ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 323 กองทัพหนิงเซี่ยเผชิญหน้า (๒)
การใช้ไฟโจมตีที่เซี่ยโหเหยียนต้องการกลับไม่สามารถทำได้เพราะป่านั้นชื้นทำให้ไฟลุกยาก แต่ก็สามารถทำให้ศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ปรากฏตัวขึ้นมาได้ แต่โชคร้ายที่ลมใต้พัดมา หากจุดไฟเผาเขาภูเขาเกรงว่าจะทำให้ฝั่งตนเองเสียหายมากกว่า
“เราควรทำอย่างไรดี รอแบบนี้ไปเรื่อยๆ หรือ?” เซี่ยโหเหยียนเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย เขารีบละทิ้งเมืองคังหยางเพื่อมาที่จิ้งหยาง ตอนนี้เขาไม่ได้หลับตานอนมาสองคืนแล้ว เดิมทีเขาคิดว่านอกเมืองจิ้งหยางมีทหารอยู่แล้วสองแสนห้าหมื่นนายบวกกับทัพสี่แสนของตนเองจะสามารถกวาดล้างกองทัพหนิงก่อนที่ทัพหนุนของพวกจะมาถึงอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อมาถึงจิ้งหยางแล้วกลับมีแต่เรื่องเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน
ตอนแรกไม่รู้ว่าพระชายาของจิ้งอ๋องนั่นใช้วิธีการใดจึงทำให้แม่น้ำจิ้งซึ่งแห้งแล้งมาเป็นเวลานานมีน้ำท่วมจนทำให้ทหารของเขากว่าแสนนายจมน้ำตายและยังทำให้จิ้งอ๋องมีทางหนีรอดไปได้ จากนั้นจิ้งอ๋องก็จุดไฟเผาเมืองจิ้งหยาง ตอนนี้ไฟในเมืองจิ้งหยางยังไม่ทันดับลงด้วยซ้ำ เกรงว่าจะไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลยหลังจากที่โดนเผาไปหมดสิ้นแล้ว แล้วยังมีฮวากั๋วกงคอยเฝ้าดูอยู่ในค่ายอีกด้วย หากไม่ใช่เพราะความน่าเกรงขามของเขาจะสูงส่งในกองทัพ การเคลื่อนไหวของเขาจะทำให้เหล่าแม่ทัพนายกองพลอยเคลื่อนไหวไปด้วย เกรงว่าเขาจะมัดตาแก่นั่นไว้นานแล้ว ตอนนี้กลับทำได้เพียงส่งคนไปคอยจับตาดูเพื่อป้องกันไม่ให้เขาแพร่ข่าวออกไปเท่านั้น
หลิ่วหยินเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งและเดินไปมาหลายรอบก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเสียทีเดียว เมืองจิ้งหยางถูกทำลายไปแล้ว เหล่าผู้คนในเมืองจิ้งหยางคงจะถูกจิ้งหยางพาไปตั้งตัวใหม่แล้ว หากเราสามารถหาสถานที่ที่ผู้คนเหล่านั้นอยู่ได้แล้วใช้ประชาชนมาข่มขู่เขาก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้”
“เราจะรอจนหาคนเจอหรือ? หากหาไม่พบจะทำอย่างไร?”
“ไม่มีทางหาไม่พบ คนในเมืองจิ้งหยางมีจำนวนหลายแสนคน คนมากมายเช่นนั้นไม่น้อยเลย คนเหล่านี้ไม่เหมือนทหาร มีทั้งคนแก่และเด็ก พวกเขาไม่มีทางเดินทางได้เร็วเกินไป ไม่เดินเร็วเกินไป จะต้องอยู่ใกล้ๆ และควรพบได้ในไม่ช้า ยิ่งกว่านั้นเมื่อครู่หม่อมฉันตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว รอบๆ เมืองจิ้งหยางนั้น นอกจากแม่น้ำจิ้งแล้วก็ไม่มีแม่น้ำและทะเลสาบอื่นๆ อีก คนส่วนใหญ่ในเมืองขุดบ่อน้ำเพื่อใช้งาน ตอนนี้เราอยู่ริมฝั่งแม่น้ำจิ้งแล้ว กองทัพหนิงมีคนมากขนาดนั้นแล้วยังมีชาวบ้านอีกมากมายจะต้องกินน้ำ พวกเราจึงส่งคนไปเฝ้าริมฝั่งแม่น้ำจิ้งไว้แล้วตัดแหล่งน้ำของพวกเขาเสีย ดูว่าพวกเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหน?” หลิ่วหยินเฟิงยิ้มบางๆ แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกหนาววูบวาบ
เซี่ยโหเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท คนต้องดื่ม หากไม่มีน้ำแล้วข้าก็อยากจะรู้นักว่าเขาจะทนไปได้อีกนานแค่ไหน”
ในตอนนี้หยุนชางนำทหารหนึ่งแสนนายคืบเข้ามาใกล้เมืองจิ้งหยางแล้ว เพราะนางไม่รู้ว่าสถานการณ์ในจิ้งหยางเป็นอย่างไร หยุนชางจึงสั่งให้ตั้งค่ายอยู่ไม่ไกลจากเมืองจิ้งหยางนักและส่งสายลับออกไปสืบสถานการณ์ของจิ้งอ๋องและรอกำลังเสริมมาช่วย
“พระชายา ท่านเดินไปมาอยู่นานแล้ว นั่งพักสักหน่อยเถอะเพคะ” เฉี่ยนอินกล่าวเบาๆ
หยุนชางถอนหายใจ “เฉี่ยนอิน ข้าสงบสติอารมณ์ไม่ได้ ข้าคิดไม่ออกว่ากองทัพหนิงจะทำอย่างไรต่อไปและท่านอ๋องจะรับมืออย่างไร ข้าสงบใจลงไม่ได้เลย”
เฉี่ยนอินมองไปที่หยุนชางอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี นางเป็นเพียงสายลับเท่านั้น นางได้รับเลือกให้เข้าวังเป็นนางกำนัลเพียงไม่กี่ปี เรื่องสงครามการรบเช่นนี้นางไม่รู้เรื่องเลย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เฉี่ยนอินจึงเอ่ยขึ้นว่า “ชายชราท่านนั้นที่ท่านอ๋องพามาไม่ได้อยู่ในค่ายหรือ? ท่านอ๋องปฏิบัติต่อเขาด้วยความนอบน้อมยิ่งนัก คิดแล้วคงจะเป็นคนที่มีความสามารถ ทำไมพระชายาไม่ลองไปถามเขาว่าเขามีวิธีอะไรดีๆ หรือไม่ล่ะเพคะ?”
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางก็เปล่งประกาย “จริงด้วย ข้าลืมอาจารย์ชิงชางไปได้อย่างไร เร็วเข้า หยิบเสื้อคลุมมา ข้าจะไปเขาที่กระโจมสักหน่อย”
ตอนที่หยุนชางไปถึงกระโจมที่อาจารย์ชิงชางอยู่ เขากำลังเล่นหมากล้อมกับตัวเองอยู่ เมื่อเห็นหยุนชางมา เขาก็ยิ้มและเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าเจ้าควรจะมาได้แล้ว นั่งลงเล่นหมากกับข้าสักกระดานสิ?”
หยุนชางส่ายหน้า “ตอนนี้ในใจข้าว้าวุ่นมาก ไม่มีกะจิตกะใจจะเดินหมากหรอก”
“สายลับรอบตัวเจ้ายังไม่กลับมา แม้แต่สถานการณ์ของจิ้งหยางเจ้าก็ไม่รู้ ร้อนใจไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา” เขากล่าวพลางวางหมาก
หยุนชางใคร่ครวญครู่หนึ่ง นางรู้ว่าอาจารย์ชิงชางพูดถูก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอข่าวก่อนเพื่อตัดสินใจ นางคิดพลางนั่งลงแล้วมองหมากบนกระดาน นางคีบหมากสีขาวขึ้นมาแล้ววางลง
เมื่อหยุนชางเล่นไปเรื่อยๆก็รู้สึกว่าหัวใจของนางสงบลงมาก ยังไม่ทันเดินหมากเสร็จก็ได้ยินเฉี่ยนอินเข้ามากระซิบ “พระชายา สายลับกลับมาแล้วเพคะ”
เมื่อหยุนชางได้ยินดังนั้นก็รีบทิ้งหมากในมือทันที นางหันหลังไปพูดว่า “เข้ามาได้”
สายลับคนหนึ่งจึงเดินเข้ามา บนตัวเขาเปียกชื้นไปด้วยน้ำค้าง เขาทำความเคารพหยุนชางและเอ่ยว่า “พระชายา พวกเราพบว่ากองทัพแคว้นเซี่ยได้ไปถึงด้านนอกเมืองจิ้งหยางตั้งแต่เมื่อคืน ท่านอ๋องใช้อุบายเมืองร้างและจุดไฟเผาเมืองจิ้งหยาง ตอนนี้ไฟในเมืองจิ้งหยางยังไม่ได้ดับลง ท่านอ๋องนำทหารและชาวเมืองจิ้งหยางไปทางใต้ของแม่น้ำจิ้ง กองทัพศัตรูตัดต้นไม้ทำแพแล้วมัดเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสะพาน เมื่อสามชั่วยามที่แล้วเพิ่งข้ามแม่น้ำจิ้งไป”
“ติดต่อท่านอ๋องได้หรือไม่?” หยุนชางรีบถาม
สายลับส่ายหัว “รอบด้านมีแต่ภูเขาและป่า หากต้องการติดต่อจิ้งอ๋องเกรงว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะ สายลับที่เหลือยังคงตามหาร่องรอยของท่านอ๋องอยู่ น่าจะมีเบาะแสในไม่ช้านี้ ข้าน้อยเกรงว่าพระชายาจะรอไม่ไหวจึงได้มาที่นี่เพื่อรายงานเสียก่อน”
หยุนชางพยักหน้าและโบกมือให้เขาออกไปแต่คิ้วของนางกลับขมวดมุ่น
“ดูท่าทางของเจ้าสิ คิ้วของเจ้าขมวดจนแทบจะบีบแมลงวันตายได้แล้ว” อาจารย์ชิงชางส่ายหัวแล้วเก็บหมากหมากบนโต๊ะออก
หยุนชางไม่ได้คลายคิ้วที่ขมวดออกเพราะมุกตลกนี้ “ท่านอาจารย์ เขากำลังตกอยู่ในอันตราย” พูดจบนางก็ไม่รอคำตอบจากอาจารย์ชิงชาง นางรีบกล่าวขึ้นอีก “ตอนนี้กองทัพของแคว้นเซี่ยมีกำลังพลหกแสนห้าหมื่นนาย ท่านอ๋องมีทหารเพียงสองแสนห้าหมื่นนายเท่านั้นและเขายังพาประชาชนไปด้วย หากกองทัพของแคว้นเซี่ยใช้กำลังขึ้นไปบนภูเขา เกรงว่าจะมีโอกาสชนะได้น้อย” หลังจากชะงักไปเล็กน้อยก็กลับคิดถึงจุดสำคัญของเรื่องนี้ได้ “ไม่สิ หากกองทัพเซี่ยขึ้นไปบนภูเขา ท่านอ๋องจะยังมีโอกาส ชนะอยู่ แต่หลิ่วหยินเฟิงต้องไม่ยอมเสี่ยงแน่ ตอนนี้เขากำลังให้ทหารเฝ้าแม่น้ำจิ้งอยู่ เขาจะต้องตั้งใจตัดต้นน้ำแน่ แม่น้ำจิ้งแห้งแล้งมาเป็นเวลานาน ผู้คนในเมืองจิ้งหยางต้องขุดบ่อน้ำเพื่อจะได้มีน้ำใช้ แต่ตอนนี้เขาซ่อนตัวอยู่บนภูเขา มีเพียงแม่น้ำจิ้งเท่านั้นที่เป็นแหล่งน้ำ กองทัพเซี่ยเพียงต้องเฝ้าแม่น้ำจิ้งไปเท่านั้น ทหารและชาวบ้านมีมากมายขนาดนั้นหากไม่มีน้ำดื่มต้องแย่แน่ หลิ่วหยินเฟิงกำลังรอเก็บเกี่ยวผลงานอยู่”
เมื่อคิดได้เช่นนี้หยุนชางก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นไปอีก
อาจารย์ชิงชางพยักหน้า แววตาฉายแววชื่นชมและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกศิษย์ของข้าก็ไม่ได้โง่นี่ เพียงแต่ในเมื่อจิ้งอ๋องกล้านำกำลังทหารและผู้คนขึ้นไปบนภูเขา นั่นก็หมายความว่าเขาค่อนข้างมั่นใจ เจ้าว่าทำไมเขาถึงได้มั่นใจนัก?”
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว นางไม่รู้ เพียงแค่นางคิดถึงสถานการณ์ของจิ้งอ๋องในตอนนี้ นางก็ไม่อาจสงบใจลงได้
อาจารย์ชิงชางหรี่ตาลงแล้วยิ้มขึ้น “หากใช้ความรู้สึกก็จะสับสน ท่านอ๋องของเจ้านั้นเกรงว่าจะเป็นเพราะเขาเชื่อในตัวเจ้าจึงได้กล้าเสี่ยงเช่นนั้น”
“เชื่อในตัวข้า?” หยุนชางตกตะลึง แล้วยกนิ้วชี้ไปที่กลางคิ้วด้วยท่าทางข้องใจ