลอดไม่ถึงสิบชั่วยาม หยุนชางและจักรพรรดิหนิงอยู่ในตำหนักเดียวกัน เมื่อได้ยินเสียงแผดร้องออกมา ร่างกายกลับชะงักไปหมด
ในชาติที่แล้วหยุนชางก็เคยคลอดลูก จึงเข้าใจความรู้สึกของสตรีคลอดลูกเป็นอย่างดี ในใจพลางรู้สึกโล่งอก กลับนึกถึงความทรงจำที่เลวร้ายของชาติที่แล้วขึ้นมา ใบหน้าพลันขาวซีด
เมื่อหันกลับไปมองจักรพรรดิหนิงแล้วพลันตกตะลึง จักรพรรดิหนิงทั่วร่างเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ร่างกายกลับสั่นเทา
อันที่จริงแล้ว จักรพรรดิหนิงครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่เห็นการคลอดลูก แต่ทำไม
หยุนชางจึงคิดว่า หากได้พูดคุยกับเสด็จพ่อคงช่วยให้ท่านคลายกังวลไม่น้อย “เสด็จพ่อไม่ต้องกังวลนะเพคะ เสด็จแม่ต้องคลอดน้องมาได้อย่างปลอดภัยเป็นแน่ ” เมื่อพูดจบจริงจึงยิ้มออกมา “ที่จริงแล้ว ทั้งเสด็จพี่และชางเอ๋อร์เติบใหญ่มาขนาดนี้แล้ว. เสด็จพ่อไม่น่าจะกังวลถึงเพียงนี้นะเพคะ”
จักรพรรดินิ่งไปสักพัก จึงลืมตาขึ้นมามองหยุนชาง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดจึงพูดออกมาว่า “ในตอนนั้น ตอนที่เจิ้นไม่ได้ที่จะแต่งกับฮองเฮา ในใจจึงไม่ได้มีความสุขมากนัก ตอนที่ฮองเฮาคลอดหัวจิ้งออกมานั้น เจิ้นตั้งใจไม่ไปหานาง ทว่าเมื่อตอนเจ้าคลอดนั้น”จักรพรรดิหนิงจึงหยุดไป”เจิ้นโดนเสนาบดีหลี่ลากออกไปหารือในวัง เมื่อเสนาบดีหลี่ปล่อยออกมาแล้วนั้น เจ้าก็คลอดออกมาแล้ว”
หยุนชางเข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจที่เสด็จพ่อจะรู้สึกประหม่าขนาดนี้
เสียงร้องของจิ่นเฟยอ่อนลงแล้ว หยุนชางจึงรีบร้อนสั่งให้คนต้มซุป ในใจพลางรู้สึกวิตกกังวล จึงไปเดินไปมาภายในตำหนักเสียอยู่หลายรอบ
เมื่อเสียงร้องของเด็กดังขึ้นภายในตำหนัก ก็เป็นเช้าวันที่สองแล้ว ในใจหยุนชางพลันรู้สึกเหมือนยกหินออกจากอกแล้ว เมื่อเห็นหมอตำแยออกมาพร้อมในมือมีผ้าห่อสีทอง”ยินดีกับจักรพรรดิด้วยเพคะ จิ่นเฟยเหนียงเหนียงคลอดบุตรชายออกมา”
จักรพรรดิตัวน้อย
ภายในใจของหยุนชางรู้สึกสงบลง จึงเดินเข้าไปดูทารกตัวน้อย พลันเห็นเป็นใบหน้าทารกสีแดงกำลังหลับอย่างสงบสุข
“แม้ว่าน้องชายจะดูตัวเล็กกว่าเด็กทั่วไปเล็กน้อย ทว่าก็แข็งแรงมาก ข้าคิดว่านี้คงเป็นพรที่ดีที่สุด” หยุนชางยิ้มพลางหันไปหาจักรพรรดิหนิง จักรพรรดิหนิงพลางจ้องเด็กทารกในมือหมอตำแยด้วยสายตาที่เหม่อลอย
หยุนชางหันกลับมาหาด้วยร้อยยิ้มแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อตั้งชื่อให้น้องชายเถอะ ”
จักรพรรดิหนิงเงียบไปชั่วครู่ จึงพูดออกมาว่า “เรียกเฉินซี”
เฉินซี รุ่งอรุณในยามเช้า หยุนชางยิ้มออกมาเล็กน้อย เป็นชื่อที่ดีจริง ๆ ชื่อที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
หยุนชางมองไปยังจักรพรรดิหนิงที่กำลังมองดูแสงสว่างในยามเช้าอยู่นั้น นางจึงเดินเข้าไปตำหนัก ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด จิ่นเฟยที่นอนอยู่บนเตียง หลับตาลงเสมือนว่าตนกำลังนอนหลับอยู่นั้น หยุนชางกลับเห็นขนตาที่สั่นเล็กน้อย หยุนชางจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วนางมิได้หลับ จึงเดินเข้าไปหาและนั่งลงอยู่ข้างเตียง
“น้องชายออกมานางรักมาก โตมาจักต้องมีสาวงามมาห้อมล้อมเป็นแน่ เสด็จพ่อพระราชทานนามให้ว่าเฉินซี. รุ่งอรุณในยามเช้า เสด็จแม่ชอบหรือไม่ “หยุนชางกระซิบเบา ๆ
จิ่นเฟยค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก “ก็ดี ” และผลอยหลับไปอย่างเหน็ดเหนื่อย
จิ่นเฟยคลอดลูกออกมาด้วยความปลอดภัย ทว่าภายในใจหยุนชางยังมีก้อนหินที่ไม่สามารถวางลงได้ จิ้งอ๋อง
จิ้งอ๋องกลับมาถึงพระราชวังนานแล้ว มิรู้ว่าสถานการณ์ในพระราชวังเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทางด้านหนิงเฉียนก็มิรู้ว่าเป็นเช่นไรบ้าง ไม่มีจดหมายเขียนมาเลย
เมื่อจิ่นเฟยคลอดเฉินซีได้ไม่ถึงห้าวัน. จึงมีจดหมายจากพระราชวังมาถึงนาง ทว่ากลับไม่ใช่ของหนิงเฉียน และไม่ใช่ของจิ้งอ๋อง กลับเป็นของเสี่ยวหลินจื่อ
เดิมทีเสี่ยวหลินจื่ออยู่ที่สำนักซักล้าง หยุนซางจึงต้องการให้มาอยู่ข้างกาย ทว่านางกลับไม่เต็มใจอยู่หรือตายล้วนไม่สำคัญ นางกลับคิดว่าเป็นการดีที่จะอยู่สำนักซักล้าง หากได้อยู่ข้างกายหยุนชางแล้ว เกรงว่าจะเก็บความลับได้ไม่ดีพอ อยู่ในสำนักล้างไม่ได้มีความลับอะไรมากนัก ไม่คิดว่า วันนี้นางจะมีประโยชน์มาบ้าง
จดหมายของเสี่ยวหลินจื่อเขียนว่า ไม่กี่วันก่อน ฮองเฮากล่าวว่ามีสิ่งของที่สำคัญมากหายไปจากตำหนัก เวรยามวังหลังจึงแน่นหนาขึ้นมาก และเพิ่มกองกำลังเสริมขึ้นมาด้วย อีกทั้งยังบอกกล่าวว่าหากใครที่เป็นวรยุทธ์ถึงจะสามารถเข้าออกวังได้ อีกทั้งยังได้ตระเตรียมพลธนูเป็นหมื่นนายเพื่อปกป้องกำแพงวัง แม้แต่การเยี่ยมญาติต่อเดือนก็ถูกยกเลิก เพียงบอกว่ากลัวคนในวังจะขนของออกไปให้คนข้างนอก
เสี่ยวหลินจื่อคิดว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติเป็นอย่างมาก คนธรรมดาไม่สามารถเข้าออกจากวังได้ และก็ไม่สามรถส่งจดหมายได้เช่นกัน หากแต่เสี่ยวหลินจื่อไม่เหมือนกัน น้ำที่ใช้ซักผ้าจากสำนักซักล้างนั้นเป็นน้ำที่มาจากแม่น้ำในวัง ฮองเฮาจึงไม่รู้ในจุดนี้ จึงทำให้จดหมายของเสี่ยวหลินจื่อเล็ดรอดออกมาได้ หยุนชางได้สอนให้เสี่ยวหลินจื่อติดต่อกับองครักษ์เงาของนางแล้ว จึงทำให้จดหมายนี้มาถึงมือนาง
หัวใจของหยุนชางพลันสั่นเทา เกรงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับจิ้งอ๋อง กลัวว่าเขาจะจงใจไม่ส่งจดหมายมาให้นาง อีกทั้งหนิงเฉียน นางไปรับใช้ข้างกายจิ้งอ๋องแล้ว ล้วนแต่ต้องฟังความของจิ้งอ๋อง
ในใจหยุนชางพลันรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เนื้อหาในจดหมายนี้มันสำคัญมาก จึงตัดสินใจ ที่จะแอบกลับไปยังพระราชวัง