ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 298 สามีภรรยา(๑)
ภายในใจของหลิ่วหยินเฟิงพลันรู้สึกร้อนรน ร่างกายพลันเจ็บปวด จึงรีบร้อนเข้าไปยังภายในตำหนัก พลางบุกเข้าไปยังห้องนั้น พลันวิ่งเข้าวิ่งออกหลายรอบ กลับไม่เห็นใครสักคน แม้แต่ร่างของหนอนตำราของเขาก็ไม่เห็น
“ไป. ไปค้นหารอบตำหนัก ทั้งข้างในและนอกตำหนักค้นหาให้ระเอียด แม้แต่ศพก็เอาออกมาไว้ข้างนอกให้หมด ตรวจหาให้ครบทุกตารางนิ้ว” หลิ่วหยินเฟิงใบหน้าแสดงออกถึงความร้อนรน
หลิ่วหยินเฟิงยังเดินหาทั่วตำหนักตนเองหนึ่งรอบ ก็ยังไม่พบร่างขาวๆ นั้น พลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย พลางได้ยินองครักษ์เงาเข้ามารายงานว่า “ท่านกุนซือ นำศพออกมานอกตำหนักหมดแล้วพะยะค่ะ ”
หลิ่วหยินเฟิงรีบร้อนเดินออกไป
ภายนอกตำหนักนั้นมีศพนอนเรียงราวอยู่ห้าร่าง หลิ่วหยินเฟิงมองสำรวจไปทีละคนทีละคน ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคุณชายเซียว จึงค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา พลางครุ่นคิดว่า หรือเป็นเพราะตนเอง คุณชาวเซียวถึงได้โดนจับตัวไป ? คนที่บุกทำลายเขาวงกตแปดทิศได้ คงมิใช่คนธรรมดาเป็นแน่ หวังว่าเขาจะฉลาดสักนิด ว่าจะต้องทำเช่นไร
ขณะที่กำลังครุ่นคิดนั้น จึงตั้งใจตรวจสอบอย่างละเอียด อยากที่จะเห็นว่าต้นตอของพลังอยู่ที่ไหน แล้วขาจะไปตามหาชายผู้นั้น
เพียงคืนวันที่สาม หยุนชางพลันได้สติขึ้นมา เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพลันรู้สึกร่างกายเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ไม่สามารถลืมตาขึ้นได้เลย สายตาสอดส่องไปในความมืดมิด หยุนชางพลางลูบคลำหน้าผากตัวเอง มิรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้างแล้ว เมื่อลุกขึ้นนั่งได้ กลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติในร่างกายของนาง เมื่อยกมือขึ้นมาลูบคลำ พลันรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก นางมิได้มีเสื้อผ้าอาภรณ์ติดตัวเลยสักชิ้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
หยุนชางกลั้นหายใจเพียงชั่วครู่พลางตั้งใจฟังเสียงรอบด้าน จึงได้เสียงฝีเท้าเดินไปเดินมา อีกทั้งยังได้ยินเสียงชุดเกราะกระทบกันอีกด้วย
ค่ายทหารหรือ ? หรือว่าขบวนกองทัพ ?ในใจรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางมิใช่ว่าอยู่ในตำหนักของหลิ่วหยินเฟิงหรือ?
“เฉียนยิน ” หยุนชางพลางส่งเสียงออกมา ขณะที่กำลังลุกขึ้นนั้นกลับมีคนมาคว้าข้อมือนางไว้ แล้วดึงนางกลับมา
ภายในใจหยุนชางพลางสั่นกลัว ใครกัน ? ใครอยู่ยนเตียงนอนของนาง? จึงรีบร้อนชักมืออีกข้างกลับมา และโจมตีไปยังบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ทว่าเขากลับจับนางหันหลังพร้อมกับกดนางลงบนเตียงนอน น้ำเสียงติดแหบแห้งพลันดังขึ้นมา “ครึ่งค่อนคืนแล้ว เจ้าจักฆ่าสามีของเจ้าหรือ?”
หยุนชางตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ร่างกายพลันอ่อนตัวลง จึงรู้ว่าหลังของตนเองเต็มไปด้วยเหงื่อที่เปียกชื้น
คนที่อยู่ด้านบนตัวนางนั้นจึงถอยกายลงจากเตียงไป พลางเดินไปจุดไฟในตะเกียงให้สว่าง หยุนชางจึงเห็นว่าตนเองนั้นได้อยู่ในค่ายทหารแล้ว เมื่อกวาดสายตาไปยังรอบ ๆ จึงรู้ว่าตนอยู่ในค่ายทหารแคว้นหนิง
เสียงฝีเท้าค่อย ๆ เดินใกล้เข้ามา หยุนชางจึงรีบร้อนดึงผ้าห่มเข้ามาปิดร่างกายของตนทันที เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามานั้นจึงพูดว่า “ท่านอ๋อง”
จิ้งอ๋องที่สวมเพียงเสื้อคลุมสีขาว เดินมาหยุดที่ข้างเตียงของนางพลางหลี่ตามองลงมา สายตาเต็มไปด้วยความโกธรเคือง เมื่อได้ยินหยุนชางเรียกชื่อตนเองแล้วก็มิได้ขานรับแต่อย่างใด
หยุนเงียบไปครู่หนึ่ง จึงถามขึ้นมาว่า”ฝั่นวูฉีจัดการเสร็จแล้วหรือ ? ท่านอ๋องจึงมาที่นี่ได้ ?”
จิ้งอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงเย็ชาว่า “ทำไมเปิ่นหวางถึงอยู่ที่นี่งั้นหรือ ? หากเปิ่นหวางไม่มา เปิ่นหว่างจะรู้ได้เยี่ยงไร ว่าพระชายาของเปิ่นหวางช่างกล้าหาญ ปล่อยให้ศัตรูจับไปเช่นนี้? หากเปิ่นหวางไม่มาแล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะกลับมายังค่ายทหารแคว้นหนิงได้หรือไม่ ?” เมื่อพูดจบพลันก้มลงมาจับผ้าห่มแน่น ราวกลับจะกระชากมันเปิดออก
หยุนชางจำได้ว่าภายใต้ผ้าห่มนั้นนางมิได้มีอาภรณ์ติดตัวเลยสักชิ้น จึงรีบร้อนดึงผ้าห่มไว้พลางเงยหน้าขึ้นมองจิ้งอ๋อง “ขอบพระทัยเพคะ ท่านอ๋อง”
จิ้งอ๋องเงียบไปชั่วครู่ มองไปยังหยุนชางด้วยแววตาอันตรายเล็กน้อย “หวางเฟยต้องการให้เปิ่นหวางหนาวตายหรือไงกัน ?” แววตาของหยุนชางเต็มไปด้วยสีหน้ายากลำบาก จิ้งอ๋องเมื่อมองไปที่นางก็รู้แล้วว่านางกังวลเรื่องอะไร “หวางเฟย เจ้ารู้หรือไม่ เจ้าหมดสติไปกี่วันแล้ว ? รู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนอาบน้ำให้เจ้ากัน ?”
ทั่วร่างของหยุนชางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก พลันขบริมสีปากและพูดไปด้วยความกล้า ๆ กลัวๆว่า “เฉียนยิน?”
จิ้งอ๋องพลันส่ายหัวไปมา “เจ้าเป็นพระชายาของเปิ่นหวาง.การดูแลพระชายาจะให้ไปถึงมือผู้อื่นได้อย่างไร ? เปิ่นหวางต้องทำด้วยเองถึงจะถูก อีกทั้งตอนที่เจ้ายังไม่ได้สตินั้่น ก็เป็นเปิ่นหวางที่นอนเตียงเดียวกันกับเจ้า”
หยุนชางได้ยินเช่นนั้น พลันหลบตัวไปอยู่ในผ้าห่ม ความคิดต่าง ๆ นานา ก็ผุดขึ้นมาในหัว เมื่อนึกถึงใบหน้าของเขาแล้วดูเหมือนว่าเขาจะโกธร? เป็นเพราะนางตกอยู่ในอันตรายงั้นหรือ? เมื่อถึงเรื่องราวที่เขาพูดเมื่อครู่นั้น เพราะว่าเขาอาบน้ำขัดตัวให้นางด้วยตนเอง อีกทั้งยังนอนอยู่บนเตียงด้วยกันอีก ภายในใจรู้สึกหวั่นไหวไม่น้อย พลางขบริมฝีปากลง คิ้วพลันขมวดขึ้น ในใจรู้สึกเฉยชา ตนเองจะตื่นเต้นอะไรกัน ในเมื่อนางกับเขากราบไหว้ฟ้าดินร่วมหอลงโรงด้วยกันแล้ว มิใช่ว่าเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ แล้วงั้นหรือ ? ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่ทั้งสองคนต้องการ ทว่าต่างก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน
เมื่อหยุนชางครุ่นคิดอยู่นาน จึงค่อย ๆ ปล่อยมืออกเล็กน้อย กลับไม่เห็นจิ้งอ๋องอยู่นบนเตียงแล้ว ในใจหยุนชางพลันรู้สึกประหม่าและลังเลเล็กน้อย จึงกวาดสายตามองหาจิ้งอ๋องพลันสบสายตากับแววตาที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนของจิ้งอ๋อง
หยุนชางพลันตกตะลึง ภายในใจเหมือนโดนอะไรพุ่งเข้าใส่ สีหน้าพลันเห่อร้อนขึ้นมาสมองพลันว่างเปล่า ในขณะนั้น ผ้าห่มถูกเปิดออก พลันมีลมหนาวพัดเข้ามา หยุนชางรีบร้อนหันหลังพลางขดตัวลง
ทว่าพลันมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้ใบหน้าของหยุนชางพลันเห่อร้อนขึ้นมา แอบต่อว่าตนเองภายในใจเบา ๆ หนิงหยุนชางอาหนิงหยุนชาง เจ้าอายุอานามมาพบชาติหนึ่งแล้ว ชาติที่แล้วก็ไม่ได้เป็นสตรีไร้เดียงสาแต่อย่างใด แม้แต่ลูกก็คลอดออกมาแล้ว ทำไมยัง
ภายในใจพลันรู้สึกว่า ตนเองรู้สึกกับจิ้งอ๋องกับชาติที่แล้ว ที่นางมีความรู้สึกต่อโม้จิ้งเหยียนนั้นไม่เหมือนกัน ทว่าไม่รู้ว่าแตกต่างที่ใด ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จิ้งอ๋องมีค่ามากกว่าโม้จิ้งเหยียนอย่างแน่นอน ทว่าเมื่อนางได้กลับมาเกิดใหม่อีกหนึ่งครั้ง นางก็ตัดสินใจได้แล้วว่า นางจะเป็นสตรีที่ไม่พึ่งพาแต่คนรอบข้างและมีความเมตตาต่อผู้อื่นอย่างแน่นอน
เมื่อคนข้างหลังนอนลงมา ร่างกายพลันมีกลิ่นอายเย็นๆ ออกมาจากตัว หยุนชางจึงหดตัวลงอีกครั้ง ร่างกายของนางพลันสั่นเทาเล็กน้อย
มือทั้งสองข้างพลันดึงตัวหยุนชางเข้ามาในอ้อมกอด ร่างกายของนางพลันตัวแข็งทื่อ ไม่แม้แต่จะกล้าขยับ
คนด้านหลังพลันหาวขึ้นมา พร้อมพูดด้วยเสียงเหนื่อย ๆว่า ” ไม่กี่วันมานี้ข้าเหนื่อยมาก เจ้ามิต้องขยับไปมา ข้าอยากจะหลับอย่างสงบข้าง ๆ เจ้าเพียงเท่านั้น ร่างกายเจ้าเพิ่งจะถูกพิษ อีกทั้งยังมีฤทธิ์รุนแรงอีกถึงสามารถทำให้เจ้าสลบไปหลายวันได้ ตอนนี้เจ้าตื่นแล้ว ร่างกายยังมิค่อยจะแข็งแรง วางใจเถอะ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าตอนนี้หรอก”
ภายในใจของหยุนชางเต็มไปด้วยความโล่งอก แม้ว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะถามเขา แต่ต้องปล่อยมันไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก
“หากจะนอน ก็ดับไฟเสีย” หยุนชางส่งเสียงออกมาเบา ๆ ในเมื่อจิ้งอ๋องบอกให้นางห้ามขยับ นางก็จะไม่ขยับ หยุนชางจึงโล่งใจ ทว่านางนอนมาหลายวันแล้ว จึงทำให้ตอนนี้นางนอนไม่หลับ เมื่อเห็นจิ้งอ๋องขยับตัวไปปิดไฟแล้ว ค่ายทหารจึงกลับมามืดลงอีกครั้ง
หยุนชางเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของจิ้งอ๋องนั้น จึงไม่กล้าขยับอะไรมาก ภายในใจพลันหงุดหงิดเล็กน้อย เนื่องจากนางไม่สามารถขยับตัวได้ แต่นางก็ควรจะได้สวมใส่อาภรณ์บาง เมื่ออยู่ในลักษณะนี้แล้ว นางรู้สึกอึดอัดเสียจริง เมื่อหยุนชางลืมตาขึ้น พลางได้ยินคนด้านหลังหายใจอย่างสงบ ในใจไม่คิดว่าเมื่อเข้าได้รับรายงานที่วูฉีแล้ว เพียงไม่กี่วันเขาก็จะมุ่งหน้ามายังคังหยางทันที จึงคาดเดาว่า ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดก่อนหน้านั้น เขาคงอดหลับอดนอนมาหลายวันจริง ๆ ภายในใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จึงถอนหายใจออกมา อีกทั้งยังครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงผลอยหลับตามไป