ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 324 หยุนชางเผาเสบียงทัพเซี่ย
อาจารย์ชิงชางพยักหน้า “ย่อมต้องเชื่อเจ้า ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้ส่งสายลับไปบอกข่าวจิ้งอ๋องหรือ ที่บอกว่าทัพเซี่ยมีการเคลื่อนไหวและบอกเขาว่าเจ้าจะนำกองกำลังมาช่วย?”
หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย อาจารย์ชิงชางจึงกล่าวต่อว่า “เจ้าก็รู้ว่าไม่ว่าทหารของทัพหนิงจะเก่งกาจกล้าหาญเพียงใด หากเมื่อต้องพบกับกองทัพเซี่ยที่มีมากกว่าถึงสามเท่าแล้วและอาจเพราะมีจิ้งอ๋องกองทัพจึงยังไม่ถึงกับถูกกวาดล้าง แต่มันก็ไม่ง่ายเลย ทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บย่อมมีนับไม่ถ้วน นอกจากนี้เมืองจิ้งหยางยังมีชาวบ้านมากมาย หากจิ้งอ๋องมีจิตสำนึก เขาจะไม่พาคนเหล่านี้ไปเสี่ยง ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าเขาไม่อาจต้านศึกได้ ไม่เพียงแต่ถ่วงเวลารอเจ้ามาช่วย หากเจ้านำทัพสี่แสนจากคังหยางมาก็จะพอสูสีกับทัพเซี่ยด้านจำนวนคนอยู่บ้าง อย่างน้อยก็จะไม่ได้ต่างกันมากจนเกินไป”
หยุนชางนั่งเงียบครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งอยู่นานแล้วจึงเอ่ยว่า “แต่ตอนนี้ในมือข้ามีทหารไม่ถึงหนึ่งแสนคนด้วยซ้ำ…”
อาจารย์ชิงชางยิ้ม “อย่างไรก็ต้องมา แม้ในมือของเจ้าจะเพียงทหารหนึ่งแสนแต่ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้” เมื่อเห็นหยุนชางมองมา เขาจึงยิ้มและกล่าวว่า “ทัพเซี่ยคอยเฝ้าอยู่บนฝั่งของแม่น้ำจิ้ง เจ้าเพียงแต่ต้องสงบใจลงไตร่ตรองดูก็จะรู้ว่าตอนนี้พวกเขาก็มีจุดอ่อนที่ร้ายแรงเช่นกัน”
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปและจัดการความคิดที่กระจัดกระจายอยู่ในหัว น้ำย่อมขาดไม่ได้ ยามรบนอกจากน้ำแล้วก็มีเสบียงที่เป็นสิ่งสำคัญ
เสบียง?
ดวงตาของหยุนชางเปล่งประกาย นางคิดออกแล้ว “เสบียง!” หยุนชางรีบกล่าวขึ้น “ในเมื่อทัพเซี่ยต้องการล้อมท่านอ๋อง เขาจึงต้องเรียกทหารทั้งหมดที่อยู่นอกเมืองจิ้งหยางมาใช้ แม้ว่าทหารเหล่านั้นจะข้ามแม่น้ำไปได้แล้วแต่ก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เกรงว่าเสบียงของพวกเขาคงไม่มีทางขนส่งได้ทัน ทหารหนึ่งแสนของข้าแม่จะไม่มาก แต่ก็สามารถทำให้เสบียงของพวกเขาไม่อาจขนส่งไปได้!”
สายตาของอาจารย์ชิงชางฉายแววชื่นชมแวบหนึ่ง หยุนชางยืนขึ้น “สั่งให้กองทัพทั้งหมดรวมตัวและออกเดินทางไปกับข้า!”
หยุนชางนำกองทัพไปยังบริเวณใกล้เคียงของจุดข้ามแม่น้ำ พวกเขาเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง มีแพจำนวนมากที่ลอยอยู่บนผิวของแม่น้ำจิ้ง แพแต่ละตัวถูกใช้เชือกมัดติดกันและกว้างประมาณสิบเมตร หยุนชางใคร่ครวญครู่หนึ่งและรอให้ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง นางเรียกสายลับทั้งหมดที่สามารถเรียกได้รวมแล้วราวหนึ่งร้อยคน ทั้งหมดลงไปในน้ำและพุ่งไปที่สะพานที่สร้างโดยแพนั้น
ในราตรีลึกล้ำที่มองไม่เห็นแม้มือตนเอง มีทหารลาดตระเวนถือคบไฟเดินผ่านบ้างเป็นครั้งคราวแต่กลับไม่มีใครใส่ใจการเคลื่อนไหวในน้ำ หยุนชางอาศัยแสงไฟอ่อนๆ นั้นมองสะพานน้ำค่อยๆ แตกกระจายไป
หยุนชางหรี่ตาลงหันหลังกลับและนำกองทัพมุ่งไปยังค่ายทหารของแคว้นเซี่ยที่ตั้งอยู่นอกเมืองจิ้งหยาง นางสั่งให้คนไปสืบดูแล้วว่าเสบียงของทหารถูกเก็บไว้ที่ค่ายใหญ่นอกเมือง ในตอนนี้มีทหารรักษาการณ์อยู่เพียงห้าหมื่นนายเท่านั้น
ในค่ายสว่างไสว หยุนชางหรี่ตาลง ยกมือขึ้นและตะโกนว่า “จุดไฟ ฆ่า!”
คบเพลิงถูกจุดขึ้น กองทัพใหญ่ที่ซุ่มตัวอยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังหยุนชางและพุ่งไปยังค่ายทหารของแคว้นเซี่ยเมื่อได้ยินเสียงสั่งการของหยุนชาง เสียงตะโกนกู่ร้องฆ่าสังหารดังขึ้นพร้อมกับเสียงปะทะของหอกดาบ
หลังจากนั้นไม่นาน สายลับก็ค่อยๆ กลับมาทีละคนพร้อมเสื้อผ้าเปียกชุ่ม “พระชายา พวกเราได้ทำลายสะพานในแม่น้ำทั้งหมดแล้ว”
หยุนชางยิ้มบางๆ ดวงตาของนางเปล่งประกาย “ดีมาก! ตอนนี้ยังมีอีกภารกิจให้พวกเจ้าทำ เสบียงในค่ายเหลือไว้หน่อยพอให้พวกเรากินได้สามวันแล้วเผาที่เหลือทิ้งเสีย!”
เหล่าสายลับต่างรับคำสั่งแล้วมุ่งหน้าไปยังค่ายทหาร
หยุนชางยกมือขึ้นรวบรวมผมที่ปลิวไปตามสายลมยามราตรี ในใจสงบลงมาก ทัพหนุนที่อยู่เบื้องหลังอีกไม่นานก็คงมาถึงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเซี่ยโหเหยียนและหลิ่วหยินเฟิงจะต้องเสียใจให้การตัดสินใจครั้งนี้
ขณะที่กำลังคิดอยู่ นางก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้น “หยุด!” เสียงนั้นค่อนข้างแก่ แต่กลับแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามราวกับเปล่งออกมาด้วยกำลังภายใน “องค์หญิงฮุ่ยกั๋วอยู่ในกองทัพด้วยหรือไม่? ฮวากั๋วกงแห่งแคว้นเซี่ยขอเข้าเฝ้า!”
หยุนชางเห็นว่าไฟในค่ายค่อยๆ ส่องสว่าง ในใจก็ตกตะลึง จึงนึกขึ้นได้ว่าฮวากั๋วกงอยู่ในค่ายใหญ่ที่จิ้งหยางนี้จริงๆ แต่ทำไมเขาจึงไม่ตามเซี่ยโหเหยียนไปที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจิ้งแต่กลับอยู่ที่ค่ายนี่
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรฮวากั๋วกงก็เป็นท่าตาของจิ้งอ๋อง ในเมื่อนางเป็นชายาของเขา เพื่อที่จะปูทางถอยให้จิ้งอ๋องแล้ว นางไม่อาจทำให้เขาลำบากใจมากนัก จึงได้เปล่งเสียงห้าม “เอาล่ะ! หยุด!”
เสียงการต่อสู้ค่อยๆ หยุดลง หยุนชางเห็นว่าทหารค่อยๆ แยกจากกัน ชายชุดสีม่วงเดินออกมาจากกระโจม ผมของเขาเป็นสีขาวเทา แต่ท่าทางของเขายังคงสง่างาม คงจะเป็นฮวากั๋วกง
หยุนชางลงจากหลังม้าและเดินไปหาฮวากั๋วกง หยุดอยู่ห่างจากฮวากั๋วกงเพียงไม่กี่ก้าวและประสานมือคารวะเล็กน้อย “ฮวากั๋วกงสบายดีหรือ?”
ฮวากั๋วกงยิ้มเล็กน้อย แต่ในรอยยิ้มนั้นกลับมีประกายขมขื่นแฝงอยู่ แต่หยุนชางไม่ได้คิดว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ นางเพียงชำเลืองมองฮวากั๋วกงและกล่าวว่า “ในเมื่อฮวากั๋วกงเชิญข้า เช่นนั้นข้าก็จะไปสนทนากับท่านในกระโจมสักครู่” นางพูดพลางยกมือขึ้นเพื่อบอกให้สายลับหยุดอยู่กับที่แล้วจึงเดินไปข้างหน้าสองก้าวเพื่อไปอยู่ด้านข้างของฮวากั๋วกง
ฮวากั๋วกงหันกลับไปเหลือบมองตำแหน่งที่ถูกไฟเผาแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาหันกลับมาและเดินไปที่กระโจมพร้อมกับหยุนชาง
เมื่อเข้าไปในกระโจมแล้ว ฮวากั๋วกงก็นั่งลงที่ตำแหน่งสูงและเอ่ยว่า “องค์หญิงฮุ่ยกั๋ว เชิญนั่งพ่ะย่ะค่ะ” จากนั้นเขาก็เหลือบมองชุดบุรุษของหยุนชาง “เด็กผู้หญิงมาใส่ชุดบุรุษเช่นนี้เป็นเรื่องเหลวไหลอะไรกัน”
หยุนชางยิ้มบางๆแล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ เมื่อเห็นชาและถ้วยบนโต๊ะข้างๆ นางก็รินชาลงถ้วยแล้วจิบก่อนจะเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าแต่งงานกับจิ้งอ๋องแล้ว ฮวากั๋วกงเรียกข้าว่าพระชายาก็พอ” นางยังจำได้ว่าตอนที่นางอยู่ในเมืองหลวงและยังไม่ได้แต่งงานกับจิ้งอ๋อง ฮวากั๋วกงเคยมาที่จวนจิ้งอ๋องและบอกเป็นนัยทั้งต่อหน้าและลับหลังว่าฐานะของนางไม่คู่ควรกับจิ้งอ๋อง แต่สุดท้ายนางก็ต่างงานเป็นชายาของจิ้งอ๋องแล้วจึงได้เอ่ยปากเสียดสีเขาเสียหน่อย
ฮวากั๋วกงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “พระชายากล้าหาญมากที่กล้าเข้ามาในกระโจมนี้เพียงลำพัง ไม่กลัวว่าจู่ๆ ข้าจะฆ่าท่านหรือ?”
หยุนชางได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ “หากฮวากั๋วกงต้องการให้ท่านอ๋องเกลียดท่านมากขึ้นหรือเพิกเฉยต่อท่านมากขึ้น ท่านก็ฆ่าข้าได้เลย”
เมื่อฮวากั๋วกงได้ยินคำพูดเช่นนั้นก็สะดุ้งเล็กน้อยและปัดถ้วยน้ำชาด้านข้างตกแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ “เจ้ารู้อะไรมางั้นหรือ?”
หยุนชางเงยหน้าขึ้นและมองลึกลงไปในตาของฮวากั๋วกงแล้วนางก็ยิ้มกว้างขึ้น “เกรงว่าฮวากั๋วกงจะไม่รู้ว่าตอนที่ทหารแคว้นเซี่ยแอบแฝงตัวเข้าไปที่ภูเขากิเลน ข้าและท่านอ๋องเคยแอบเข้าไปสำรวจมาอย่างเงียบๆ วันนั้นข้าบังเอิญได้ยินฮวากั๋วกงและท่านอ๋องเจ็ดพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรพูด…”
ฮวากั๋วกงหน้าซีดทันที “ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ที่แท้เขารู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”