ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 309 โชคชะตาเทพปกรณัม
ผ่านไปสักพัก จิ้งอ๋องจึงรู้สึกตัว เขามองไปที่หยุนชาง “กลับมาแล้วหรือ?”
หยุนชางพยักหน้า นางลังเลอยู่สักพักก่อนจะบอกว่า “หม่อมฉันได้ยินฉีหล่างพูดว่า ฮวากั๋วกงได้มาปักหลักที่นอกเมืองจิ้งหยางแล้วจริงหรือเพคะ?”
จิ้งอ๋องเงียบไปสักพัก แล้วจึงค่อยๆพยักหน้า
หยุนชางอึ้ง นางยิ้มอย่างไม่ค่อยเต็มที่ “พระองค์กับเขา……”
จิ้งอ๋องวางหนังสือลง เขาลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปยังด้านหลังของฉากกั้นลม หยุนชางยืนนิ่ง นางรู้สึกตกใจ เขายังใส่ใจนางอยู่ใช่ไหม
นานสองนาน กว่าจะได้เห็นจิ้งอ๋องเดินออกมาจากฉากกั้นลม เขาพูดด้วยน้ำเสียงแน่นิ่ง “ข้าคือจิ้งอ๋องแห่งแคว้นหนิง เท่านั้น”
หยุนชางได้ฟัง นางกำลังจะอ้าปากพูด แต่กลับพบว่าตนเองพูดไม่ออก “ไม่ พระองค์ยังเป็นสวามีของหม่อมฉันหนิงหยุนชางเพคะ”
ผู้ที่เดินออกมาจากฉากกั้นลมนั้น สักพักหนึ่งจึงพูดคุยด้วยดีขึ้น เสียงที่ฟังดูเหนื่อยล้าของเขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ใช่ ข้ายังคงเป็นสวามีของเจ้า”
หยุนชางได้ฟังน้ำเสียงเช่นนั้นแล้ว นางรู้สึกไม่ค่อยดี จึงรีบเดินไปด้านหลังฉากกั้นลม จิ้งอ๋องประทับอยู่บนตั่ง แววตาเหม่อลอย เขามองไปยังภาพดอกเหมยที่ปักอยู่บนฉากกั้นลม
หยุนชางกุมมือจิ้งอ๋องเอาไว้ นางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หม่อมฉันจะคอยอยู่เคียงข้างพระองค์นะเพคะ”
จิ้งอ๋องไม่พูด ส่วนหยุนชางกลับสังเกตได้ว่ามือของเขานั้นค่อยๆกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ หยุนชางเองก็กุมมือเขาให้กระชับยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน พลันจิ้งอ๋องก็ดึงมือออกจากมือของหยุนชาง แล้วจับไหล่ของหยุนชางดึงเข้ามาหาตัวเขา ให้หยุนชางได้อยู่ภายในอ้อมกอดของเขา หยุนชางนิ่งอึ้ง นางค่อยๆปล่อยมือที่เคยกุมไว้แน่น แล้วบรรจงสวมกอดจิ้งอ๋องด้วยความรัก
จิ้งอ๋องสังเกตท่าทางของหยุนชาง แล้วก็ยิ่งกอดนางให้แน่นยิ่งขึ้น ริมฝีปากของเขาประกบลงบนหน้าผากของนาง มีสัมผัสที่หนาวเย็นแทรกเข้ามาเล็กน้อย
หยุนชางตกตะลึง แล้วเอ่ยถามเสียงเบาๆ “ท่านอ๋อง หากทรงต้องการกอดหม่อมฉันต่อ ก็ถอดฉลองพระบาทแล้วขึ้นไปบนเตียงนะเพคะ หม่อมฉันรู้สึกง่วงเหลือเกิน อยากนอนสักหน่อยเพคะ”
เมื่อจิ้งอ๋องได้ฟัง ก็ค่อยๆปล่อยตัวหยุนชาง แล้วช่วยถอดเสื้อคลุมขนจิ้งจอกของนางออกแล้วกองลงบนพื้น พร้อมทั้งถอดชุดด้านนอกของหยุนชาง หยุนชางสั่นสะท้าน นางรู้สึกว่านิ้วของนางกำลังเย็นเฉียบ เมื่อจิ้งอ๋องถอดชุดด้านนอกของนางออกแล้ว ก็หาได้ทำอย่างอื่นต่อไม่ หยุนชางค่อยๆเงยหน้าไปมองจิ้งอ๋อง เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาเป็นปกติ จึงก้าวขึ้นบนเตียง ห่มผ้าห่มและล้มตัวลงนอน
ไม่นานนัก จิ้งอ๋องก็เอาตัวเข้ามาภายใต้ผ้าห่ม เขากอดหยุนชางเอาไว้แน่น จากนั้นก็ไม่มีการกระดุกกระดิก คงจะหลับไปเสียแล้ว
หยุนชางคิดอะไรบางอย่างอยู่เงียบๆ แล้วจึงหลับตานอน
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จิ้งอ๋องก็ไม่ได้อยู่ในกระโจมแล้ว หยุนชางเรียกเฉี่ยนอินเข้ามาถาม เฉี่ยนอินบอกแต่เพียงว่าจิ้งอ๋องเข้าไปในตัวเมืองคังหยาง เห็นบอกว่าจะไปรับคน แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากนี้
รับคน? หยุนชางครุ่นคิด นางไม่รู้เลยจริงๆว่าใครกันนะที่จะต้องให้จิ้งอ๋องไปรับด้วยตัวเอง นางให้เฉี่ยนอินประคองนางลุกขึ้น แล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ เฉี่ยนอินทำผมให้หยุนชาง ในขณะที่หยุนชางกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่าง
สิ่งที่นางกำลังคิดก็คือเรื่องจิ้งอ๋องกับฮวากั๋วกง ในตอนนี้ ที่มาที่ไปของจิ้งอ๋องก็ได้รับทราบแล้ว แต่นางเพียงยังไม่แน่ใจ เขาเป็นบุตรของอดีตฮองเฮาแคว้นเซี่ย เป็นองค์ชายแห่งแคว้นเซี่ย หากจิ้งอ๋องยังคงอยู่แคว้นเซี่ยต่อไป ก็อาจจะได้เป็นถึงรัชทายาท แต่ว่าตอนนี้ เขากลับเป็นเพียง……จิ้งอ๋อง
หยุนชางขมวดคิ้ว แต่ว่า แม้จะเป็นเพียงจิ้งอ๋อง แต่ถ้าหากเขายินยอมที่จะกลับไปยังแคว้นเซี่ย มีท่านตาคือฮวากั๋วกง ท่านลุงก็เป็นทหารยศสูง ครอบครัวมีหน้ามีตา บวกกับความสามารถของจิ้งอ๋องแล้ว หากว่าเขาต้องการ ตำแหน่งรัชทายาทก็คงจะตกเป็นของเขาได้แน่นอน
เขาอยากเป็นรัชทายาทหรือเปล่า? อยากกลับแคว้นเซี่ยหรือไม่? ที่นั่นมีคนในตระกูลซึ่งเป็นสายเลือดเดียวกันกับเขา มีท่านตา ท่านลุง มีท่านพ่อ พี่ชายน้องชาย……”
หยุนชางพยายามข่มตา นางรู้สึกหนาวเย็น
ถ้าหากจิ้งอ๋องต้องการกลับไป ก็คงไม่มีผู้ใดสามารถห้ามได้ แม้แต่ตัวนางเองก็เถอะ
ดังนั้นนางจึงตกใจไม่น้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้กับจิ้งอ๋องไปเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าอยู่ที่แคว้นหนิงเขาจะไม่มีญาติพี่น้อง แต่เขายังมีนาง พวกเขาแต่งงานกันแล้ว พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน……
ทว่าความเป็นสามีภรรยาของพวกเขานั้น กลับรู้สึกว่ามันยังเจือจางไปนิด บางครั้งก็เหมือนกับว่า คำว่าสามีภรรยานั้นเป็นกันแค่เพียงในนาม มิได้เป็นสามีภรรยาจริงๆ แล้วนางจะใช้สิ่งใดในการเหนี่ยงรั้งหัวใจของเขาไว้ได้?
แม้ว่าที่ผ่านมา เขาจะเคยให้คำมั่นไว้ว่า เขานั้นเป็นเพียงจิ้งอ๋องแห่งแคว้นหนิง……หยุนชางชักเริ่มหวั่นใจ จู่ๆนางก็ไม่อาจหาเหตุผลที่จะยื้อเขาไว้ต่อไปได้อีก จริงๆแล้วเขานั้นต้องการตำแหน่งของเสด็จพ่อต่างหาก เพียงแต่นางไม่ยอม ตำแหน่งฮ่องเต้ของเสด็จพ่อ นางต้องการยกให้เฉินซีเท่านั้น เขาก็รับปากแล้ว มาวันนี้ เขามีเชื้อสายที่สูงศักดิ์ แต่นางก็ขอให้เขาอย่ากลับไปยังตำแหน่งที่สมควรจะเป็นของเขา เขาก็รับปาก แต่ไม่รู้ว่า นางขอร้องเขาในฐานะอะไรกันแน่นะ?
นี่นางทำเกินไปหรือเปล่านะ?
“เฉี่ยนอิน เจ้าว่าข้าทำเกินไปหรือเปล่า?” หยุนชางเอ่ยถามด้วยความลังเล
“เพคะ?” เฉี่ยนอินไม่เข้าใจ “พระชายาทรงหมายถึงอะไรหรือเพคะ? ทำอะไรเกินไปหรือเพคะ?”
หยุนชางจึงรู้สึกตัวแล้วรีบบอกปัดไปว่า “ไม่มีอะไรหรอก”
เฉี่ยนอินเห็นหยุนชางดูแปลกๆไป ซึ่งนางเองก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่นางก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อคืนนี้เขาได้ส่งข่าวมาแล้วเพคะ หม่อมฉันว่าจะทูลให้ทรงทราบตั้งแต่แรกแล้ว แต่หม่อมฉันเห็นว่าเมื่อคืนนี้พระชายามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ จึงมิได้กราบทูลเพคะ”
“หา? เกิดอะไรขึ้นกับหนิงเฉี่ยน?” หยุนชางเงยหน้าขึ้นมา แล้วจ้องมองเฉี่ยนอินจากในกระจก
เฉี่ยนอินหัวเราะ พลางหยิบเครื่องประดับศีรษะและปิ่นที่เข้าคู่กันมาปักผมให้กับหยุนชาง “เขาบอกว่า เรื่องที่พระชายาทรงมอบหมายให้เขาทำนั้น เขาได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ” พูดเสร็จก็หยิบจดหมายแผ่นบางๆส่งให้หยุนชาง แล้วนางก็ช่วยทำผมให้หยุนชางต่อ
หยุนชางก้มหน้าเปิดจดหมาย นางกวาดสายตาอ่านข้อความบนกระดาษแล้วยิ้มออกมา “หนิงเฉี่ยนช่างเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมของหม่อมฉันจริงๆเลย ภายใต้ระยะเวลาสั้นๆเพียง 1 เดือนกว่า ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงภายในราชสำนักแคว้นเซี่ย มิหนำซ้ำ ยังสามารถสอดแนมเรื่องราวต่างๆมาได้อีกด้วย”
เฉี่ยนอินยิ้มแล้วยิ้มอีก นางพยักหน้า “หม่อมฉันได้ฟังข่าวที่สายลับนำมารายงานแล้วเพคะ ในเวลานี้ ทุกคนในพระราชวังแคว้นเซี่ยต่างรู้หมดแล้ว ว่ามีเหม่ยเหรินหน้าใหม่เข้าวังมา ฮ่องเต้แคว้นเซี่ยทรงโปรดนางมาก คอยสรรหาของมีค่ามาเอาใจนางตลอดเวลา”
แต่หยุนชางกลับครุ่นคิด ในบางครั้ง การเรียกร้องความสนใจก็กลายเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจที่ดีมาก แต่ในวังหลวงนั้นมีแต่ความวุ่นวาย เจ้าจงนำความนี้ไปบอกกับหนิงเฉี่ยน ให้นางคอยระมัดระวังตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เฉี่ยนอินรับคำ นางวางหวีลงแล้วยิ้ม “พระชายาของหม่อมฉันเมื่อฉลองพระองค์เป็นหญิงก็ทรงสิริโฉมดุจเทพธิดา เมื่อฉลองพระองค์เป็นชายก็ดูหล่อเหลาไม่น้อย ได้ใจผู้หญิงทั้งหลายไปเต็มๆเลยนะเพคะ”
“หุบปากน่า” หยุนชางพูดกับเฉี่ยนอิน นางลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากฉากกั้นลม พลันได้ยินเสียงจิ้งอ๋องมาจากด้านนอกกระโจม “เชิญท่านฉิงซังด้านนี้”
จิ้งอ๋องไปรับคนเสร็จแล้วหรือ? นางมองออกไปภายนอกกระโจม
ประตูกระโจมถูกเปิดออก ผู้ที่เดินเข้ามาคนแรกหาใช่จิ้งอ๋องไม่ เขาคือคนแก่มีผมหงอก เสื้อขาวชุดขาวคิ้วขาว แต่กลับดูน่าค้นหา
จิ้งอ๋องเดินตามหลังชายแก่เข้ามา เมื่อพบหยุนชางนั่งในด้านในก็ยิ้มออกมา “ชางเอ๋อร์ มานี่เร็ว ท่านผู้นี้คือท่านฉิงซัง เมื่อคราก่อนข้าเคยบอกเจ้า ท่านฉิงซังเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจัดวางกองกำลัง
หยุนชางนิ่งไปสักพัก นางนึกไปถึงตอนที่เคยคุยกับจิ้งอ๋องเรื่องหลิ่วหยินเฟิงซึ่งถนัดทางด้านการจัดวางกองกำลังเช่นเดียวกัน ตอนนั้นจิ้งอ๋องบอกนางว่าจะหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยชี้แนะ ก็คือผู้อาวุโสคนนี้นี่เอง?
สายตาของคนชรามองไปยังหยุนชางและจิ้งอ๋อง เขาลูบเคราสีขาว แล้วพูดกับจิ้งอ๋องด้วยสีหน้าแน่นิ่ง “แม่นางผู้นี้ ถือโชคชะตาเทพปกรณัมเก้าน่านฟ้า”