ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 288 หยุนชางถูกหลิ่วหยินเฟิงพาตัวไป
หยุนชางไม่ได้กังวลว่าพวกฉีหล่างจะไม่รู้ว่านางถูกหลิ่วหยินเฟิงนำตัวมา สายลับที่อยู่ข้างกายนางมาตลอดก่อนหน้านี้ก็คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวของนางดี เมื่อมาถึงที่นี่หยุนชางก็พบว่าแม้ที่นี่จะเป็นจวนเล็กๆ แต่รอบด้านก็มีค่ายกลโบราณวางไว้รอบ หยุนชางกลัวว่าหากสายลับตามนางมาจะกลับทำให้นางตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นนางจึงให้สายลับคอยอารักขาอยู่ห่างๆ
ตอนนี้นางเพียงต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น หากนางพลาด นางก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่านางจะมีชีวิตรอดกลับไปได้
อย่างไรก็ตาม ฉีหล่างคงได้รับข่าวแล้วว่านางพบหลิ่วหยินเฟิงที่หุบเขาชิงเฟิงและควรจะฉุกใจคิดได้ว่าหลิ่วหยินเฟิงจะบุกเข้ามาจากหุบเขาชิงเฟิง
หยุนชางลูบขลุ่ยหยกเล็กๆ ในแขนเสื้อและรู้สึกเบาใจเล็กน้อย หากมีอะไรเกิดขึ้น อย่างไรก็มีเวลาที่จะเคลื่อนพลหนุน
เพียงแต่หยุนชางคิดไม่ถึงว่าเมื่อตื่นขึ้นจะเห็นพ่อบ้านหลิ่วเดินมาหาพร้อมกับชุดสีฟ้าอ่อนและท่าทีของเขาก็นอบน้อมมาก “คุณชายเซียวเดินทางมาทั้งวันเกรงว่าจะเหนื่อยแล้ว นายท่านกำชับให้ข้านำเสื้อผ้าชุดนี้มาให้และให้คุณชายเซียวมอบข้าวของที่นำติดตัวมาให้ข้าเก็บไว้”
หยุนชางหน้ากระตุก นางหันศีรษะไปมองเฉี่ยนอินและได้ยินพ่อบ้านหลิ่วพูดขึ้นอีกว่า “คุณชายเซียว เสื้อผ้าของข้ารับใช้ผู้นี้อีกครู่ข้าจะนำมาให้ ข้าได้ตระเตรียมน้ำไว้แล้ว เชิญคุณชายอาบน้ำเถิด”
หยุนชางพยักหน้าและเดินตามพ่อบ้านหลิ่วเข้าไปในห้องน้ำ เฉี่ยนอินตามหยุนชางไปติดๆ แล้วเอ่ยว่า “ให้ข้าปรนนิบัติคุณชายก็พอแล้ว”
พ่อบ้านหลิ่วไม่ได้ขัดขวาง เขาเพียงวางเสื้อผ้าของหยุนชางไว้ข้างๆ แล้วค้อมตัวลงเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ข้าหวังว่าคุณชายเซียวจะมอบเสื้อผ้าและของที่นำติดตัวมาให้ข้า คุณชายวางใจเถิดขอรับ ข้าจะเก็บรักษาอย่างดี”
หยุนชางถอนหายใจและกล่าวอย่างเรียบเฉย “ตอนนี้เมื่ออยู่ที่นี่แล้ว ยังจะมีสิทธิ์พูดอะไรได้อีก เพียงได้แต่ต้องทำตามเท่านั้น”
พ่อบ้านหลิ่วจึงออกไปอย่างช้าๆ เฉี่ยนอินพูดอย่างโกรธเคือง “คุณชายเติบโตมาจนป่านนี้ยังไม่เคยได้รับการดูถูกเช่นนี้เลย คุณชายท่านนั้นจะเกินไปแล้ว คุณชาย พวกเราไปฟ้องทางการกันเถอะ”
หยุนชางรู้ว่านางกำลังพูดให้พ่อบ้านหลิ่วที่ยังออกไปไม่พ้นประตูฟัง “ไม่รู้ว่าคุณชายคนนั้นเป็นผู้ใดกัน เจ้าเสียมารยาทเช่นนี้ หากทำให้เขาขุ่นเคืองเข้าจะทำอย่างไร? ไม่เป็นไรหรอก ให้ก็ให้ไปเถอะ รักษาชีวิตไว้สำคัญกว่า แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะยอมปล่อยข้ากลับบ้าน ท่านแม่…”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา
สิ่งที่หยุนชางคิดในใจก็คือจากชายแดนถึงสถานที่ที่จิ้งอ๋องอยู่นั้น เวลาที่เร็วที่สุดในการส่งข่าวก็คือไปกลับเจ็ดวัน หากหลิ่วหยินเฟิงคุมขังนางไว้นานเกินไปก็จะไปทำให้จิ้งอ๋องรู้ อย่างนี้ย่อมไม่ดีแน่
เมื่อนางคิดเช่นนี้ นางก็นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ในใจรู้สึกขมขื่น แต่นางลืมไปว่าจิ้งอ๋องอยู่ในสนามรบ ในฐานะแม่ทัพใหญ่ เขาจะมาได้อย่างใจนึกได้อย่างไร
เช่นนั้นก็ดีแล้ว… หยุนชางถอนหายใจออกมาเงียบๆ เฉี่ยนอินช่วยนางอาบน้ำ ในขณะที่อาบน้ำ นางก็ทบทวนข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหลิ่วหยินเฟิงอีกครั้งในใจ ก่อนหน้านี้นางยังพูดเล่นว่าจะใช้อุบายชายงามอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าตนเองจะมีโอกาสเช่นนี้จริงๆ
หลังจากที่หยุนชางอาบน้ำเสร็จแล้ว นางก็เปลี่ยนเป็นชุดที่พ่อบ้านหลิ่วเตรียมไว้ให้ เนื้อผ้านั้นเป็นของชั้นเยี่ยม ชุดเป็นสีฟ้าอ่อนทั้งชุด ชายผ้าปักด้วยดิ้นเงินเป็นลายเมฆ ยามเมื่อนางเดินมีประกายวิบวับ ดูสูงส่งสง่างาม
หยุนชางยื่นขลุ่ยหยกให้พ่อบ้านหลิ่วและถอนหายใจ “ข้าไม่มีของอื่นอีก มีเพียงขลุ่ยหยกนี้เท่านั้น แต่มันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับข้า ข้ารบกวนลุงหลิ่วด้วย”
โชคดีที่หยุนชางออกมาสำรวจชัยภูมิ จึงพกขลุ่ยหยกนี้ติดตัวมาอย่างเดียว หากนางพกป้ายหยกที่แสดงถึงฐานะนางมาด้วยต้องลำบากแน่
เฉี่ยนอินอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไม่เต็มใจและมอบถุงเงินและผ้าเช็ดหน้าปักของนางไป เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านหลิ่วมองถุงเงินสีชมพูและผ้าเช็ดหน้าปักอย่างไม่วางตา นางก็กระทืบเท้าอย่างโกรธเคืองแล้วพูดว่า “ลุงหลิ่วอย่าได้ใส่ใจเลย นี่เป็นสิ่งที่คนรักของข้าปักให้ ขอให้ลุงหลิ่วเก็บรักษาไว้อย่างดี หากทำหายเกรงว่านางจะไม่อยากแต่งงานกับข้าเสียแล้ว”
หยุนชางยิ้มบางๆ “หากข้าเป็นคนออกปาก นางยังจะไม่ยอมแต่งอีกหรือ?”
เฉี่ยนอินถลึงตามองหยุนชาง “คุณชายช่างล้อเล่นเสียจริง ข้าจะไม่คอยรับใช้ท่านแล้ว”
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย ให้พ่อบ้านหลิ่วรับของและจากไป
พ่อบ้านหลิ่วนำอาหารมาให้ที่เรือน หยุนชางกินอย่างสบายๆ และออกไปยืนที่ลานพักหนึ่ง ขณะที่กำลังมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว นางเห็นหลิ่วหยินเฟิงออกมาจากห้องทางทิศใต้ ดวงตาของเขาดูเหมือนจะกวาดมาทางนาง หยุนชางยิ้มบางๆ และโบกมือให้เขา นางนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้จึงเดินไปหาเขา หลิ่วหยินเฟิงก็รู้ว่านางเดินมาหาเขา เขาจึงหยุดเดินและหันไปมองหยุนชาง หยุนชางยิ้มและพูดว่า “จวนนี้ออกจะน่าเบื่อไปสักเล็กน้อย พี่ชายให้ข้ายืมหนังสืออ่านหน่อยได้หรือไม่?”
สายตาของหลิ่วหยินเฟิงทอดลงบนร่างของหยุนชางเบาๆ สายตาของเขามีแววเหม่อลอยเล็กน้อย ผ่านไปสักพักจึงกล่าวว่า “เจ้าอยากอ่านหนังสืออะไร?”
หยุนชางยิ้ม “หนังสืออะไรก็ได้ จะเป็นบทกวี เพลง บันทึกการเดินทางก็ล้วนยอดเยี่ยม”
หลิ่วหยินเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าช้าๆ “ได้”หลังจากพูดจบ เขาก็หมุนตัวไปทางอีกห้องหนึ่ง
หยุนชางหรี่ตาลง เมื่อมองใกล้ๆ หลิ่วหยินเฟิงผู้นี้ก็ดูดีไม่เบา ผิวของเขาออกขาว คิ้วไม่หนาไม่บางและได้รูปสวยงาม ปลายหางตาของเขาเชิดขึ้น เมื่อเขาเลิกคิ้วขึ้นก็ดูมีเสน่ห์เย้ายวน ริมฝีปากของเขาบางเล็กน้อยและก็เป็นส่วนที่ดูเฉยเมยที่สุดบนใบหน้า ดูแล้วเหมือนเขาจะอายุราวสามสิบปีกว่าเท่านั้น เพียงแต่จากข้อมูลที่ได้มาบอกว่าเขาอายุสามสิบแปด เกือบจะสี่สิบแล้ว
เฮ้อ หยุนชางถอนหายใจ ปีศาจชัดๆ
หยุนชางเดินกลับไปที่ห้อง แต่หลังจากนั้นไม่นาน พ่อบ้านหลิ่วก็นำหนังสือมาให้นางมากมาย หยุนชางรีบพลิกดูทันที มีทุกอย่างที่นางพูดจริงๆ บทกวี เพลง บันทึกการเดินทาง เมื่อไม่มีอะไรทำ ตั้งแต่มาที่คังหยางก็ไม่เคยว่างอีกเลย หยุนชางจึงในพ่อบ้านหลิ่วนำเบาะมาให้และให้เฉี่ยนอินหยิบผ้าห่มมาปูลงบนเบาะนั้น แล้วจึงล้มตัวลงบนเบาะนุ่มนั้นเพื่ออ่านหนังสือ
พวกหนังสือเพลงและบทกวีค่อนข้างธรรมดา หยุนชางพลิกอ่านเพียงชั่วครู่ก็พูดออกมาอย่างเบื่อหน่าย “ก่อนนี้เคยอ่านมาหมดแล้ว”จากนั้นจึงหยิบบันทึกการเดินทางที่อยู่ด้านข้างขึ้น หยุนชางดวงตาเป็นประกาย นี่เป็นหนังสือบันทึกการเดินทางในแคว้นเซี่ย ทั้งภูเขาและแม่น้ำ ภูมิประเทศต่างๆ ของแคว้นเซี่ยต่างมีบันทึกอยู่ด้านใน ด้านข้างยังมีคำอธิบายประกอบเพิ่มเติม ลายมือสบายๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความบ้าคลั่งซึ่งดูเหมือนลายมือของหลิ่วหยินเฟิง หยุนชางราวกับได้รับของล้ำค่า ก่อนหน้านี้นางเคยศึกษาภูมิประเทศของแคว้นเซี่ยอย่างละเอียด แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้ ในหนังสือเล่มนี้มีบางสิ่งที่ละเอียดมาก เช่น สภาพอากาศในหุบเขาแห่งหนึ่งเป็นอย่างไร มีสัตว์และพืชพรรณอะไรบ้าง การได้รู้สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเดินทัพ
หยุนชางกวาดตาอ่านทีละสิบบรรทัดอย่างรวดเร็ว นางท่องจำเนื้อหาในหนังสืออย่างละเอียด จากนั้นจึงหยิบหนังสือเบ็ดเตล็ดด้านข้างขึ้นมา หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรมพื้นบ้านของเมืองหนึ่งในแคว้นเซี่ยที่ชื่อว่าเมืองหลินเยว่ หยุนชางนึกถึงที่ตั้งของเมืองนี้ในใจแล้วลองอ่านดู
เมื่ออ่านไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วกลับได้ยินเสียงฝีเท้าที่ลานด้านนอกตามด้วยเสียงปิดประตู ดูเหมือนว่าจะมีคนออกไปข้างนอก มือหยุนชางที่พลิกหนังสือชะงักไปเล็กน้อย ตอนนี้น่าจะเป็นยามไฮ่แล้ว หลิ่วหยินเฟิงออกไปข้างนอกหรือ?
เพียงแต่ขลุ่ยถูกนำออกไปแล้ว นางจึงไม่สามารถส่งข่าวออกไปได้ ในใจรู้สึกเซ็งเล็กน้อย นางจึงให้เฉี่ยนอินจัดหนังสือวางหนังสือไว้บนโต๊ะแล้วจึงลุกไปล้างหน้าล้างตาแล้วพักผ่อน