ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 285 จิ้งอ๋องหึงเสียแล้ว
หลังจากเหตุการณ์การบุกโจมตียามดึกในวันนั้น ค่ายทหารแคว้นเซี่ย ก็ผลัดเปลี่ยนเวรยามมิขาดช่วง
หยุนชางได้รับเชิญจากฉีหล่างให้ไปร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการศึก ทำให้นางเข้าใจสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น ฉีหล่างมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นแม่ทัพอยู่ 5 คน ลูกน้องระดับล่างลงไปอีกก็มีเป็นหลักร้อย แม่ทัพเหล่านี้เมื่อได้ร่วมงานกับหยุนชาง ก็ยิ่งนับถือและชื่นชมหยุนชางมากขึ้นเรื่อยๆ
ในค่ายของเราตอนนี้ ตามความคิดเห็นของทุกท่าน ข้างนอกไม่เคร่งแต่ข้างในเข้มข้น วิธีการนี้จะเป็นแผนล่อลวงทหารแคว้นเซี่ยได้เป็นอย่างดี” ผู้ที่พูดประโยคนี้กับหยุนชาง ก็คือแม่ทัพหวังชง ผู้ซึ่งเริ่มสนิทสนมคุ้นเคยกับหยุนชางมากกว่าเมื่อก่อน
หยุนชางพยักหน้า สายตาของนางจ้องมองไปยังแผนที่ที่อยู่ตรงหน้า
“ในวันนี้ ข้าน้อยได้หารือกับแม่ทัพหลิวหัว เซี่ยโหเหยียน องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเซี่ยนั่นไม่รู้ว่าจะเลือกใช้แผนการไหนมาตอบโต้” หวังชงเห็นหยุนชางมองไปที่แผนที่ ก็เอ่ยพลางยิ้ม
หลิวหัวได้ยินก็ยิ้ม “แม่ทัพหวังคาดเดาจากเนินเขาหลิวหยุน ส่วนข้าคาดเดาจากระยะทางชุนเฟิง ใครแพ้จะต้องเลี้ยงอาหารผู้ชนะที่หอยวี่หมั่นในเมืองหลวง พวกท่านจะมาร่วมด้วยหรือไม่ ฮาๆ แม่ทัพหวังเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเศรษฐีประจำกองทัพ เห็นทีครานี้ ท่านอาจจะต้องเสียค่าอาหารมากหน่อยแล้วนะ”
หวังชงได้ฟัง ก็จ้องมองหลิวหัว “แพ้ชนะยังตัดสินกันไม่ได้ ไม่รู้ว่าผู้ที่จะต้องเลี้ยงอาหารจะเป็นผู้ใดกันแน่”
หยุนชางฟังพวกเขาพูดคุยกันแล้วยิ้ม รอจนพวกเขาเงียบลงแล้วจึงเอ่ยว่า “ส่วนข้าคาดเดาจากหุบเขาชิงเฟิง”
ทุกคนในกระโจมนิ่งไปสักพัก พวกเขามองมาที่หยุนชาง แม้แต่ฉีหล่างก็จ้องมองมาที่นาง สักพักจึงเอ่ยว่า “เหตุใดใต้เท้าจึงเลือกหุบเขาชิงเฟิงล่ะขอรับ?”
หยุนชางยิ้ม “นั่นก็เพราะ ไม่มีใครเลือกหุบเขาชิงเฟิง หากข้าชนะแล้ว พวกท่านทั้งสองคน จะได้เลี้ยงข้าวข้าคนละมื้อ แบบนี้จึงจะคุ้มค่ามากกว่า อีกอย่าง อย่างที่ข้าเคยบอกไว้ เซี่ยโหเหยียนชอบทำการศึกแบบคิดต่าง หากข้าเป็นเซี่ยโหเหยียนหรือหลิ่วหยินเฟิง ก็คงจะเลือกสิ่งที่คนทั่วๆไปไม่เลือก หุบเขาชิงเฟิงแม้จะอันตราย แต่ก็มีป่าทึบปกคลุม เอื้อประโยชน์ต่อการพลางตัว”
ฉีหล่างพยักหน้า “ใต้เท้าพูดได้ดีมาก แต่ว่าไม่ว่าท้ายที่สุดทหารแคว้นเซี่ยจะตัดสินใจเลือกเส้นทางไหน ข้าน้อยก็ได้เตรียมการพร้อมรับเอาไว้แล้ว”
หยุนชางยิ้ม “ท่านแม่ทัพช่างหัวรุนแรงเสียจริง”
เมื่อกลับมาถึงจวนฉี หยุนชางก็ได้รับจดหมาย 1 ฉบับ เฉี่ยนอินบอกว่าสายลับถือจดหมายนี้เดินทางมาไม่ได้หลับไม่ได้นอน คงจะมีเหตุด่วนเกิดขึ้นกับท่านอ๋อง
เมื่อหยุนชางได้ฟัง ก็รีบสั่งให้แกะจดหมาย นางเห็นว่าด้านในเป็นกระดาษยับๆใบหนึ่ง มีข้อความปรากฏไม่กี่คำว่า “ได้ยินว่าเจ้าจะรับชายงามคนสนิทคนใหม่ สุขล้นดวงใจยิ่งนัก!”
นอกจากนี้ก็ไม่มีข้อความอื่นแล้ว หยุนชางไม่เข้าใจ นี่น่ะหรือคือจดหมายที่เขาสั่งคนให้รีบนำมาส่ง?
นางกังวลเป็นอย่างมาก พลันถือกระดาษทุบลงไปบนโต๊ะ เฉี่ยนอินเห็นสีหน้าของหยุนชางดังนั้นก็ประหลาดใจ “เกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้นหรือเพคะ?” นางถามพลางสอดส่องสายตาไปดูข้อความในจดหมาย นางถึงกับหัวเราะ
“พระชายาเพคะ ดูเหมือนท่านอ๋องจะทรงหึงขึ้นมาแล้วนะเพคะ ฮ่าๆๆๆ……” เฉี่ยนอินพูดจบก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “นานๆครั้งท่านอ๋องจึงจะกริ้วพระชายาเช่นนี้ หม่อมฉันพอจะนึกท่าทางของท่านอ๋องได้ ดูกระดาษที่ยับยู่ยี่ในมือสิเพคะ ในขณะที่ท่านอ๋องเขียนจดหมาย ก็คงจะกริ้วจนขยำกระดาษไปก่อนหน้านี้ ดูข้อความเหล่านี้สิเพคะ ช่างเสียดสีเสียเหลือเกิน ท่านอ๋องคงจะกัดฟันทนเขียนข้อความพวกนี้นะเพคะ”
หยุนชางหันมามองเฉี่ยนอิน นางกัดฟันแล้วเงื้อมือขึ้นมาอยากจะตีเฉี่ยนอิน “ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจ้าจะเข้าใจท่านอ๋องได้ดีเช่นนี้ เห็นแค่เพียงกระดาษ แต่กลับรู้อะไรอีกตั้งมากมาย! พูดมาให้หมด เจ้าแพร่งพรายความเคลื่อนไหวของข้าออกไปใช่หรือไม่ วันนั้นที่เจ้าไปพบฉีอวี้เฟิงน่ะ!”
เฉี่ยนอินรีบหลบเงื้อมือของหยุนชาง “พระชายาทรงมองสถานการณ์รอบคอบเสียจริง ผู้ที่ติดตามหม่อมฉันไปในวันนั้นเป็นสาวใช้ที่คอยช่วยถือของเพคะ แต่ไม่แน่ใจว่าหนึ่งในนั้นจะมีคนของจิ้งอ๋องแฝงกายมาหรือไม่ พระชายาอย่าทรงปรักปรำหม่อมฉันเลยนะเพคะ หม่อมฉันจงรักภักดีต่อพระองค์ ฟ้าดินเป็นพยานได้นะเพคะ”
หยุนชางสะบัดเสียง สั่งให้เฉี่ยนอินถอยออกไปข้างนอก แล้วนางก็มานั่งที่เก้าอี้ นำกระดาษนั่นขยำจนเป็นทรงกลม แล้วพูดอย่างประชดประชัน “เอาสิ ลองดูสิ หม่อมฉันจะรับชายงามคนสนิทให้ดูจริงๆเลย หม่อมฉันเป็นถึงเจ้าหญิง เจ้าหญิงเลยนะเพคะ จะมีชายงามคนสนิทสักคนจะเป็นไรไป? เป็นไรไปหรือเพคะ!”
เมื่อบ่นเสร็จก็คลี่กระดาษออกแล้วนำไปสอดไว้ในหนังสือที่นางชอบอ่าน นางแอบยิ้มออกมาเล็กน้อย ในใจแอบคิดถึงคำพูดของเฉี่ยนอินที่ว่า “ดูเหมือนท่านอ๋องจะทรงหึงขึ้นมาแล้วนะเพคะ……”
หึงหรือ? หยุนชางเปิดหนังสือ แต่ก็อดคิดถึงคำถามนี้ไม่ได้ นางกับจิ้งอ๋องนับตั้งแต่อภิเษกกันมา ก็ให้ความเคารพเชื่อใจกันมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องให้ต้องบาดหมางกันมาก่อน การอภิเษกครั้งนี้มีจุดประสงค์หลายข้อ ทว่า นางไม่เคยคาดหวังสิ่งใดให้วุ่นวายเลย แต่ว่าลึกๆในใจก็เหมือนกำลังเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างอยู่เสมอ ซึ่งนางเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการสิ่งใดกันแน่ รู้แต่เพียงว่า สิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับจิ้งอ๋อง
คงจะต้องการให้ตนเองและจิ้งอ๋อง ได้ครองคู่กันอย่างราบรื่นสงบสุข
แล้วหยุนชางก็ถูกดึงความสนใจไปยุ่งอยู่กับการคิดเรื่องข่าวที่มาจากแคว้นเย้หลาง “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงหัวจิ้งได้ขึ้นเป็นคนโปรดขององค์ชายใหญ่แห่งแคว้นเย้หลางแล้ว นางได้รับการเอาอกเอาใจเป็นอย่างดี และเหมือนจะได้ยินว่านางได้ทรงครรภ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายใหญ่แห่งแคว้นเย้หลางยอมทำทุกอย่างเพื่อองค์หญิงหัวจิ้ง แม้กระทั่งกดดันพระชายาของตนเอง ทำให้ผู้ที่สนับสนุนองค์ชายใหญ่รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”
หยุนชางสะดุ้ง หัวจิ้ง……ชื่อนี้ นางไม่ได้ยินคนเอ่ยถึงมานานมากแล้วจนนางเองเกือบจะลืมผู้หญิงคนนี้ไปเสียสิ้น แต่ว่า หัวจิ้งมิใช่มีความสัมพันธ์กับชางเจียชิงซูหรอกหรือ เหตุใดจึงถูกชางเจียชิงซูพาไปแคว้นแย้หลางแล้วกลายเป็นคนโปรดขององค์ชายใหญ่ไปได้เสียล่ะ?
“หัวจิ้งกลายเป็นคนโปรดขององค์ชายใหญ่งั้นหรือ” หยุนชางหรี่ตา สายตานางกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
สายลับตอบว่า “เมื่อองค์หญิงหัวจิ้งไปถึงแคว้นเย้หลาง ได้ถูกองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางนำตัวไปไว้ ณ ที่แห่งหนึ่ง เกิดการลอบทำร้ายนางขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครานี้นางได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชายใหญ่ องค์หญิงหัวจิ้งหาได้ปิดบังฐานันดรศักดิ์ที่แท้จริงของนางไม่ นางบอกว่านางมาตามหาสวามีของนาง แต่กลับถูกองค์ชายใหญ่พาเข้าไปในจวน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็ได้ขึ้นเป็นคนโปรดของเขาเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หยุนชางรู้ว่าหัวจิ้งนั้นยั่วยวนผู้ชายเป็น แต่ก็ไม่นึกว่า นางจะยั่วยวนแม้กระทั่งองค์ชายใหญ่แห่งแคว้นเย้หลาง หยุนชางนับถือความกล้าของนางมาก หยุนชางถามต่อ “องค์ชายใหญ่แห่งแคว้นเย้หลางได้ส่งคนมาสืบประวัติของหัวจิ้งด้วยหรือไม่?”
“สืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์หญิงหัวจิ้งมีฐานันดรศักดิ์เป็นองค์หญิงคอยค้ำชูอยู่ แถมนางยังมีรูปโฉมงดงาม องค์ชายใหญ่จึงพอพระทัยนางเป็นอย่างมาก”
หยุนชางก้มหน้าพลิกหนังสือไปพลางๆ เนื่องจากถูกเรื่องของหัวจิ้งเข้ามารกอยู่ในสมอง นางจึงลืมนึกถึงเรื่องอื่น
แต่จะว่าไป องค์หญิงแห่งแคว้นแคว้นหนึ่ง ยอมลดตัวไปเป็นนางบำเรอให้กับองค์ชายแห่งแคว้นศัตรู ช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี
หยุนชางถอนหายใจ นางกังวลว่าหากเสด็จพ่อทรงทราบข่าวนี้ คงจะตกพระทัยและกริ้วมากเป็นแน่
แต่ก็น่าเสียดาย ตอนนี้นางอยู่ที่เมืองคังหยาง แม้จะอยากคร่าชีวิตของหัวจิ้งมากเพียงใด ก็ทำได้เพียงอดทนต่อไปเท่านั้น มือของหยุนชางพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ นางคิดอะไรบางอย่างออก นางพยักหน้าแล้วสั่งการ “ส่งคนไปสอดแนมที่จวนขององค์ชายใหญ่”
สายลับรับคำแล้วถามหยุนชาง “พระชายา พระครรภ์ที่องค์หญิงหัวจิ้งทรงอุ้มอยู่นั้น เหมือนนางจะใช้ยาในการช่วยให้ตั้งครรภ์ หม่อมฉันให้สายลับที่มีความรู้เรื่องยาปลอมตัวเป็นหมอไปสืบดูแล้ว เด็กในครรภ์คนนี้ พระชายาต้องการที่จะ……ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
หยุนชางหรี่ตาครุ่นคิด นางแสยะยิ้มออกมา “คงไม่ต้องถึงมือพวกเราหรอก ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ผู้หญิงในจวนก็พร้อมที่จะแก่งแย่งชิงดีกันจนเป็นเรื่องใหญ่ได้เสมอ ต้องปล่อยให้หัวจิ้งได้ใช้ความสามารถของนางในการปกป้องลูกของนางแล้วล่ะ หากว่าคลอดออกมาได้ ถึงตอนนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที……”