ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 278 การประลองฝีมือในงานเลี้ยง
มีเสียงหัวเราะดังมาพร้อมความดูถูกเล็กน้อย หยุนชางทำเมินราวกับว่าไม่ได้ยิน นางเล่นกับแก้วสุราที่สวยงามในมือ ดวงตาของนางค่อย ๆ มองจ้องไปบนเวที
เมื่อฉีหล่างเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาครุ่นคิดจากนั้นจึงประสานมือยกขึ้นไปทางหยุนชาง “องค์หญิงชอบละครเรื่องนี้หรือไม่ขอรับ?”
หยุนชางรู้สึกเพียงว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่ตน จากนั้นนางจึงผมยิ้ม และกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่งว่า “หากนางเอกงิ้วคนนี้แสดงเป็นฮวาตั้น (ตัวละครงิ้วสาวที่แสดงออกทางมารยาของหญิงวัยสาว) เล่นละครจำพวกเน้นความสวยงามคงจะโดดเด่นยิ่งกว่า แต่นางไม่เหมาะกับการเล่นเป็นเตาหม่าตั้น (ตัวละครงิ้วที่มีบทบาทแม่ทัพหญิง) เตาหม่าตั้นควรจะมีความแข็งแกร่งและความน่าเกรงขามมากกว่านี้”
“แม่ทัพไม่ควรเป็นตำแหน่งสำหรับแม่หญิงอยู่แล้ว และในสนามรบนี้ไม่ใช่สถานที่ที่หญิงสาวควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว” มีเสียงจากด้านล่างดังขึ้นเล็กน้อย เพราะทุกคนกำลังให้ความสนใจกับคำพูดของหยุนชาง ฉะนั้นบรรยากาศของงานนั้นค่อนข้างเงียบอยู่แล้ว เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ก็ดังก้องราวกับเสียงฟ้าร้อง
สีหน้าของฉีหล่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เหลวไหล!”
หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและมองไปที่คนที่พูดคำพูดเหล่านี้ ชายผู้นั้นอายุราวๆสามสิบกว่าปี เขามีหนวดเครา และดูเหมือนจะเป็นแม่ทัพที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของฉีหล่าง ” สิ่งที่แม่ทัพฉีพูดนั้นถูกต้องอย่างมาก ชายผู้นี้เหลวไหลเสียจริง ไม่เพียงแต่เหลวไหลเท่านั้น หากข้าฟ้องเจ้าในข้อหาดูหมิ่นพระราชนิกุล เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่สมควรอย่างมาก!”
ชายคนนั้นกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ ” แต่ว่าข้าขอกล่าวในส่วนความคิดเห็นของข้าแล้วกัน สมกับที่เป็นพระชายาเสียจริงขอรับ เย่อหยิ่งเสียจริง”
“ประโยคที่เจ้าเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่นี้ มิได้ดูหมิ่นข้าหรอก แต่เป็นการดูหมิ่นพระราชินีผู้ก่อตั้งของแคว้นหนิง!” ดวงตาของหยุนชางค่อย ๆ เย็นชาลง ถือโอกาสที่ทุกคนกำลังเหม่อลอย นางกล่าวต่ออีกว่า “หลังจากพระราชินีเซียวผู้ก่อตั้งแคว้นหนิงราชาสมรสกับจักรพรรดิผู้ก่อตั้งแคว้นไปไม่นาน ท่านก็ออกรบพร้อมจักรพรรดิผู้ก่อตั้งแคว้นตลอด อีกทั้งมีชัยชนะมากมายที่เกิดขึ้นภายใต้คำสั่งของพระราชินีเซียวเพียงผู้เดียว จักรพรรดิผู้ก่อตั้งแคว้นหนิงเคยกล่าวไว้ว่า อาณาจักรของแคว้นหนิง มีครึ่งหนึ่งเป็นผลงานของพระราชินีเซียว เมื่อสักครู่นี้เจ้ากล่าวว่า ตำแหน่งแม่ทัพนี้มิใช่ตำแหน่งที่แม่หญิงควรรับ แต่พระราชินีเซียวได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพฉีหมิ่น เจ้าบอกว่าสนามรบไม่ใช่สถานที่สำหรับหญิงสาว แต่ทั้งชีวิตของพระราชินีเซียวนั้นมีเวลากว่าสิบปีที่อยู่ในสนามรบ แม้แต่ในขณะที่ตั้งครรภ์ท่านก็เลยลงสนามรบมาแล้ว เจ้าคิดว่า เจ้ากำลังดูหมิ่นพระราชินีเซียวอยู่หรือไม่?”
สีหน้าของชายผู้นั้นแย่ลงอย่างมาก ดูผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดว่า ” หรือว่า พระชายาเอาตัวเองเทียบดั่งพระราชินีเซียวหรือ?”
หยุนชางหัวเราะ “หึหึ” นางเหลือบมองชายคนนั้นอย่างเฉยชา จึงกล่าวเบา ๆว่า ” พระราชินีเซียวนั้นเป็นแบบอย่างของหญิงสาวในแคว้นหนิง หรือว่าเจ้าคิดว่าไม่ใช่?”
นี่เป็นคำถามที่ไม่ว่าจะตอบอย่างไรก็มีความผิด ดูเหมือนชายผู้นั้นทราบเรื่องนี้เช่นกัน เขาจึงกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ว่า “ปากหวานก้นเปรี้ยว”
หยุนชางยิ้มและหันไปมองกลุ่มคนที่อยู่ข้างล่าง สายตาของนางค่อยๆ เย็นชาลง “ข้าทราบดี ว่าหลายท่านที่อยู่ในงานนี้ดูถูกข้าอย่างมาก รู้สึกว่าข้าเป็นเพียงหญิงสาวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่กลับอาศัยตำแหน่งของตน แล้วมาสร้างความวุ่นวายที่นี่ และคงคิดกันว่า เดิมทีเมืองคังหยางนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่ข้าดันจะมาวุ่นวายที่นี่ ใช่ ข้าเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ข้ามิได้คิดว่าหญิงสาวสู้ชายหนุ่มอย่างพวกเจ้าไม่ได้”
เมื่อเห็นว่าผู้ชายส่วนใหญ่ที่อยู่ด้านล่างนั้นแสดงท่าทีเมินเฉยไม่พอใจนัก หยุนชางจึงยิ้มและชี้ไปที่เฉี่ยนอินที่อยู่ข้างๆ ตน “เรื่องอื่นไกลเราไม่พูดถึง ชายหนุ่มอย่างพวกเจ้ามีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม และแข็งแกร่งกว่าผู้หญิง เช่นนั้นนี้แล้วกัน พวกเจ้าสามารถส่งใครก็ได้ขึ้นมาประลองฝีมือกับสาวใช้อายุสิบห้าที่เปราะบางและดูอ่อนแอที่ยืนอยู่ข้างข้า หากว่าเอาชนะนางได้ ข้าจะไม่พูดกระไรสักอย่าง และจะเก็บข้าวของออกไปจากที่นี่ทันที แต่หากพวกเจ้าแพ้ขึ้นมา วันนี้พวกเจ้าก็ต้องยืนขึ้นและคารวะต่อข้าและสาวใช้คนนี้ด้วยความเคารพอย่างสูง และกล่าวคำว่า ข้าผิดไปแล้ว พวกเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรหรือ?”
หยุนชางมองดูสีหน้าของผู้คนที่อยู่ด้านล่าง และเห็นว่าพวกเขากระตือรือร้นอยากที่จะแข่ง นางจึงยิ้มและยกแก้วสุราขึ้นจิบไปหนึ่งคำ พร้อมนั่งรออย่างเงียบๆ
“ข้าเอง” ชายหนวดเคราคนก่อนหน้านี้ยืนขึ้น “ให้ข้าได้ประลองฝีมือกับแม่หญิงที่อยู่ข้างๆพระชายาแล้วกัน”
มือของหยุนชางชะงัก นางอมยิ้ม ” แน่นอนว่าได้ แต่ว่าข้าต้องพูดให้ชัดเจนก่อนว่า การประลองฝีมือนั้นมีเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่เลือกคนที่มีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่พวกคุณ?”
สีหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนไป เขาระงับความโกรธไว้ “ข้าไม่อาจถือได้ว่าเป็นสุดยอดนักศิลปะการต่อสู้ ข้าแค่มองดูหญิงสาวอายุน้อยคนนี้ที่ซึ่งยังงดงามอยู่ จึงใจดีอยากจะให้นางได้เปรียบ…”
“เช่นนั้นหรือ? หากคนอื่นๆไม่มีความคิดเห็นใดๆ ข้าเองก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆเช่นกัน ข้าเพียงแค่เตือนด้วยความหวังดีเท่านั้น” หยุนชางพูดพร้อมหันไปมองเฉี่ยนอินและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เฉี่ยนอิน ลงมือด้วยความปรานี อย่าได้ก่อให้เกิดเรื่องที่ถึงแก่ชีวิตขึ้นมา”
เฉี่ยนอินหัวเราะเบา ๆ “พระชายาทรงวางใจได้เพคะ หม่อมฉันทราบดีเพคะ เพียงแต่ว่าด้านล่างนี้เต็มไปที่โต๊ะและเก้าอี้ ไม่สะดวกในการเคลื่อนไหวนัก ให้นักแสดงบนเวทีถอยออกไปเถิด หม่อมฉันคิดว่านักแสดงนี้แสดงไม่ดีเท่าไหร่ เสียดายบทละครดีๆเช่นนี้อย่างมากเพคะ”
หยุนชางพยักหน้า “ถอยออกไปเถิด”
นักแสดงก้าวถอยหลัง เฉี่ยนอินเก็บรอยยิ้มกลับไป กระโดดและไปถึงเวทีฝั่งตรงข้ามในทันที เมื่อชายหนวดยาวเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ “สวยแต่ท่า ไม่มีประโยชน์หรอก” จากนั้นจึงเดินไปที่ขอบเวทีแล้วกระโดดขึ้นไป
หยุนชางเห็นชายผู้นั้นมีแขนที่แข็งแรง ซึ่งคงจะทรงพลังอย่างยิ่ง และส่วนขาการยึดตัวนั้นค่อนข้างมั่นคง แต่การลงฝีเท้าของเขาค่อนข้างหนักและหายใจไม่เป็นระเบียบ เขาคงจะมีเพียงกำลัง จึงมิได้เป็นปัญหาสำหรับเฉี่ยนอินมากนัก จากนั้นนางจึงก้มลงมองไปที่แก้วในมือและเริ่มเล่นมันขึ้นมา
เป็นไปอย่างที่คิด เวลาผ่านไปไม่นาน ชายหนวดนั้นก็ได้พ่ายแพ้ เขาถูกเฉี่ยนอินเตะลงจากเวที
เฉี่ยนอินยิ้มและกระโดดกลับไปหาหยุนชาง และคำนับด้วยความภาคภูมิใจที่ฉายออกมาในแววตาของนาง “เฉี่ยนอินทำภารกิจที่ท่านมอบให้สำเร็จ มิได้ทำให้ท่านผิดหวังเพคะ”
หยุนชางพยักหน้า “กลับไปจะมีรางวัลใหญ่” หลังจากพูดจบ นางก็หยุดมองที่ใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ของเฉี่ยนอิน แล้วหันไปมองผู้คนด้านล่างที่สีหน้าขาวซีดเล็กน้อย “เป็นอย่างไรบ้างหรือ ยอมรับในความพ่ายแพ้นี้อย่างเต็มใจหรือไม่?”
“แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวผู้นั้นมีฝีมือศิลปะการต่อสู้ระดับปรมาจารย์ นี่มันไม่ยุติธรรม” มีคนพูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง ทันใดนั้นหลายคนก็เห็นด้วยกับเขา
หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา “ยุติธรรมหรือ? พวกเจ้ารู้สึกว่าตนมีแรงเยอะ และรู้สึกว่าแข็งแกร่งกว่าผู้หญิง แต่เมื่อเจ้าพ่ายแพ้ขึ้นมา กลับโทษถึงความไม่ยุติธรรม เมื่อสักครู่นั้นข้าได้กล่าวแล้วว่า ให้พวกเจ้าหาคนที่เก่งที่สุด แต่พวกเจ้าไม่ยอม เช่นนี้เป็นความผิดข้าหรือ? แต่พวกเจ้าไม่สามารถเอาชนะสาวใช้ตัวน้อยได้ นี่คือความจริง เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงไม่ได้อ่อนแอไร้ความสามารถอย่างที่พวกเจ้าคิด ผู้หญิงก็สามารถมีศิลปะการป้องกันตัวที่สูงได้เช่นกัน และสามารถรู้ดีด้านการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์มากกว่าพวกเจ้าอีกต่างหาก”
“พระชายากล่าวว่าผู้หญิงอาจมีทักษะการต่อสู้ที่ดีกว่าผู้ชาย หม่อมฉันเชื่อขอรับ แต่หากบอกว่าผู้หญิงรู้เรื่องการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์มากกว่าพวกเรา เช่นนั้นหม่อมฉันไม่เชื่ออย่างแน่นอนขอรับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางก็ทราบว่าเขานั้นหลงกลตนแล้ว จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาว่า “หากเป็นเช่นนั้น เจ้าอยากจะประลองฝีมือหรือ? สาวใช้คนนี้ของข้าสามารถแข่งขันกับเจ้าได้เช่นเดิม”
“ได้ หม่อมฉันจะถามคำถามสามข้อ หากหญิงสาวผู้นั้นสามารถตอบมาได้ หม่อมฉันจะยอมแพ้ขอรับ” ชายคนนั้นยืนขึ้นหยุนชางจึงเห็นว่าเขาเป็นชายสวมชุดสีกรมท่า ไม่หยาบคายเหมือนเหล่านักรบ แต่กลับดูมีบุคลิกที่อ่อนโยน ราวกับอาจารย์ทางการทหาร
หยุนชางมองไปที่เฉี่ยนอิน เฉี่ยนอินยิ้มเล็กน้อย “พระชายาได้สอนหม่อมฉันเรื่องกลยุทธ์ทางการทหารมาสักพักแล้ว พระชายาวางใจได้เพคะ หม่อมฉันจะไม่ทำให้พระชายาอับอายอย่างแน่นอนเพคะ”
หยุนชางพยักหน้า “ท่านแม่ทัพเชิญทางนี้”
ชายผู้นั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงจะกล่าวว่า “เมื่อสิบปีก่อน แคว้นเย้หลางโจมตีเมืองซีหยวนของแคว้นหนิง ด้วยกำลังทหารแปดแสนนาย แคว้นหนิงมีทหารเพียงสามแสนนายที่ปกป้องเมือง สุดท้ายแคว้นเย้หลางกลับก็พ่ายแพ้อย่างน่าสมเพช และแคว้นหนิงนั้นมิได้เสียงกำลังทหารไปแม้แต่นายเดียว เพราะเหตุใดหรือ?”
เฉี่ยนอินยิ้มเบา ๆ “กลยุทธ์แห่งการสู้รบกล่าวไว้ว่า กลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับการใช้กองกำลังคือการคิดแผนต่อต้านกลยุทธ์ของศัตรู และกลยุทธ์ที่แย่ที่สุดสำหรับการใช้กองกำลังคือการโจมตีเมือง และตอนนั้นจิ้งอ๋องเป็นคนนำทัพกองทหารแคว้นหนิง ฉะนั้นท่านจึงใช้แผนต่อต้านกลยุทธ์เป็นปกติ ใช้สิ่งที่ดีที่สุดรับมือกับสิ่งที่แย่ที่สุด ใครจะชนะหรือแพ้ย่อมเป็นไปตามเงื่อนไขธรรมชาตินี้”
ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง มองไปที่แววตาของเฉี่ยนอินอย่างระมัดระวัง ” กลยุทธ์แห่งการสู้รบได้กล่าวไว้ว่า สู้รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง มิได้ถือเป็นการรบที่ดี ฉะนั้นการรบที่ดีควรเป็นเช่นไรหรือ?”
“ทำให้ศัตรูยอมแพ้โดยมิต้องทำสงคราม” เฉี่ยนอินตอบโดยไม่ลังเล