ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 267 จันทรุปราคา
เช่นนี้ก็เป็นอันชัดเจนแล้วใครเป็นผู้วางยาพิษเฉินซี เพียงแต่ตอนนี้กลับเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดนางคนนั้น เพราะหยุนชางเชี่ยวชาญการใช้วิธีนินทาเพื่อมาจัดการกับผู้คนมากที่สุด นางจึงย่อมเข้าใจถึงบทบาทของข่าวลือ หากจิ่งเหวินซีตายไปเสียตอนนี้ เกรงว่าไม่รู้จะยิ่งลือกันไปเช่นไร
แววตาของหยุนชางบูดบึ้งลง เสียงเย็นชาของจิ้งอ๋องแว่วมาจากด้านหลังนาง “หากข้ารู้เช่นนี้ข้าน่าจะกำจัดนางไปเสียตั้งแต่แรก นางจะได้ไม่มีโอกาสได้ใช้แผนสกปรก คนเจ้าแผนการเช่นนี้ น่าเสียดายนักที่ไม่ได้ไปออกรบจัดการกับศัตรู”
หยุนชางหลุบตาลง หมุนหยกแขวนในมือเล่น สนามรบ… เกรงว่าสำหรับหญิงคนนั้น วังแห่งนี้คือสนามรบของนาง ศัตรูของนางก็เกรงว่าจะเป็นตัวหยุนชางเอง
ในวันต่อมา ข่าวเรื่องคุณชายจิ่งเป็นอีสุกอีใสก็แพร่กระจายไปทั่ว ในเวลาเดียวกันก็ยังมีเรื่ององค์ชายน้อยเป็นอีสุกอีใสเมื่อไม่กี่วันก่อนและตอนนี้ยังไม่หายขาดลือไปทั่วด้วยเช่นกัน
เมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกันไปมา ทุกคนก็เริ่มรู้สึกว่ามันดูผิดปกติ ทันทีที่องค์ชายน้อยเป็นอีสุกอีใส คุณชายจิ่งก็เป็นต่อ พี่สาวขององค์ชายน้อยหรือก็คือพระชายาของจิ้งอ๋อง และคุณชายจิ่งก็คือพี่ชายของจิ่งเหวินซี ดังนั้นจึงเกิดการคาดเดาไปต่างๆนาๆ ที่แพร่หลายที่สุดก็คือแม่นางจิ่งหลงรักจิ้งอ๋อง แต่นางก็ไม่ได้คิดทำอะไรเกินเลย หนำซ้ำยังช่วยจิ้งอ๋องเอาไว้อีกด้วย แต่พระชายาของจิ้งอ๋องเป็นผู้มีจิตริษยาจึงได้วางยาพิษจิ่งเหวินซีและยังส่งสิ่งที่องค์ชายน้อยใช้ให้แก่คุณชายจิ่ง เขาจึงเป็นอีสุกอีใสไปด้วย
อีสุกอีใสนั้นเป็นบททดสอบที่ท้าทายสำหรับคนติด หากทนสู้ไม่ไหวก็อาจถึงตาย
เมื่อเป็นเช่นนี้จิ่งเหวินซีจึงได้รับน้ำตาแห่งความเห็นอกเห็นใจมากมาย
ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้อยู่เฉยได้เลยจริงๆ หยุนชางคิดในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันเล็กน้อย จิ่งเหวินซีเป็นคนฉลาด แต่นางใช้ความฉลาดอย่างผิดที่ผิดทาง แม้ว่าเรื่องจะออกมาวุ่นวายเช่นนี้ทำให้หยุนชางรู้สึกรำคาญอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่หลวงจนอันตรายถึงชีวิต
หยุนชางครุ่นคิดเล็กน้อยว่าช่วงเวลานี้ในชาติแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางใช้สมองอย่างหนักจึงคิดออกจากนั้นจึงเรียกสายลับเข้ามาแล้วสั่งเบาๆ สองสามคำ สายลับก็รับคำสั่งแล้วออกไป จิ้งอ๋องเดินไปหาหยุนชางและกระซิบว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องยุ่งยากเช่นนี้ด้วย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าก็พอแล้ว เจ้าเป็นชายาของข้า ข้าย่อมต้องปกป้องเจ้าอย่างดีที่สุด ข้าสังหารใครล้วนไม่มีผู้ใดกล้าถามเหตุผล”
แม้ว่าหยุนชางจะประทับใจในการปกป้องของเขา แต่กลับรู้สึกจนปัญญา “ข้ารู้ดีว่านางกล้าพูดว่าอะไร แต่เช่นนี้อย่างไรก็ไม่ดีนัก ตอนนี้เรื่องของพวกเราถูกลือไปทั่วทุกหนแห่งแล้ว หากไม่ใส่ใจแล้วเกิดเรื่องขึ้นมาอีกจะส่งผลกระทบต่อการใหญ่ ท่านย่อมรู้ว่าหัวใจของประชาชนจะเป็นสิ่งที่คอยกำหนดทิศทางของบ้านเมือง”
“หัวใจของประชาชนงั้นหรือ?” จิ้งอ๋องเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย เพียงแต่สวมเสื้อผ้าแล้วออกไป หยุนชางก็ไม่ได้ถามเขาว่าเขาจะทำอะไร เพียงคิดว่าไม่รู้ว่าที่ชายแดนเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
วันต่อมาเมืองเฟิ่งไหลกลับคึกคักขึ้น พวกเขาเห็นว่าอยู่ๆ บ่อน้ำในเมืองก็กลายเป็นสีแดง ทุกคนตื่นตระหนกรีบไปที่วัดเฉิงหวง เพื่ออธิษฐานขอพรให้พระโพธิสัตว์คุ้มครอง แต่กลับเห็นพระโพธิสัตว์ถือพระคัมภีร์ ดวงตาที่เดิมทีสะอาดกลับมีเลือดไหลย้อยลงมา ในเวลานี้คัมภีร์ก็ตกลงมาอย่างกะทันหัน บนนั้นเขียนว่า “องค์หญิงฮุ่ยกั๋วถูกสวรรค์ลิขิตมา ตอนนี้นางได้รับความอยุติธรรมอย่างยิ่ง ในวันที่สิบห้าเดือนแปดจะเกิดจันทรุปราคาเป็นคำเตือนจากสวรรค์”
ในตอนนั้นทุกคนก็รีบวิ่งออกมาเล่าสู่กันฟัง คนในเมืองจึงได้แตกตื่น บางคนบอกว่าพวกเขาฝันถึงสุริยคราส ฝันว่าพระโพธิสัตว์บอกเขาว่าเจ็ดปีที่แล้วองค์หญิงได้อธิษฐานขอฝนเพื่อประชาชน เหล่าปวงชนไม่สำนึกบุญคุณแต่กลับนินทาว่าร้ายนาง สมควรโดนลงโทษ
อีกเพียงสองวันก่อนจะถึงวันที่สิบห้าเดือนแปด
หยุนชางกลับไม่ตื่นตระหนกราวกับว่าข่าวลือภายนอกไม่เกี่ยวข้องกับนาง ตุ่มน้ำบนร่างกายของเฉินซีเริ่มแตกออกมาแล้วและค่อยๆ เริ่มตกสะเก็ด ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุด ทุกคนต่างก็กังวลเช่นกัน โชคดีที่ยาของหยุนชางได้ผลอยู่บ้าง แต่ก็ยังต้องคอยป้องกันไม่ให้เฉินซีไปทำให้เป็นแผล
จิ่นเฟยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก นางเพียงดูแลเฉินซีอย่างใส่ใจ แต่หยุนชางกลับถูกจักรพรรดิหนิงเรียกให้ไปพบที่ห้องทรงพระอักษร…
“ข่าวลือข้างนอกเจ้าเป็นผู้ปล่อยหรือ?” จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วด้วยความกังวลใจ
หยุนชางไม่ได้ปฏิเสธและพยักหน้าอย่างเปิดเผย “เป็นฝีมือของชางเอ๋อร์เองเพคะ”
จักรพรรดิหนิงเหลือบมองหยุนชาง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถอนหายใจ “ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นวิธีที่ดี แต่เจ้าได้คิดหรือไม่ว่าหากไม่เกิดจันทรุปราคาขึ้น เจ้าจะทำอย่างไร?”
หยุนชางกลับไม่กังวลเลยสักนิด “เสด็จพ่อ ในเมื่อชางเอ๋อร์กล้าพูดแบบนี้ก็ย่อมรู้ว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ก็เช่นเดียวกับฝนในปีนั้น เสด็จพ่อรอดูอย่างสบายใจได้เลยเพคะ”
เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินสิ่งที่หยุนชางกล่าว เขาก็จำสายฝนเมื่อเจ็ดปีก่อนที่หยุนชางอธิษฐานมาได้และทำนายว่าฝนจะตก เพียงแต่เจ็ดปีก่อนหยุนชางไปอธิษฐานที่วิหารแคว้นหนิง ความตั้งใจนั้นทำให้เจ้าอาวาสอู๋น่าประทับใจ ดังนั้นเจ้าอาวาสจึงมอบคำทำนายให้นางกลับมาที่วัง ครั้งนี้…
“ชางเอ๋อร์อาศัยอยู่ที่วิหารแคว้นหนิงในหลายปีมานี้ ก็มีความรู้อยู่บ้างเช่นกัน สุริยคราสครั้งนี้ไม่ใช่การลงโทษจากสวรรค์ แต่เป็นไปตามกฎธรรมชาติ ไม่กี่วันก่อนชางเอ๋อร์สังเกตเห็นลางบอกเหตุ เพียงแต่ไม่แน่ใจจึงยังไม่ได้บอกเสด็จพ่อ ต่อมาเมื่อแน่ใจแล้วกลับเกิดเรื่องนี้ขึ้น เช่นนี้ก็พอดีเลย เดิมทีสุริยคราสก็เป็นลางร้าย ข้าจึงชิงลงมือก่อน อัครมหาเสนาบดีและเซี่ยโหจิ้งจะได้ไม่อาจใช้ประโยชน์จากมันมาใส่ร้ายเสด็จพ่อได้ โดยบอกว่าเสด็จพ่อไม่ได้ทำคุณประโยชน์แก่แผ่นดินจึงทำให้สวรรค์พิโรธ ลางร้ายนี้จึงได้ปรากฏ” หยุนชางก้มศีรษะลง ในใจนึกถึงชาติที่แล้วของนาง เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ
วันที่สิบห้าเดือนแปดของปีนั้น เดิมควรจะเป็นงานฉลองคืนวันสารทจีน ยามที่ทุกครัวเรือนกำลังเฉลิมฉลองอยู่ แต่ในวันที่พระจันทร์เต็มดวงเช่นนี้ จันทรุปราคาก็ได้เกิดขึ้น วันต่อมาขุนนางของสำนักหอดูดาวหลวงก็ถวายฎีกากล่าวว่าผู้ปกครองไร้คุณธรรม สวรรค์พิโรธและได้ส่งลางร้ายนี้มาเพื่อตักเตือน ตอนนั้นจิตใจของผู้คนระส่ำระสายมาก
ต่อมาภายใต้โทสะของเสด็จพ่อ เขาสั่งประหารข้าราชบริพารไปหลายคนจึงทำให้เรื่องนี้เงียบลงไปได้ ตอนนั้นนางไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่บางครั้งก็ได้ยินโม่จิ้งหรานคุยกับมารดาของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ เขาบอกว่าจักรพรรดิไร้คุณธรรมทำให้สวรรค์พิโรธแต่กลับใช้วิธีรุนแรงเช่นนี้เพื่อทำให้เรื่องเงียบ ช่างเป็นการขัดต่อหลักคุณธรรมยิ่งนัก
ในเวลานั้นนางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับการกระทำที่ไร้เหตุผลของเสด็จพ่อ แต่ตอนนี้เมื่อพิจารณาดูแล้ว ทั้งหมดนี้อาจเป็นแผนร้ายที่อาศัยจันทรุปราคาเพื่อต่อต้านเสด็จพ่อ
เกรงว่าแผนร้ายนี้คงเป็นฝีมือของหลี่จิ้งเหยียน
จักรพรรดิหนิงไม่รู้ว่าหยุนชางมีความสามารถดังกล่าว แต่ก็เข้าใจว่าหากมันเกิดขึ้นจริง ข่าวลือที่ทำลายชื่อเสียงของนางคงจะถูกเปิดโปงด้วย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ไม่ได้คัดค้านอีก เพราะอย่างไรหากเป็นไปตามที่หยุนชางคาดการณ์แล้ว นางก็จะสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้และแม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สิ่งที่แย่ที่สุดก็ยังดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
วันที่สิบห้าเดือนแปด พระจันทร์เต็มดวง
เฉินซีดีขึ้นแล้วเจ็ดแปดส่วน หัวใจของทุกคนจึงผ่อนคลายลงมาบ้าง หยุนชางและจิ้งอ๋องก็ไม่ได้มีอาการไม่สบายใดๆ คงไม่ได้ติดเชื้อ จิ่นเฟยยินดีเป็นอย่างยิ่ง นางจึงขอให้เจิ้งมามาจัดเตรียมขนมและน้ำชาไว้ที่ลานตำหนัก ทุกคนต่างก็ชมจันทร์อย่างมีความสุข
จักรพรรดิหนิง จิ่นเฟย หยุนชางและจิ้งอ๋องนั่งอยู่รอบโต๊ะหิน ในอ้อมกอดจิ่นเฟยอุ้มเฉินซีที่เพิ่งอายุครบเดือนได้ไม่นาน ทุกคนดื่มชาและพูดคุยกันอย่างสบายๆ ทุกอย่างสวยงามจนตาหยุนชางรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อย
ในชาติที่แล้วนางไม่เคยมีเวลาเช่นนี้มาก่อนจนเกือบลืมไปแล้วว่าความรักในครอบครัวเป็นอย่างไร จนกระทั่งเหิงเอ๋อร์ได้ถือกำเนิดขึ้น พวกเขาทั้งสองจึงพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แต่ก็ถูกทอดทิ้งเช่นกัน หากสามารถหยุดทุกอย่างไว้ ณ เวลานี้ได้ แม้ตายไป นางก็คงไม่เสียใจเสียดายอีก
จิ้งอ๋องสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของหยุนชางจึงเอื้อมมือไปจับมือของหยุนชางไว้ใต้โต๊ะ เขาตกใจกับความเย็นของมือของนางและขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางสั่งให้เจิ้งมามาหยิบเสื้อคลุมมาและใส่ให้หยุนชาง “ถึงแม้จะเป็นฤดูร้อน แต่ลมในยามกลางคืนก็ยังเย็น สวมเสื้อคลุมเสียจะดีกว่า”
หยุนชางพยักหน้าและเงยหน้าขึ้นมองดูดวงจันทร์กลมโตอันสว่างไสว นางยกมุมปากขึ้นยิ้มน้อยๆ นางไม่รู้ว่าชีวิตนี้ต้องลำบากอีกแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรและต้องประสบพบเจอกับเรื่องอะไรบ้าง นางรู้แค่เพียงว่านางจะปกป้องคนรอบกายของนาง นางควรขอบคุณสวรรค์ที่ให้โอกาสนางได้เกิดใหม่อีกครั้ง
จักรพรรดิหนิงมองหยุนชาง ในใจคิดเพียงว่านางคงกังวลเกี่ยวกับจันทรุปราคาจึงมองลึกลงไปที่นาง เงยหน้าขึ้นมองดูดวงจันทร์และขมวดคิ้วน้อยๆ จะเกิด… จันทรุปราคาขึ้นจริงๆ หรือ?
หลังจากนั่งอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเฉินซีเกือบจะลืมไม่ไหวแล้ว หยุนชางยิ้มและมองดูทารกตัวน้อยที่กำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของจิ่นเฟยและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ “เสด็จแม่ ดูน้องหลับสิเพคะ คงจะง่วงมาก เสด็จแม่อุ้มน้องกลับไปนอนเถอะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเข้า”
จิ่นเฟยก้มหน้าลงและอมยิ้มให้ลูกชายในอ้อมแขน นางพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าไปกล่อมเขานอนแล้วจะกลับมา”
ทันทีที่จิ่นเฟยจากไป จักรพรรดิหนิงก็หุบยิ้มและถามลูกสาวที่นั่งตรงข้ามเขาซึ่งมองมาผ่อนคลายด้วยความเป็นห่วง “ชางเอ๋อร์ จะเกิดจันทรุปราคาจริงหรือ?”
จิ้งอ๋องยิ้มบางๆ “เสด็จพี่ไม่ต้องร้อนใจไป ในเมื่อชางเอ๋อร์บอกว่ามีก็ต้องมีแน่”
หยุนชางมองจิ้งอ๋องอย่างอยากรู้อยากเห็น นางมั่นใจเพราะนางได้เกิดใหม่ แต่ทำไมจิ้งอ๋องจึงได้เชื่อในตัวนางยิ่งนัก?
“ท่านอ๋องเชื่อในตัวหม่อมฉันขาดนี้เชียว?” หยุนชางอมยิ้มถาม
จิ้งอ๋องไม่ลังเลเลยสักนิด “เพียงเจ้าเป็นคนพูด ข้าก็จะเชื่อ”
สายลมยามค่ำคืนหนาวเย็นเล็กน้อย แต่หัวใจของหยุนชางกลับรู้สึกอบอุ่น นางแอบคิดว่าชีวิตนี้ได้เป็นภรรยาของคนผู้นี้ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย
หยุนชางแอบถอนหายใจอยู่ในใจ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอุทานของขันรับใช้ที่อยู่ด้านข้างดังขึ้น “จัน… จันทรุปราคามาแล้ว…”