ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 292 หยุนชางบุกทะลวงเขาวงกตแปดทิศ
แต่หยุนชางคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อนางตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น พ่อบ้านหลิ่วจะเข้ามาบอกนางว่าหลิ่วหยินเฟิงเชิญนางไปรับประทานอาหารกับเขา หยุนชางไม่รู้ว่าหลิ่วหยินเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่จึงตามพ่อบ้านหลิ่วไป
ห้องโถงกลางอยู่ด้านข้างห้องพักของหลิ่วหยินเฟิง เมื่อหยุนชางพอเฉี่ยนอินไปถึงก็พบว่าเขานั่งรออยู่ที่โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว บนโต๊ะมีอาหารวางไว้พร้อมแล้ว ไม่ได้หรูหราอะไร เพียงกับข้าวธรรมดาๆ หกอย่างเท่านั้น เมื่อหยุนชางเดินไปนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของเขาโดยไม่ได้พูดอะไรแล้ว เขาก็หยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มรับประทาน
หยุนชางไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่และขี้เกียจคาดเดา นางจึงกินอาหารเช้าไปอย่างเงียบๆ
เมื่อหยุนชางวางถ้วยลงแล้ว เขาจึงกล่าวว่า “ข้าได้ยินลุงหลิ่วบอกว่าหนังสือที่ข้าให้ไปเมื่อวานซืนเจ้าอ่านหมดแล้ว?”
หยุนชางพยักหน้า “อ่านจบแล้ว พวกบทกวีเพลงกลอนเหล่านั้นต่างก็เป็นหนังสือธรรมดา ก่อนหน้านี้ก็เคยอ่านมาหมดแล้ว บันทึกการเดินทางหรือหนังสือเบ็ดเตล็ดกลับไม่ค่อยเหมือนที่ข้าเคยได้อ่านมานัก ล้วนเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวความเจริญของแคว้นเซี่ยที่ข้าไม่เคยสัมผัสมาก่อน นั่นออกจะน่าสนใจไม่น้อย คำอธิบายที่อยู่ด้านข้างล้วนเป็นลายมือของพี่ชายหรือไม่? พี่ชายช่างอ่านหนังสือได้ละเอียดจริงๆ คำอธิบายเหล่านั้นละเอียดมาก เพียงแต่ข้าเป็นผู้ที่ไม่ค่อยสามารถสงบใจศึกษาตำราได้นัก ดังนั้นจึงเพียงอ่านไปอย่างคร่าวๆ”
หลิ่วหยินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้ลุงหลิ่วเอาหนังสือไปให้เจ้าเพิ่ม คิดว่าเจ้าก็คงชอบดนตรี หมากรุก ประดิษฐ์อักษรและภาพวาดอยู่เหมือนกัน แต่โต๊ะวางเครื่องดนตรีของเจ้าไม่มีฉิน อีกเดี๋ยวข้าจะให้ลุงหลิ่วไปนำมาให้เจ้าด้วย”
“หือ?” หยุนชางอ้าปากด้วยความประหลาดใจ สีหน้าดูเจี๋ยมเจี้ยมเล็กน้อย “ไม่ต้องหรอก พี่ชายคิดจะให้ข้าอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน? ที่บ้านข้ายังมีแม่ที่ป่วยอยู่…”
หยุนชางมองหลิ่วหยินเฟิงด้วยสายตาอ้อนวอนเล็กน้อย แต่หลิ่วหยินเฟิงแสร้งทำเป็นไม่เห็นและยืนขึ้น “เมื่อข้าควรปล่อยเจ้าไป ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปเอง เจ้าอยู่ที่นี่อย่างสบายใจก็พอแล้ว แล้วข้าจะส่งคนไปดูแลแม่ของเจ้า” เขาพูดพลางเดินออกไปแล้วชะงักลงอีก “จริงสิ! ต่อไปเจ้าก็มากินอาหารที่นี่กับข้าเถอะ” หลังจากพูดแล้วเขาก็ก้าวออกจากประตูห้องโถงใหญ่ไป
หยุนชางถอนหายใจและยืนขึ้น หลิ่วหยินเฟิงสุภาพกับนางเหลือเกิน เกรงว่าจะยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง เพียงแต่เขายังคงกักขังนางไว้ที่นี่ เจตนาของเขาคืออะไรกันแน่?
หยุนชางกลับมาที่ห้องของนาง ในสมองคิดอย่างรวดเร็ว หลิ่วหยินเฟิงเป็นกุนซือของกองทัพของแคว้นเซี่ย หากกองทัพแคว้นเซี่ยจะเข้าโจมตี เขาก็จะต้องตามไปอย่างแน่นอน เมื่อหลิ่วหยินเฟิงยังอยู่ที่นี่ก็แปลว่ากองทัพของแคว้นเซี่ยยังไม่มีความเคลื่อนไหว
ไม่นานพ่อบ้านหลิ่วก็นำพู่กัน กระดาษ หมึกและจานหมึกมาให้นาง รวมทั้งฉินและกระดานหมาก ฉินนั้นดูไม่ธรรมดาเลยมันเป็นฉินโบราณชั้นยอด หยุนชางสนใจมากและเดินไปที่โต๊ะฉินพร้อมลองดีดดูสองครั้ง เสียงนั้นใสกังวาน ยอดเยี่ยมเป็นที่สุด
จะอยู่เฉยๆ ก็น่าเบื่อ นางจึงลองดีดฉินดู แต่มันกลับเป็นเพลงหงส์วอนรัก เมื่อดีดไปได้ครึ่งเพลง หยุนชางก็นึกขึ้นได้ว่าเพลงนี้นางเคยบรรเลงร่วมกับจิ้งอ๋อง รอยยิ้มจึงปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง ไม่รู้ว่าจะได้เจอจิ้งอ๋องอีกครั้งเมื่อไหร่และไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของจิ้งอ๋องเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
จิ้งอ๋องได้รับคำสั่งจากเสด็จพ่อให้ไปล้อมหลี่จิ้งเหยียนและเซี่ยโหจิ้ง สองคนนั้นเจ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอก เกรงว่าคงจะลำบากไม่น้อย
ในขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้นจู่ๆ ก็รู้สึกว่าในห้องมืดลงเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลิ่วหยินเฟิงยืนอยู่ที่ประตูห้อง เสียงฉินที่นางดีดจึงเริ่มไม่เป็นเพลง หยุนชางรีบกดสายแต่ก็ได้ยินเพียงเสียงหึ่งของสายฉินอยู่ไม่กี่อึดใจก่อนที่จะเงียบลง
“พี่ชายมาได้ยังไง?” หยุนชางเงยหน้าขึ้นและถามด้วยความสงสัย
หลิ่วหยินเฟิงดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงตอบว่า “ข้าได้ยินเพลงที่เจ้าเพิ่งเล่น นั่นคือเพลงหงส์วอนรัก?”
ผิวหน้าของหยุนชางแดงระเรื่อเล็กน้อย นางอ้อมแอ้มตอบไปว่า “ข้าไม่รู้ ข้าเพียงดีดไปมั่วๆเท่านั้น ที่แท้เป็นเพลงหงส์วอนรักหรือ?”
“หรือว่าคุณชายเซียวกำลังคิดถึงคนรักอยู่หรือ?” หลิ่วหยินเฟิงถามอย่างเรียบเฉย แต่ดวงตาของเขาเปล่งประกายเย็นชาที่อธิบายไม่ได้
สีหน้าหยุนชางเปลี่ยนไปและมีรอยยิ้มที่ขมขื่นปรากฏขึ้นที่มุมปาก “พี่ชายว่าไปนั่น ข้าจะไปมีคนรักได้อย่างไร… ข้าเกรงว่าในชีวิตนี้คงไม่คู่ควรที่จะมีคนที่รักหรอก… ” หยุนชางก้มศีรษะลงดีดฉินเล่น
“แค่กๆๆ…” เฉี่ยนอินที่อยู่ด้านข้างสำลักน้ำลาย หลังจากไออยู่นาน หยุนชางก็เงยหน้ามองเฉี่ยนอินอย่างราบเฉย เฉี่ยนอินรีบโบกมือและใช้เวลาสักครู่กว่าจะหาย แล้วจึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณชายโศกเศร้าอีกแล้ว พูดอะไรเหลวไหลเช่นนั้น คุณชายประเสริฐเช่นนี้จะต้องพบคนที่เห็นค่าท่านอย่างแน่นอน”
สายตาข่มขู่ของหยุนชางจางลงเล็กน้อย ดีที่นางฉลาดเฉลียวอยู่บ้าง หากมาทำลายแผนการของนาง นางจะสังหารอย่างไร้ความปรานีแน่
หลิ่วหยินเฟิงจ้องมองหยุนชางอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงเอ่ยว่า “รูปโฉมของคุณชายนั้นหากจะกล่าวว่างามล่มเมืองก็ไม่ได้เกินจริงเลย เหตุใดเจ้าถึงได้พูดเช่นนั้น?”
หยุนชางตกใจกับคำว่างามล่มเมืองของเขา นางรีบโบกมืออย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “พี่ชายชมข้าเกินไปแล้ว ในแคว้นหนิงนั้นรูปโฉมของจิ้งอ๋องต่างหากที่งามเป็นอันดับหนึ่งในแดนดิน จริงสิ ข้าเคยได้ยินว่าคุณชายหวังที่เป็นคนสนิทของจิ้งอ๋องนั้นก็มีเสน่ห์มากเช่นกัน เทียบกับสองคนนี้แล้ว ข้ายังไม่ถึงหนึ่งในสิบของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ…”
“หือ? งั้นหรือ?” หลิ่วหยินเฟิงเหลือบมองหยุนชางแล้วหมุนตัวจากไป
เฉี่ยนอินลูบอกของนางและกล่าวว่า “คนผู้นี้ ทำไมจึงได้ทำตัวเหมือนวิญญาณเร่ร่อนเสียจริง? ตอนที่เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นเขายืนอยู่ที่ประตูทำเอาข้าตกใจเสียแทบข้า” นางมองหยุนชางหลายครั้ง อ้าปากจะเอ่ยอะไรออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น
หยุนชางไม่ได้สนใจนาง เฉี่ยนอินจึงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพึมพำกับตัวเองเสียงเบาว่า “ท่านอ๋องที่น่าสงสาร…”
ดวงตาของหยุนชางอดไม่ได้ที่จะตากระตุกและใช้ความพยายามอย่างมากที่จะพยายามไม่ไปตีนางให้ตาย นางนึกในใจว่าถ้านางออกไปข้างนอกอีกครั้งจะไม่ให้นางมาอย่างแน่นอน ครั้งต่อไปนางต้องเรียนรู้ว่าพาฉินยีมาด้วยดีที่สุด
นางรับประทานอาหารกลางวันและอาหารเย็นร่วมกับหลิ่วหยินเฟิงในห้องโถงใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องศึกจะค่อนข้างยุ่ง เขารีบกินข้าวอย่างรวดเร็ว หยุนชางยังกินข้าวไม่ถึงครึ่งชาม เขาก็ลุกจากโต๊ะไปที่ห้องหนังสือแล้ว
สีหน้าของหยุนชางดูมีเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อย ในใจรู้สึกรำคาญใจ แม้ว่านางจะอยู่ในจวนเดียวกันกับหลิ่วหยินเฟิง แต่นางกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกองทัพเซี่ยเลย
เพียงแต่ตอนกลางคืน สายลับได้นำข่าวมาบอกว่าจิ้งอ๋องชนะศึกที่วูฉีแล้วเมื่อห้าวันก่อน ตามคำบอกเล่าของสายลับ กองทัพของแคว้นเซี่ยได้เข้ายึดเมืองวูฉี จิ้งอ๋องนำทหารกล้าสามหมื่นนาย อ้อมประตูเมืองเข้าไปจากทางแม่น้ำหยวนและสั่งให้รองแม่ทัพเข้าโจมตีเมือง กองทัพเซี่ยไปต้านที่ประตูเมือง แต่ไม่เคยคิดว่าจิ้งอ๋องจะมีทหารที่ดีมากมายเช่นนี้
หลังจากที่จิ้งอ๋องเข้าไปในเมืองได้แล้ว แล้วจึงก็รวบรวมประชาชนทั้งหมดเข้าด้วยกันและปกป้องพวกเขาไว้ข้างหลัง ขนาบจนกองทัพของแคว้นเซี่ยหมดหนทาง ในมือของรองแม่ทัพมีทหารเพียงสองหมื่นคน กองทัพเซี่ยรวมกำลังกันเข้ามาอย่างเต็มที่และยังมีทหารอีกหลายพันคนที่คอยคุ้มครองเซี่ยโหจิ้งและหลี่จิ้งเหยียนฝ่าวงล้อมและหนีขึ้นไปทางเหนือ
หยุนชางเมื่อได้ยินก็ตัวสั่นสะท้าน ในใจของนางกลับรู้สึกเหลือเชื่อ ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นกลับได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ แม้ว่าเซี่ยโหจิ้งและหลี่จิ้งเหยียนจะยังไม่ถูกจับ แต่ก็มีกำลังทหารน้อยกว่าหมื่นนายแล้วและพวกเขาคงไม่สามารถสร้างปัญหาได้มากนัก
หลังจากที่นางมาถึงเมืองคังหยาง หยุนชางรู้ดีว่าการเดินทัพและการต่อสู้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แม้ว่านางจะดูมั่นใจ แต่นางก็ได้ใช้ความพยายามอย่างมากจนเกือบลืมกินข้าวและพักผ่อน
การรับมือของเซี่ยโหจิ้งและหลี่จิ้งเหยียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่จิ้งอ๋องกลับเอาชนะได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญที่สุดคือการนำวูฉีกลับคืนมา หากวูฉีอยู่ในเงื้อมมือของกองทัพเซี่ย แคว้นหนิงจะตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง
ไม่น่าแปลกใจที่หลิ่วหยินเฟิงจะยุ่งมาก ที่แท้เกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ เกรงว่าเขาคงจะเพิ่งได้รับข่าววันนี้เช่นกันและดูเหมือนว่าเขาจะไม่ทันตั้งตัว
หยุนชางกำลังถือหนังสือแต่นางอ่านไม่ลงอีกต่อไป จิ้งอ๋องชนะแล้ว ต่อไปเขาจะไล่ตามเซี่ยโหจิ้งและหลี่จิ้งเหยียนไปหรือนำทัพหนุนมาที่ชายแดนกันนะ?
เมื่อเสียวูฉีไป หลิ่วหยินเฟิงจึงจำต้องยึดคังหยางให้ได้ หากเขาไม่สามารถตีเมืองคังหยางได้ก็เกรงว่าจะไม่มีทางให้รบกันต่อไปได้อีก นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องชนะให้เร็วที่สุดอีกด้วย หลิ่วหยินเฟิงคงเกรงว่าจิ้งอ๋องจะมาช่วยคังหยางไว้ได้ทัน หากจิ้งอ๋องมาถึงแล้ว โอกาสในการเอาชนะของเขาก็จะน้อยลงมาก
หัวใจของหยุนชางกระตุก อย่างช้าก็อีกสองวันกองทัพเซี่ยต้องบุกโจมตีแน่
“เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้ของนาง… หยุนชางขมวดคิ้วชั่งใจอยู่ชั่วครู่แล้วจึงตัดสินใจพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเอาขลุ่ยหยกกลับมา หากนางไม่สามารถเอาคืนมาได้ ให้รอหลิ่วหยินเฟิงยกทัพไปโจมตีแล้วค่อยออกไป แม้ว่าจะไม่มีสายลับช่วยคงจะลำบากเล็กน้อย แต่นางและเฉี่ยนอินก็ควรจะทำสำเร็จ แต่ค่ายกลนอกจวนก็เป็นปัญหาที่ยากเอาการ
ทัพใหญ่บุกโจมตี การเคลื่อนทัพคงไม่อาจทำได้ว่องไวนัก นางเพียงแค่ต้องออกไปจากจวนนี้จึงจะสามารถไปพบกับเหล่าสายลับได้และให้สายลับนำข่าวไปส่งที่ค่ายทหารให้พวกเขาทำการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นก็นับว่ายังทันการณ์อยู่
เมื่อนางได้ความคิดแล้ว หยุนชางก็เรียกเฉี่ยนอินมา นางเขียนการตัดสินใจของนางลงบนมือของเฉี่ยนอิน เฉี่ยนอินเห็นแล้วก็ตะลึงไปและพยักหน้าเล็กน้อย สายตาแฝงแววสนุกสนาน อยู่ในจวนมาสองวันคงทำให้นางเบื่อหน่ายมาก หยุนชางคิดในใจ