ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 253 ความวุ่นวายในเมืองหลวง (๓)
หยุนชางเอื้อมมือไปเชยคางของฉินเมิ่งขึ้น รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยุนชาง “ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของเมิ่งเจี๋ยยวี๋ดูไม่น่าเชื่อถือนัก แรกเริ่มเดิมทีเมิ่งเจี๋ยยวี๋ก็เป็นคนของฮองเฮา ภายหลังเป็นเพราะฮองเฮาทอดทิ้งเจ้า เจ้าจึงได้มาขอร้องให้ข้าช่วยเจ้า ตั้งแต่นั้นมาเจ้าก็บอกว่าเจ้าจะเชื่อฟังข้า แต่เมื่อเจ้าตั้งท้องเจ้ากลับไม่คิดจะบอกข้าแล้วยังร่วมมือกับฮองเฮาอีก หากว่าไม่ใช่ข้าพบเข้าแต่แรก ไม่แน่ว่าอาจถูกเจ้าแว้งกัดเอาเสียก็เป็นได้ เจ้าว่าคนที่โลเลง่ายแบบนี้ยังควรค่าแก่การไว้วางใจไหม?”
แววตื่นตระหนกฉายขึ้นในดวงตาของฉินเมิ่ง นางอ้าปากจะพูดแต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาพลางมองหยุนชางทั้งน้ำตา
“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเด็กในท้องของเจ้างั้นหรือ?” หยุนชางปล่อยมือจากคางของนางและพิงเก้าอี้โดยไม่มองฉินเมิ่งอีก
ฉินเมิ่งที่หมอบอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงพยักหน้าและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ข้าขอร้องให้พระชายาช่วยเด็กคนนี้ด้วย”
หยุนชางหยิบขวดเล็กๆ ออกมาจากเอวของนาง นางเทเม็ดยาสีดำออกมาให้ฉินเมิ่ง “นี่เป็นยาพิษ ทุกเดือนพิษจะกำเริบขึ้นมาครั้งหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นยาพิษ แต่หากกินยาแก้พิษได้ตรงเวลาก็ไม่มีปัญหา ไม่มีผลกระทบต่อเจ้าและทารกในครรภ์ของเจ้ามากนัก หากเจ้าเกิดคิดอะไรที่ไม่ควรคิด เจ้าก็ต้องรับผลที่ตามมาเอง หากเจ้าอยากจะช่วยลูกของเจ้าก็กินเสีย ถ้าเจ้าสงสัยข้า ก็ถือเสียว่าข้าไม่เคยมาที่นี่ก็แล้วกัน”
ฉินเมิ่งเงยหน้าขึ้น สายตาจ้องมองของบนมือของหยุนชาง หลังจากเงียบไปนาน นางก็ยื่นมือออกมารับมันไปอย่างสั่นเทาและรีบกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว
หยุนชางยิ้มบางๆ “ถูกต้อง ในช่วงที่ผ่านมานี้ข้ายังไม่ได้ให้เจ้าทำอะไร ตอนนี้ถึงเวลาพิสูจน์แล้วว่าเจ้าจงรักดีหรือไม่ เจ้าอยู่ข้างกายฮองเฮามานานหลายปีก็น่าจะมีคนของตนเองอยู่บ้าง…”
ฉินเมิ่งส่ายหัวพร้อมร่างกายที่สั่นเทิ้ม นางกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ก็กัดฟันไม่ยอมพูดออกมา หยุนชางยิ้มเย็น “ภารกิจของเจ้านั้นง่ายมาก นั่นก็คือทำให้ฮองเฮาเชื่อว่าองค์หญิงหัวจิ้งถูกข้าสังหารไปแล้ว”
ฉินเมิ่งเงยหน้าขึ้นมองหยุนชาง “องค์หญิงหัวจิ้ง?”
“ใช่ องค์หญิงหัวจิ้ง เหล่าชายหนุ่มรูปงามในจวนขององค์หญิงหัวจิ้งล้วนแต่เป็นคนที่ข้าให้แฝงตัวเข้าไปให้วางยาองค์หญิงหัวจิ้งนานแล้ว แต่พิษนั้นออกฤทธิ์ช้าและยังคงไม่เห็นผลชัดเจน เมื่อตอนนี้พิษได้สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ และองค์หญิงหัวจิ้งยังถูกลักพาตัวไปโดยชางเจียชิงซู เกรงว่านางคงจะตายก่อนจะพ้นแคว้นหนิงไปเสียอีก” หยุนชางยิ้มบางๆ “เป็นหน้าที่ของเจ้าที่จะทำให้ฮองเฮาเชื่อเช่นนั้น”
ฉินเมิ่งก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร หยุนชางจึงยืนขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่ามัวแต่คิดเป็นอื่น เกรงว่าเจ้าคงไม่รู้ว่าคนในตำหนักของเจ้าล้วนเป็นคนของข้า เจ้าคิดว่าข้าโง่ขนาดนั้นเลยหรือ เพียงแค่เจ้ามาบอกว่าจะจงรักภักดีต่อข้า ข้าก็จะยอมเชื่อเจ้างั้นหรือ? ในเมื่อข้าสามารถกล้าผลักดันเจ้ามาจนถึงตำแหน่งนี้ได้ ข้าย่อมไม่กลัวว่าเจ้าจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาเช่นกัน”
ดวงตาของฉินเมิ่งที่มองหยุนชางเต็มไปด้วยความหวาดผวา เป็นไปได้อย่างไร? นางจำได้อย่างชัดเจนว่าองค์หญิงเพิ่งกลับมายังเมืองหลวงได้ไม่ถึงหนึ่งปี หนำซ้ำก่อนหน้านี้ร่างกายของนางก็ไม่ค่อยแข็งแรงนักทั้งยังป่วยบ่อยๆ แต่กลับแอบสับเปลี่ยนคนของนางเข้ามาแทนที่ในตำหนักจนหมด นางทำได้อย่างไร?
หยุนชางไม่สนใจว่าฉินเมิ่งกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ นางเพียงแค่ชำเลืองมองฉินเมิ่ง จากนั้นก็เดินออกจากตำหนักไป ฉินเมิ่งได้ยินเสียงพร้อมเพรียงกันจากด้านนอก “ข้าน้อยขอคารวะนายหญิง”
เสียงนี้ดูราวกับเป็นบทเพลงกล่อมวิญญาณ ทำให้จิตใจของฉินเมิ่งซึ่งเดิมทีแสร้งทำเป็นอดทนพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ คนผู้นี้อายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น เพียงสิบห้าปีเท่านั้น…
หลังจากหยุนชางออกมาจากตำหนักของฉินเมิ่ง นางก็เรียกเหล่าสายลับออกจากวังด้วยอุโมงค์ลับไปพร้อมกัน
จิ้งอ๋องยืนมองดูแผนที่อยู่ในห้อง หยุนชางสั่งให้เหล่าสายลับแยกย้ายกันไปได้แล้วจึงเดินเข้าไปและเห็นว่าแผนที่นั้นดูเหมือนจะเป็นแผนที่ชายแดนที่มีพรมแดนติดกับแคว้นเซี่ย แคว้นเซี่ยอยู่ทางตอนใต้ของแคว้นหนิง ภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาขนาดใหญ่ ทางทิศเหนือของภูเขาคือแคว้นหนิง ทิศใต้เป็นแคว้นเซี่ย ที่อยู่ติดกับภูเขามีเมืองสามเมืองคือเมืองจิ้งหยาง เมืองคังหยางและเมืองเต๋อซี หยุนชางเห็นว่าเมืองคังหยางถูกวาดไว้ด้วยวงกลมหลายวง
“แคว้นเซี่ยเริ่มบุกโจมตีแล้วหรือ?” หยุนชางเอ่ยถาม
จิ้งอ๋องหันกลับมามองหยุนชางและพูดเสียงเบา “กลับมาแล้วหรือ? ราบรื่นดีไหม?”
หยุนชางพยักหน้าและถามต่อไปว่า “เมื่อครู่ท่านอ๋องดูอะไรอยู่หรือ?”
จิ้งอ๋องก้มศีรษะลงและชี้ไปที่แผนที่ “กองทัพของแคว้นเซี่ยข้ามภูเขาเหล่านี้และอยู่ใกล้กับสามเมืองนี้ ตามรายงานบอกว่าพวกเขาแบ่งออกเป็นสามทัพ กองทัพห้าแสนคนนำโดยองค์รัชทายาทมุ่งหน้าไปยังเมืองคังหยาง เมืองจิ้งหยางและเมืองเต๋อซีถูกแบ่งให้แม่ทัพอาวุโสหลินอวี่และจานหยางนำทหารสองแสนห้าหมื่นนายเข้าล้อม”
หยุนชางตกใจ แต่ตอนนี้แคว้นหนิงมีทั้งศึกนอกและศึกใน เมืองหลวงถูกควบคุมโดยอัครมหาเสนาบดี ทางเหนือยังทำสงครามกับแคว้นเย้หลางอยู่ ทิศใต้ยังถูกกดดันจากทหารนับแสนของแคว้นเซี่ยอีก
“ใครคือนายพลพิทักษ์เมืองคังหยาง จิ้งหยางและเต๋อซีหรือเพคะ?” หยุนชางเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา
จิ้งอ๋องเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เมืองคังหยางมีแม่ทัพฉีหล่าง เมืองจิ้งหยางและเมืองเต๋อซีมีแม่ทัพใหญ่ที่เป็นลูกน้องของข้าสองคนคือแม่ทัพจางฉีและแม่ทัพเว่ยหนาน ข้าเชื่อมั่นในฝีมือการนำทัพของคนของข้า เพียงแต่ฉีหล่าง…” จิ้งอ๋องเงียบลงชั่วครู่ “ฉีหล่างเป็นแม่ทัพอาวุโสที่เคยกรำศึกภายใต้การนำทัพของอดีตจักรพรรดิ เรื่องการรบข้ามีอะไรจะพูด เพียงแต่คนผู้นี้โอหังยิ่งนัก เกรงว่าจะเสียเปรียบ มีแม่น้ำอยู่ข้างหลังเมืองจิ้งหยางและเมืองเต๋อซี แต่ด้านหลังเมืองคังหยางกลับเป็นที่ราบ หากคังหยางเสียเมือง กองทัพแคว้นเซี่ยก็จะสามารถตรงมายังเมืองหลวงได้”
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย “แคว้นเซี่ยมีกองทัพใหญ่พลทหารนับล้าน แต่ที่ชายแดนเรามีกำลังพลเท่าไหร่หรือเพคะ?”
“แปดแสน” จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว “ก็จริงที่แคว้นหนิงเป็นแคว้นใหญ่ เพียงแต่พื้นที่กว้างใหญ่และมีชายแดนที่ต้องป้องกันอยู่มากมาย กำลังทหารจึงค่อนข้างกระจัดกระจาย บวกกับกองทัพเกือบล้านในสงครามทางเหนือ ด้านใต้จึงอ่อนแอกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ทั้งแคว้นหนิงยังสามารถโยกย้ายทหารได้อีกห้าแสนนายมาเป็นทัพหนุนได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสามเดือนในการจัดเตรียมเสบียง กองทัพแนวหน้าอาจรอไม่ไหว”
เขาชะงักไปแล้วจึงถอนหายใจขึ้น “หากมีข้าอยู่…โอกาสชนะก็คงจะมากกว่านี้ แต่สถานการณ์ในเมืองหลวงตอนนี้… ข้ากลับไม่อาจไปไหนได้ ทำได้แค่… รอดูสถานการณ์ในภายหลังเท่านั้น… ”
หยุนชางก็เงียบลงเช่นกัน เพียงแต่ในใจนางรู้สึกกังวลเล็กๆ เดิมทีนางมองโลกในแง่ดีมาก โดยคิดว่าหากเรื่องในราชสำนักคลี่คลายแล้วทุกอย่างก็เรียบร้อยดี แต่นางคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์ตอนนี้จะซับซ้อนมากขนาดนี้
เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมของนาง จิ้งอ๋องก็ยิ้มและปิดแผนที่ลง “เรื่องไม่ได้เลวร้ายจนถึงขั้นนั้น รีบคลี่คลายเรื่องในเมืองหลวงเสีย ข้าจะได้รีบไปที่ชายแดนได้ อย่างไรที่ชายแดนก็ยังมีทหารอีกแปดแสนนายก็คงต้านทานไปได้อีกหลายวัน เจ้าอย่ากังวลไปเลย”
หยุนชางพยักหน้า ดวงตาของนางมองดูแผนที่ที่ปิดอยู่อย่างไม่ขยับเขยื้อนอยู่เป็นเวลานาน
“วันนี้เจ้ารีบกลับมาแล้วก็รีบไปที่พระราชวัง เจ้าคงจะเหนื่อยแล้ว รับไปพักเถอะ” จิ้งอ๋องยิ้ม “อีกไม่นานกองทัพจะมาถึงเมืองแล้ว ตอนนี้พวกเราคอยซ่องสุมกำลังพลไว้ดูสถานการณ์ก็เป็นพอ รอกองทัพมาถึง พวกเขาก็จะรีบเข้าไปตัดหัวของหัวขโมยเฒ่าหลี่จิ้งเหยียน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยุนชางก็ยิ้มแย้มออกมาเล็กน้อยและตอบรับ “เพคะ” จากนั้นนางจึงหันหลังเดินเข้าไปพักผ่อนในห้องชั้นใน