ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 275 ฉียวี่จือหยอกล้อหยุนชาง
เฉียนหยินเดินเข้ามา มองไปรอบๆ และกล่าวว่า “แม่ทัพฉีผู้นี้น่าสนใจจริงๆ ถ้าคนอื่นได้ยินว่า พระชายามา เกรงว่พวกเขาที่จะรีบเก็บของล้ำค่าในจวนอย่างรวดเร็ว กลัวพระชายาจะฟ้องร้องพวกเขา แต่แม่ทัพฉีคนนี้ดูเหมือนจะไม่กลัว ดูโต๊ะและของประดับตกแต่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งมีค่า”
หยุนชางโค้งงอริมฝีปากของนาง “เจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าเขาไม่ได้เอาของที่มีค่าเก็บ เพียงแต่ว่าฉีหล่าง อยู่ที่นี่มานานจนไม่รู้ว่าอะไรควรเก็บและอะไรไม่ควรเก็บ เกรงว่า จะสับสนจึงเก็บของราคาแพงบางอย่าง ส่วนของที่ตั้งอยู่พวกนี้ สายตาของเขาเป็นเพียงของธรรมดา เขาเป็นผู้เอาชนะมาโดยตลอด และเขาก็ไม่เกรงกลัวที่จะทำให้ข้าขุ่นเคือง สิ่งนี้ทำให้เห็นว่า แม่ทัพฉีหล่าง ช่างสุขสบายมากจริงๆ”
เฉี่ยนอินทำเสียง “ชิชะ” ออกมา พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉีหล่างผู้นี้ไม่เคารพพระชายา เขาเรียกของนางสนมมายกน้ำชา ซึ่งมันช่างไม่มีพระชายาในสายตาจริงๆ”
หยุนชางยกมุมปากของนาง ไม่ได้พูดอะไร ผ่านไปสักพัก จึงกล่าวว่า “เดินทางมาเกือบสิบวัน ข้าเหนื่อยมาก จะพักสักครู่ หลังหนึ่งชั่วยามแล้วปลุกข้าด้วย”
เฉี่ยนอิพยักหน้า พยุงหยุนชางขึ้นนอนลง
เมื่อหยุนชางตื่นขึ้น เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ตกแล้ว หลังจากตื่นขึ้น นางรู้สึกว่ามึนศีรษะเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงพาเฉี่ยนอินไปด้วย เมื่อนางออกมาจากสวนชมดอกเบญจมาศ นางเห็นทะเลสาบเล็กๆในระยะไกล มีศาลาอยู่ข้างทะเลสาบ หยุนชางเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในศาลา ดังนั้นนางจึงเดินไปที่ศาลาพร้อมกับเฉี่ยนอิน และนั่งลง
มันเป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว และในตอนเย็นมีความเย็นเล็กน้อย และลมที่พัดมาจากทะเลสาบทำให้จิตใจของหยุนชางดีขึ้นมาก มีปลาคราฟที่สวยงามมากมายในทะเลสาบ หยุนชางนั่งบนม้านั่งยาวในศาลา พิงเสาและจ้องมองปลาในทะเลสาบ
“เฮ้ หญิงสาวนางนี้เป็นใคร แล้วอยู่ในจวนของข้าได้อย่างไร มองดูแผ่นหลังนาง ควรจะเป็นคนสวย…” เสียงแหบพร่าดังขึ้น และหยุนชางก็ขดริมฝีปากของนาง แต่ไม่มีรอยยิ้มใดๆในตัว ไม่ต้องมองหันหลัง เพียงแค่ได้ยินเสียงนี้ก็รู้ว่าคนๆนี้ต้องเป็นบุตรชายคนที่สามของจวน
“บังอาจ!” เฉี่ยนอินตวาดใส่
หยุนชางอดไม่ได้ที่จะโค้งมุมปาก คิดว่าเฉี่ยนอินที่ปกติจะดูเหมือนขี้เล่นอยู่เสมอ แต่ไม่คิดว่าเวลาจริงจังขึ้นมาก็เอาเรื่องอยู่
เมื่อฉียวี่จือได้ยิน เฉี่ยนอินตะโกนเช่นนี้ อารมณ์ของเขาก็ขึ้น “ฮ่าฮ่า ข้าบังอาจหรือ ทำไมเจ้าไม่ดูบ้างล่ะว่าที่นี่คือจวนของใคร?”
หยุนชางหันศีรษะ ตาของนางไม่มีกระแสมองไปที่ฉียวี่จือ ก่อนหน้านี้เคยเห็นแต่ลักษณะทั่วไปในโรงเตี้ยมมาก่อน แต่ตอนนี้ได้มองใกล้ขึ้น รูปร่างหน้าตาถือว่าดูดี แต่ตาของเขาเหลาะแหละ และร่างกายของเขาดูเหมือนจะลอยได้ใจเล็กน้อย เป็นบุคลิกนิสัยบุตรของคนมีฐานะเสียจริง
ฉียวี่จืออ้าปาก ต้องการที่จะพูดอะไร แต่ทันใดนั้นก็เห็นใบหน้าที่ไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปของหยุนชาง ถึงกับตกตกตะลึง จ้องมองที่หยุนชางจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ดวงตาของหยุนชางมองเห็นฉียวี่จือตั้งแต่หัวจรดเท้า และค่อยๆหันกลับ โดยไม่ออกเสียงใด
หลังจากนั้นไม่นานฉียวี่จือก็กลับมารู้สึกตัว และเสียงของเขาก็สั่นเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น “หญิงงามท่านนี้…มีนามว่าอะไรหรือ”
หยุนชางไม่พูดอะไร ได้ยินฉียวี่จือรีบพูดอีกครั้ง “ข้ามีนามว่าฉียวี่จือ เป็นลูกชายคนที่สามของจวนฉี หญิงงามกำลังดูปลาน้อยอยู่รึ ในจวนฉีของข้ามีอะไรให้ดูมากมายเลย ถ้าหญิงงามไม่รังเกียจก็ให้ข้าพาไปดูกับหญิงงามดีหรือไม่ ”
เสียงที่อ่อนโยนกับเสียงที่เผด็จการในเมื่อครู่เหมือนเป็นคนสองคน
หยุนชางคิดว่า บุคคลนี้แสร้งทำเป็นเก่งมาก
และได้ยินอีกว่า “ทำไมข้าไม่ได้ยินที่ท่านแม่พูดว่า วันนี้จะมีแขกที่เป็นหญิงงามมาที่จวน ถ้าข้ารู้เรื่องนี้ ข้าจะมารอที่จวนแต่เช้าแน่นอน”
หยุนชางเพิ่งตื่น ไม่ได้จะอารมณ์ดีเท่าไหร่นัก ไม่สามารถทนต่อคำพูดไม่หยุดของเขาได้ แล้วได้ยินเสียงฝีเท้า ดูเหมือนว่าฉียวี่จือกำลังเดินเข้ามาทางนี้
“นายหญิงกำลังดูปลาอยู่ ห้ามใครรบกวนได้” เสียงของเฉี่ยนอินดังขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่านางจะขัดขวางการเข้าใกล้ของฉี ยวี่จือ
หยุนชางหันไปมองและเห็นฉียวี่จือคว้ามือของเฉี่ยนอินด้วยท่าทางไม่พอใจ หยุนชางขมวดคิ้วและเอ่ยปาก “คุณชายสามฉี…”
ฉียวี่จือผงะ และรีบเงยหน้าดูและยิ้ม มองไปที่หยุนชาง “แน่นอน การเรียกข้าจากปากของหญิงงาม ทำให้ร่างกายของข้าระทวย”
“คุณชายสามเรียกพ่อบ้านมาได้หรือไม่” หยุนชางยังคงนิ่งและพูดต่อไป
ฉียวี่จือขมวดคิ้ว “เรียกพ่อบ้านทำไมรึ พอบ้านอายุสี่สิบห้าสิบปีแล้ว และเขาไม่หล่อดูดีเท่าข้า” แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น เขาก็ขอให้เด็กรับใช้ไปตามพ่อบ้านมา
ฉียวี่จือยิ้มให้หยุนชางอีกครั้ง “หญิงงามจะยินยอมให้ข้าดูปลาด้วยได้หรือไม่”
หยุนชางเกี่ยวริมฝีปากและส่ายหัว “ถ้าคุณชายสามชอบดูปลา ก็ไปที่ริมทะเลสาบ ดีกด้านดูเถอะ มองเห็นได้ชัดเจนกว่า”
ฉียวี่จืออารมณ์เริ่มไม่ดี เมื่อได้ยินการปฏิเสธของหยุนชางครั้งแล้วครั้งเล่า เขามองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่หยุดเขา และการแสดงออกของเขาค่อยนิ่งลง น้ำเสียงค่อยๆต่ำลง “ข้าอยากดูปลากับเจ้า เพราะข้าให้เกียรติเจ้า อย่าคิดว่าเพราะมีใบหน้าที่งดงามแล้วจะสามารถเพิกเฉยต่อข้าได้ ในเมื่อเข้ามาในประตูจวนฉีแล้ว ข้าฉียวี่จืออยากจะทำอะไรกับเจ้า เจ้าก็ควรยอมรับทำตาม การที่ข้าให้เกียรติเจ้า คือวาสนาของเจ้า อย่ามาทำตัวพูดด้วยดีๆไม่ยอมทำตาม แล้วต้องให้ใช้กำลังบังคับ”
หยุนชางมองดูร่างที่ค่อยๆเข้าใกล้อย่างเย็นชา ยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าเช่นนั้นคุณชายสามลองพูดกับพระชายาอย่างข้าดูสิ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าปฏิเสธคุณชายสาม?”
ฉียวี่จือหงุดหงิดและไม่สนใจ คำที่หญิงสาวตรงหน้าประกาศตัวเอง พูอย่างเย็นชาว่า “ถ้าทำตามข้า ข้านี้อาจจะยังสงสารเจ้า โปรดเจ้าบ้าง แต่ถ้าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี อย่ามาโทษว่าข้าคนนี้ไม่สุภาพกับเจ้า”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนชางเริ่มเผยมากขึ้นเรื่อยๆ “ไม่สุภาพ ไม่รู้ว่า คุณชายสามจะไม่สุภาพอย่างไรรึ?” ขณะที่เขาพูด สายตาของนางจับจ้องไปที่คนด้านหลังฉียวี่จือแล้ว
เมื่อฉียวี่จือได้ยินเยี่ยงนี้ เขาก็รู้สึกโกรธในใจมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงรีบพุ่งเข้าไปที่ศาลา “หญิงงาม ในวันนี้ ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ อะไรคือเมื่อเจ้ามีความสุขมาก บางสิ่งที่น่าเศร้าก็เกิดขึ้น”
“ลูกทรพี ยังไม่คุกเข่าลงไปขอพระชายาให้อภัย!” เสียงตะโกนโกรธดังขึ้น ฉียวี่จือก็ตกใจทันที หันกลับไปและเห็นพ่อของเขามองมาที่เขาอย่างโกรธเคือง
ก่อนที่ฉียวี่จือจะตอบโต้ เขาเห็นพ่อของเขาเดินขึ้นไปหาหญิงงาม และคุกเข่าลง “เป็นเพราะข้าน้อยสั่งสอนลูกไม่ดี หวังว่าพระชายาจะยกโทษให้ข้าน้อยด้วยขอรับ!”
“พระ… พระชายา?” การแสดงออกของฉียวี่จือตกตะลึง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปหลายครั้ง หันกลับมามองหญิงที่มีสีหน้าเย็นชา แล้วกลืนน้ำลาย
“คุกเข่าลง!” ฉีหล่างตะโกนอย่างโกรธจัด จ้องไปที่ฉียวี่จืออย่างเข้มงวด
ขาของฉียวี่จือออ่อนลงทั้งคู่ คุกเข่าลงกับพื้นทันที
หยุนชางกวาดตามองทั้งพ่อและลูก ก่อนนางจะพูดว่า “คิดว่าแม่ทัพฉีน่าจะยุ่งมาก จึงไม่มีเวลาแม้แต่จะอบรมสั่งสอนลูกชายของท่านเอง”
แผ่นหลังของฉีหล่างเหยียดตรง “บุตรชาย กระทำผิดต่อพระชายา เป็นสิ่งที่ไม่ควรได้รับการให้อภัยได้”
หยุนชางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นพ่อบ้านของตระกูลฉีกำลังวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ เห็นฉีหล่างและฉียวี่จือคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหยุนชาง เขาก็หยุดชั่วคราว โค้งตัวเล็กน้อยแล้วยืนอยู่ข้างๆ
หยุนชางขดปากของนางและมองไปที่พ่อบ้านของตระกูลฉี “พ่อบ้านรีบร้อนเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้นกับจวนฉีหรือไม่”
พ่อบ้านของจวนฉีรีบกล่าวว่า “เรียนพระชายามี มิได้เกิดเรื่องอันใด เพียงแค่มีแขกมาเยี่ยมเท่านั้นขอรับ”
“อ๋อ? หยุนชางตอบอย่างแผ่วเบา และดวงตาของนางจ้องไปที่ทั้งสองคนต่อหน้านางอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “วันนี้ ข้าเพิ่งตื่นมา แต่ข้าได้ยินองครักษ์ลับรายงานเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง โดยบอกว่า วันนี้ในโรงเตี้ยมซินเค่อไหล มีเรื่องที่น่าสนใจมากเกิดขึ้น…”
เสียงของหยุนชางสงบนิ่ง แต่จากหางตาของนางเห็นร่างของพ่อบ้านสั่นเล็กน้อย
หยุนชางกล่าวต่อ “ข้าต้องการถามแม่ทัพฉี ถ้าในเมืองคังหยาง หากมีการต่อสู้กันโดยพลการ ฝ่ายตรงข้ามได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยไม่มีเหตุผล พวกเขาควรถูกลงโทษอย่างไร?”