ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 274 จวนฉี
เมื่อหยุนชางมาถึงจวนฉี ประตูของจวนฉีก็ปิดอย่างแน่นหนา คาของของหยุนชางเผยความเย็นชา ให้เฉี่ยนอินเอาบัตรเยี่ยมไปและเคาะประตูจวนฉี
“ใครน่ะ?” เสียงที่ฟังดูเหมือนไม่พอใจมากนัก ประตูถูกเปิดออก คนเฝ้าประตูมองไปที่ผู้คนที่อยู่ตรงหน้าที่ดูเอิกเกริก ตกใจเล็กน้อย “พวกเจ้าคือ?”
“พระชายาของจิ้งอ๋องรับราชโองการมา ยังไม่ไปเชิญแม่ทัพฉีมาต้อนรับอีก?” ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเฉียนยิน ท่าทีเหมือนหัวหน้าสาวใช้
เมื่อได้ยินคำว่าพระชายาของจิ้งอ๋อง คนเฝ้าประตูก็ตกตะลึงเล็กน้อย เขาชะโงกไปเหลือบมองที่ขบวนอันยาว และหยุดบนรถม้าที่สง่างดงามหน้าประตู ดูเหมือนเขาจะหันกลับไปพูดอะไรบางอย่างกับคนข้างๆ จากนั้นก็หันกลับมาและกล่าวว่า “พระชายาโปรดรอสักครู่ ข้าน้อยได้ส่งคนไปรายงานแล้วขอรับ”
หยุนชางเทน้ำชา เสียงของนางนิ่งสงบ “ไม่เป็นไร ข้าจะรออยู่ที่นี่”
คนเฝ้าประตูได้ยิน เสียงที่ค่อนข้างเย็นชา คนเฝ้าประตูโค้งคำนับเฉี่ยนอินอย่างสั่นเทา “ไม่ใช่ข้าน้อยที่ขัดขวางพระชายาเข้าจวน แต่ตอนนี้ แม่ทัพกำลังไปตรวจสอบประตูเมืองทางใต้ ข้าน้อยก็มิกล้าตัดสินใจเอง ข้าน้อยได้แจ้งพ่อบ้านแล้ว และพ่อบ้านคงส่งคนไปรายงานท่านแม่ทัพแล้วขอรับ”
หยุนชางไม่ตอบ ได้ยินราวกับมีคนมากขึ้นที่ด้านข้างของรถม้า มุมปากของนางเผยรอยยิ้มที่เย็นชา เจ้าฉีหล่าง นาวเพิ่งมาถึงเขาก็มาแสดงอำนาจให้ดู มาแจ้งว่าไปตรวจสอบประตูเมืองทางใต้ นางใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วยามจากนอกเมืองมาถึงจวนฉี นางไม่เชื่อหรอกว่า นางสร้างความเอิกเกริกเยี่ยงนี้ เกรงว่าคงจะมีใครบางคนได้รายงานฉีหล่างแล้ว แต่เมื่อนางมาถึงประตูของจวนฉี ฉีหล่างไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นเลย อาจเป็นเพราะ ฉีหล่างไม่ได้มีนางในสายตาของเขาเลย
น้ำชาค่อยๆเย็นลง หยุนชางเรียกเฉี่ยนอินมาที่รถม้า และต้มชาอีกหม้อบนเตาเล็กๆ แล้วชงชาอีกถ้วย เมื่อดื่มไปครึ่งหนึ่ง นางก็ได้ยินเสียงเกือกม้ามาจากระยะไกล
หยุนชางวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะเล็กข้างๆ จัดชุดของนาง และได้ยินเสียงดังจากด้านนอกรถม้า “ข้าน้อยแม่ทัพฉีหล่างขอคารวะพระชายาของจิ้งอ๋อง ข้าได้มาต้อนรับช้าไป ขอพระชายาให้อภัยด้วยขอรับ”
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะ “แม่ทัพฉีช่วยราษฎรปกป้องชายแดน ทำงานหนักเยี่ยงนี้ มีโทษได้อย่างไร?”
“พระชายาเดินทางมาอย่างยากลำบาก ข้าน้อยได้สั่งให้พ่อบ้านเตรียมห้องรับแขกและขอเชิญพระชายาไปพักผ่อนขอรับ” เสียงของฉีหล่างสงบ ดูเหมือนมีความเคารพมาก แต่หยุนชางได้ยินถึงความทระนงองอาจ
หยุนชางขยิบตาให้เฉี่ยนอิน เฉี่ยนอินผลักเปิดประตูรถม้าและเดินลงไป ไม่ได้มองที่ฉีหล่างที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ และราษฎรที่มาเฝ้าดูในบริเวณรอบๆ ก้มลงและเอื้อมมือเข้าไปในรถม้า มือขาวสะอาดวางลงบนหลังมือของเฉี่ยนอิน จากนั้นใบหน้าที่งดงามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
หยุนชางลงจากรถม้าอย่างช้าๆ ยกดวงตาคู่หนึ่งที่ดูงดงาม ยิ้มและกวาดมองไปรอบๆ ท่ามกลางราษฎร ก่อนที่จะมองไปที่ฉีหล่างซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ฉีหล่างมีอายุเกือบห้าสิบปี มีผมหงอก สวมชุดเกราะเต็มยศ แต่แผ่นหลังของเขาก็ยังตั้งตรง ด้านหลังฉีหล่างมีชายหนุ่มสองคนที่สวมชุดเกราะคุกเข่าอยู่ หยุนชางยิ้มเบาๆ และกล่าวว่า “แม่ทัพฉีทำงานหนักเพื่อปกป้องชายแดน วันนี้ที่ข้ามาที่นี่ เพราะตามคำสั่งของฝ่าบาท เพื่อมาให้กำลังใจต่อเหล่าทหารชายแดน ฝ่าบาทได้ทรงแต่งตั้งข้าเป็นสารวัตรทหาร นับจากนี้ต่อไปต้องขอรบกวนแม่ทัพให้คำชี้แนะแล้ว”
ดวงตาของนางกวาดสายตาไปที่ราษฎรที่อยู่รอบๆ สีหน้าที่มีความสงสัย ดูถูกเหยียดหยาม และปรีดี หยุนชางยิ้ม และเปล่งเสียงขึ้นอีกเล็กน้อย “ฝ่าบาททรงฝากคำพูดให้แก่นายพล เหล่าทหาร และราษฎรที่ชายแดน แม้ว่าคังหยางจะอยู่ที่ชายแดนของแคว้นหนิง แต่ไม่ว่าจะเวลาใดก็ตาม พระทัยของฝ่าบาททรงอยู่กับทุกท่าน”
ฉีหล่างก้มกราบจมพื้น “หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาท”
หยุนชางหรี่ตามองชายตรงหน้า ผ่านไปครู่หนึ่ง มุมปากของนางโค้งงอ “แม่ทัพฉีเชิญลุกขึ้นเถิด”
ฉีหล่างยืนขึ้น ยกขึ้นดวงตาของเขาและเหลือบมองไปที่หยุนชาง หลังจากหยุดครู่หนึ่ง เขาจึงลดลงตาของเขาและกล่าวว่า “เชิญพระชายาเข้าจวนขอรับ”
ชายสองคนในเครื่องแบบทหารคุกเข่าอยู่ด้านหลังฉีหล่างก็ยืนขึ้นเช่นกัน เมื่อทั้งคู่ลุกขึ้น หยุนชางเห็นว่าพวกเขาสองคนอายุแค่ยี่สิบกว่าเท่านั้น พวกเขาดูมีความแน่วแน่ และดูคล้ายฉีหล่างเล็กน้อย หลังจากคิดดูแล้ว หยุนชางก็ได้รู้ว่าทั้งคู่ต้องเป็นบุตรชายของฉีหล่าง หยุนชางเดินเข้าไปในจวนฉีด้วยการพยุงของเฉี่ยนอิน
แม้ว่าจะเป็นชายแดน แต่จวนฉีก็สง่างามและใหญ่โตมาก ดอกไม้และหญ้าทุกต้นมีความงดงาม การออกแบบของจวนแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้งของทางภาคใต้ และความแข็งแกร่งของทางภาคเหนือ รูปแบบของทั้งสองภาคที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่เข้ากันได้อย่างน่าอัศจรรย์
ฉีหล่างพาหยุนชางไปที่ห้องโถงด้านหน้า ให้หยุนชางนั่งเหนือที่นั่งหลัก จึงกล่าวว่า “ข้าน้อยไม่ทราบว่าพระชายาจะมา และลานรับแขกไม่ทันได้ทำความสะอาด ขอพระชายาโปรดดื่มชาที่นี่ครู่หนึ่ง…”
หยุนชางพยักหน้า และเห็นหญิงท่านหนึ่งที่มวยผมฮูหยินเดินเข้ามา โค้งคำนับให้กับหยุนชาง และนำสาวใช้มารินชา
ฉีหล่างจึงกล่าวว่า “นี่คือหวั่นชิว ถ้าพระชายาต้องการอะไรในจวนก็บอกนางได้ขอรับ”
หยุนชางจ้องมองไปที่สตรีนางนั้นซึ่งมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและมีอารมณ์อ่อนโยน ไม่แพ้ให้กับหญิงชั้นสูงเหล่านั้นในเมืองหลวง… หยุนชางกวาดสายตามองทั่วใบหน้าของสตรีนางนั้นและมองดูรูปร่างหน้าตาของนาง นางน่าจะอายุไม่เกินสามสิบปี หยุนชางแอบคิดในใจ ตามข้อมูล ภรรยาของฉีหล่างน่าจะอายุสี่สิบสามปีแล้วหวั่นชิงนางคิดแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นฮูหยินเจ็ดในจวนฉี ซึ่งก็เป็นชื่อนี้
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ มีแสงเย็นวาบในดวงตาของหยุนชาง ดูเหมือนว่าฉีหล่างไม่ได้มีนางในสายตาของเขาจริงๆ นางเข้าไปในจวนฉี แต่กลับส่งนางสนมมารับใช้เท่านั้น
หยุนชางเกี่ยวที่มุมปากของนางและยิ้ม มองไปยังสตรีนางนั้น “หวั่นชิว เป็นชื่อที่อ่อนโยน ซึ่งเข้ากับเจ้า คือฮูหยินฉี? ไม่ทราบว่าฮูหยินฉีดูแลผิวพรรณอย่างไร ดูเหมือนว่าจะอายุน้อยกว่าสามสิบปี ขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวงที่ข้าที่คุ้นเคยที่เน้นการดูแลผิวพรรณ แต่ก็ไม่ดีเท่าฮูหยิน”
มือของฉีหล่างที่ถือชาสั่นเล็กน้อย ราวกับจำอะไรได้ หน้าตาไม่ค่อยดี แต่สีหน้าของหวั่นชิวกลับขาวซีด
ฉีหล่างวางถ้วยน้ำชาของเขาลง กุมมือไปทางหยุนชาง “เมื่อเร็วๆนี้ฮูหยินของข้าล้มป่วย ข้าเกรงว่านางอาจจะทำให้พระชายาไม่สบายไปด้วย ดังนั้นจึงไม่เรียกนางมา หวั่นชิวคือฮูหยินเจ็ด…ของข้าน้อย”
“โอ้? “หยุนชางเลิกคิ้ว วางถ้วยน้ำชาลง เงยหน้าขึ้นมองอย่างเรียบเฉย ที่แท้คือฮูหยินเจ็ดหรือ……” หางเสียงลาดยาวเล็กน้อย รอยยิ้มมีความเยาะเย้ยเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่ง แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ ว่า “ดูเหมือนว่า กฎของชายแดนจะแตกต่างจากในเมืองหลวงสินะ” พูดจบนางก็หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นอีกครั้ง
มือของฉีหล่างกำแน่นอย่างเงียบๆ ดวงตาของเขาเหลือบไปที่หวั่นชิวที่กระสับกระส่ายเล็กน้อย เขาได้ส่งสายตาให้กับนาง ให้นางออกจากห้องโถงด้านหน้า
หลังจากนั้นหยุนชางก็ดื่มชาเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
หลังจากนั้นไม่นาน ชายผู้มีอายุประมาณสี่สิบปีก็เดินเข้ามาในห้องโถงด้านหน้าและกล่าวว่า “นายท่าน สวนชมดอกเบญจมาศได้ทำความสะอาดเสร็จแล้วขอรับ”
ฉีหล่างจึงยืนขึ้น และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พระชายา ลานรับแขกเตรียมเสร็จแล้ว เชิญพระชายาตามข้าน้อยไปดูเถิด”
หยุนชางพยักหน้าและยืนขึ้น “ไม่ขอรบกวนแม่ทัพฉีแล้ว ทหารของแคว้นเซี่ยอยู่ใกล้เมือง แม่ทัพฉีต้องมีเรื่องที่ต้องจัดการมาก เพียงให้พ่อบ้านพาข้าไปก็พอ”
หลังจากหยุดพูดไปชั่วครู่ จึงพูดอีกครั้งว่า “องครักษ์ที่ข้านำมาคือทหารสายลับที่ปกป้องฝ่าบาท ข้าขอรบกวนแม่ทัพฉีดูแลให้ด้วย”
ฉีหล่างตอบซ้ำๆ หยุนชางมองมาที่เขาและนางก็ยกเท้าขึ้นและเดินออกไปนอกประตูห้องโถง พ่อบ้านรีบเดินตาม และโค้งคำนับให้ หยุนชาง “พระชายาโปรดตามข้าน้อยมาขอรับ”
สวนชมดอกเบญจมาศเต็มไปด้วยดอกเบญจมาศ มีหลากหลายพันธุ์ และมีไม่กี่กระถางที่ถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า หยุนชางโค้งริมฝีปากของนาง และเดินเข้าไปในห้องพัก ห้องพักดูเหมือนเพิ่งได้รับการทำความสะอาด หลายสิ่งในบ้านยังใหม่เอี่ยม นับว่าไม่สะเพร่าเลย หยุนชางมองผ่านของใช้ต่างๆในบ้าน ช่างละเอียดอ่อนมากจริงๆ
“เพราะความเร่งรีบในการเตรียมการ ทำทำให้พระชายาต้องผิดหวังแล้วขอรับ ถ้าพระชายามีอะไรที่ไม่พอใจ ก็สั่งกับข้ทน้อยได้ขอรับ” พ่อบ้านก้มตัวเล็กน้อย พูดด้วยความเคารพ
หยุนชางพยักหน้าและตอบว่า “ได้” จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องด้านใน
“พระชายาเดินทางมาวันแล้ว การเดินทางก็เหน็ดเหนื่อยแล้ว ต้องการที่จะพักผ่อน ดังนั้นเจ้าถอยออกไปก่อนเถิด” เสียงของเฉี่ยนอินดังมาจากข้างนอก
จากนั้นพ่อบ้านก็ตอบรับด้วยความเคารพ “ขอรับๆ ข้าน้อยขอตัวออกไปก่อน ข้าน้อยจัดคนสองสามคนเฝ้าที่ประตูลาน ถ้าต้องการรับสั่งอะไรก็บอกพวกเขาได้ขอรับ”
หยุนชางฟังเสียงฝีเท้าค่อยๆจางหายไป และหลังจากนั้นไม่นาน ก็เป็นเสียงที่เฉี่ยนอินดึงม่านลูกปัดขึ้น