ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 327 การปล่อยข่าวลือคืออาวุธสงครามชั้นยอด
- Home
- ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
- บทที่ 327 การปล่อยข่าวลือคืออาวุธสงครามชั้นยอด
ทุกคนในที่นั้นต่างมองหน้ากัน แล้วพยักหน้า “ท่านอ๋องทรงรอบคอบนัก” จากนั้นก็แยกย้ายไปสั่งให้ทหารพักผ่อน คอยให้คนผลัดเปลี่ยนเวรยามจับตาความเคลื่อนไหวบนภูเขาลูกนั้นตลอดเวลา
ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ควันไฟบนภูเขาก็เริ่มจางลง นัยน์ตาของหยุนชางส่องประกาย “ดูเหมือนว่า ทหารแคว้นเซี่ยจะทนต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเราก็ต้องเตรียมตัวเอาไว้ไห้พร้อม ทำตามแผนเดิม กระจายกำลังทหารไปตามสี่ทิศ หลิวหัวและหยุนชงเป็นผู้นำเหล่าทหาร คอยซุ่มอยู่สองด้านซ้ายขวาของภูเขาหยุนจิน แม่ทัพฉีนำทหารบุกเข้าไปทลายฐานทัพแคว้นเซี่ย ให้พวกเขาตั้งตัวไม่ทัน ข้าจะไปร่วมประสานกำลังกับท่านอ๋องภายในภูเขา”
ผู้นำทหารทุกคนรับบัญชา เฉี่ยนอินเดินเข้ามาข้างๆหยุนชางแล้วพูดขึ้นว่า “พระชายา หม่อมฉันจะคอยติดตามรับใช้พระองค์ อย่าทรงปฏิเสธหม่อมฉันอีกนะเพคะ” หยุนชางหัวเราะ แล้วพยักหน้า นางขึ้นไปบนหลังม้า แล้วมองลงมาที่เซียวต้าป่าวที่ยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นจึงเอ่ยกับผู้ช่วยแม่ทัพ “ช่วยเตรียมม้ามาให้เขาสักตัว”
เซียวต้าป่าวรีบคุกเข่าลง “ขอบพระคุณใต้เท้า”
หยุนชางยิ้มและเอ่ยว่า “หากว่าวันนี้เจ้าช่วยนำทางให้พวกเราได้เป็นอย่างดี ก็จะถือเป็นผลงานของเจ้า ข้าจะมีรางวัลให้เจ้าอย่างแน่นอน”
เมื่อเซียวต้าป่าวได้ยินเช่นนั้นแล้ว แววตาของเขาตื้นตันมาก “ขอบพระคุณใต้เท้า ขอบพระคุณขอรับ”
องครักษ์คนสนิทจูงม้าออกมาแล้ว หยุนชางจึงหันไปบอกกับเซียวต้าป่าว “ขึ้นม้าเถอะ พวกเราต้องไปกันแล้ว”
ธงบัญชาการถูกโบกขึ้น 3 ครั้ง กองทัพก็เริ่มออกเดินทาง หยุนชางพาทหารที่มีจำนวนไม่ถึงแสนนาย มุ่งหน้าไปยังถ้ำบนภูเขา ภายใต้การนำทางของเซียวต้าป่าว
ทหารแคว้นเซี่ยได้เริ่มเตรียมการโจมตีแล้ว เสียงกลองดังขึ้น เสียงบัญชาการก็ดังตามมาที่ภูเขาหยุนจิน หยุนชางตั้งใจฟังเสียง จำนวนไพร่พลของทั้งสองฝ่ายในตอนนี้ค่อนข้างสูสี ใครจะแพ้ใครจะชนะ คงจะตัดสินลำบาก
“พระชายาเพคะ เหตุใดพระองค์จึงไม่ให้อาจารย์ชิงชางตามมาด้วยล่ะเพคะ? ถ้าหากว่าหลิ่วหยินเฟิงนั่นคิดแผนตามตำราพิชัยสงครามขึ้นมา จะไม่แย่กันหรือเพคะ?” เฉี่ยนอินขมวดคิ้วถามด้วยความกังวล
หยุนชางยิ้ม “การเดินทางไปสู้รบเป็นเรื่องลำบากลำบน ท่านอาจารย์ชิงชางอายุมากแล้ว คงจะแบกรับสภาพที่ยากลำบากเช่นนี้ไม่ไหว การที่ท่านอ๋องเชิญเขามาในค่ายทหารนี้ ปากก็บอกเพียงแค่เพื่อให้เขาเข้ามาช่วยพวกเราอีกแรง แต่ความจริงแล้ว ท่านอ๋องกลับหวังว่าเขาจะถ่ายทอดวิชาตำราพิชัยสงครามให้กับข้าด้วย ดังเช่นสุภาษิตว่าไว้ มอบปลาให้คน ไม่สู้สอนให้คนจับปลา หลายวันมานี้ ข้าได้ศึกษาตำราพิชัยสงครามที่เขาให้ข้ามา แม้จะยังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ภาพตำราพิชัยสงครามและวิธีตั้งรับกลศึกพิชัยสงคราม ข้าก็จดจำเอาไว้ได้จนขึ้นใจ แม้จะไม่เคยลองวิชา แต่คงจะสามารถนำมาใช้ได้ในระดับหนึ่ง”
“พูดเป็นเล่นอีกแล้วนะเพคะพระชายา หม่อมฉันเห็นตำราพิชัยสงครามนั่นแล้ว พอนำมาวางซ้อนๆกันเข้าก็หนาเป็นศอกเลยนะเพคะ นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง พระองค์จะท่องจำเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างไรล่ะเพคะ” เฉี่ยนอินเบ้ปาก นางแสดงท่าทางไม่เชื่อถือ
หยุนชางถึงกับอดหัวเราะไม่ได้ “เฉี่ยนอินของข้าคือคนที่เข้าใจข้าที่สุดเลย ใช่แล้ว ความจริงข้าจำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่อาจให้ท่านอาจารย์ชิงชางมาร่วมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบนี้เป็นอันขาด”
การเดินทางที่เร่งรีบ ในที่สุดก็มาถึงปากทางถ้ำดังกล่าวแล้ว หยุนชางค่อยๆลงจากม้า เมื่อเข้าไปในถ้ำ ก็เจอแต่ความมืดสนิท องครักษ์คนสนิทรีบจุดคบเพลิง จึงพอมองเห็นภายในถ้ำขึ้นมาบ้าง
หยุนชางขมวดคิ้ว ภายในถ้ำยังคงมีร่องรอยของเหล่าทหารหลงเหลืออยู่ แต่กลับไม่มีผู้ใดอยู่เลย หยุนชางลองอังมือที่กองไฟที่ดับมอดลงแล้ว ยังคงมีไออุ่นคุกรุ่นเล็กน้อย หยุนชางลุกขึ้นยืน เหล่าทหารของจิ้งอ๋องคงจะไปจากที่นี่ได้ไม่นาน แต่หยุนชางได้ให้คนมาส่งข่าวก่อนหน้านี้แล้วว่านางกำลังตามมาสมทบ เหตุใดจิ้งอ๋องจึงไม่อยู่รอตนที่นี่ก่อน
หยุนชางกลับออกมาที่ปากถ้ำ เฉี่ยนอินเห็นนางเดินออกมาคนเดียวจึงรีบถาม “พระชายา แล้วท่านอ๋องล่ะเพคะ?”
“ไปแล้ว” หยุนชางหยิบขลุ่ยหยกออกมาแล้วเป่าอยู่ครู่หนึ่ง พลันมีคนตกลงมาจากบนต้นไม้ หยุนชางสะดุ้ง คนผู้นั้นล้มลงต่อหน้าหยุนชาง เขาแต่งกายเช่นเดียวกันกับสายลับ ในมือก็ถือป้ายประจำตัวสายลับอยู่ด้วย
หยุนชางก้าวเข้าไปหา จึงได้เห็นว่าคนผู้นั้นบาดเจ็บสาหัส มีเลือดอาบไปทั่วกาย
เมื่อเห็นหยุนชางมีท่ามีร้อนใจ เขาจึงรีบพูดด้วยน้ำเสียงที่ใกล้จะหมดแรง “พระชายา ท่านคือพระชายา ท่านอ๋องเคยบอกว่า มีเพียงพระชายาเท่านั้นที่จะเป่าขลุ่ยหยกเพื่อติดต่อเหล่าสายลับได้”
หยุนชางก้าวเข้าไปใกล้กว่าเดิม “ใช่ ข้าคือชายาของจิ้งอ๋อง”
ใบหน้าของสายลับผู้นั้นดูสุขใจ เขาพูดอย่างตะกุกตะกัก “พระชายา ท่านอ๋องสั่งให้กองทหารแยกกันไปตามจุดต่างๆ เดิมที…เดิมทีท่านอ๋องได้เตรียมทหาร 5 หมื่นนายมารอพระชายาอยู่…อยู่ที่นี่แล้ว แต่ว่า……หลิ่วหยินเฟิงกุนซือกองทัพแคว้นเซี่ยได้นำ…นำทหารกว่า 1 แสน…มา ดูเหมือน…เหมือนจะรู้ว่ามีถ้ำอยู่ตรงนี้……ท่านอ๋องจึงสั่งให้หม่อมฉันมาราย…รายงานต่อพระชายา แล้วท่านอ๋องก็นำทหารเข้าไปตามแนวความลึกของถ้ำ……หลิ่วหยินเฟิงมาพบ…พบพวกเราแล้วจึงสังหารคนของเรา มีหม่อมฉันที่รอดตายมาได้พ่ะย่ะค่ะ……”
ทันทีที่พูดจบ สายลับผู้นั้นก็สำลักลมหายใจออกมาเป็นเฮือกสุดท้าย หลังจากนั้น เขาก็ไม่หายใจอีกเลย
หยุนชางตกใจเป็นอย่างมาก นางถอนหายใจ “เด็กๆ นำร่างนี้ไปฝังให้ดีๆล่ะ”
เฉี่ยนอินเดินเข้ามา “พระชายา ในเมื่อหลิ่วหยินเฟิงขึ้นเขามาแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงต้องนำทหารเข้าไปตามแนวความลึกของถ้ำด้วยล่ะเพคะ ตอนนี้ทหารของเราที่อยู่ตีนเขามีจำนวนมากกว่า ท่านอ๋องควรเสด็จลงมาไม่ดีกว่าหรือเพคะ?”
หยุนชางรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ภายในใจ นางหลับตาไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “เซี่ยโหจิ้งนำทัพครานี้ เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการกำจัดท่านอ๋อง ด้วยเหตุนี้ หลิ่วหยินเฟิงจึงนำคนมาสังหารท่านอ๋อง ในค่ายของเรามีสายลับจากแคว้นเซี่ยแฝงตัวอยู่ เรื่องถ้ำแห่งนี้ก็คงจะรู้ไปถึงหูพวกเขาแล้ว การที่ท่านอ๋องนำทหาร 5 หมื่นนายเข้าไปตามแนวความลึกของถ้ำ ก็คงเป็นเพราะ……เพราะท่านอ๋องต้องการให้หลิ่วหยินเฟิงนำทหารแสนกว่านายตามเข้าไปฆ่าเขา เพื่อให้ทหารของแคว้นเซี่ยเหลืออยู่เพียง 4 แสน 8 หมื่นกว่านาย เมื่อท่านอ๋องล่อลวงให้หลิ่วหยินเฟิงตามเข้าไปในถ้ำแล้ว พวกเราที่มาทีหลังจะได้มีโอกาสได้รับชัยชนะสูงยิ่งขึ้น……”
เขาเองก็ออกรบมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในวันนี้เขาจึงได้ตัดสินใจโง่ๆเช่นนี้ออกมา หรือเขาจะคิดว่าตนเองเป็นยอดนักรบที่มีฝีมือราวเทพ ใช้ทหารเพียง 5 หมื่นนาย ก็จะสามารถรับมือกับทหารแสนกว่านายของหลิ่วหยินเฟิงได้?
ขณะที่นางกำลังคิดถึงเรื่องนี้ ก็เห็นทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาหา “ใต้เท้าขอรับ มีคนส่งข่าวมาว่า กองกำลังแคว้นเซี่ยกำลังปล่อยข่าว ว่าจิ้งอ๋องเป็นองค์ชายแห่งแคว้นเซี่ย เป็นคนของแคว้นเซี่ยตั้งแต่แรกอยู่แล้วขอรับ……”
หยุนชางได้ฟังก็โกรธอย่างฉุดไม่อยู่ “เหลวไหล!” แล้วนางก็พูดกับทหารนายนั้นด้วยเสียงกร้าว “นำความไปบอกพวกแม่ทัพ ว่าฝ่ายแคว้นเซี่ยเพียงต้องการปลุกปั่นขวัญและกำลังใจของเหล่าทหาร หากจิ้งอ๋องเป็นคนของแคว้นเซี่ยจริงๆล่ะก็ ทหารแคว้นเซี่ยจะจุดไฟเผาภูเขาไปเพื่ออะไร ไหนจะตอนนี้ก็ส่งกุนซือมาพร้อมกับทหารแสนกว่าเพื่อมาตามล่าจิ้งอ๋อง เห็นได้ชัดว่าต้องการสังหารจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องเป็นวีรบุรุษของแคว้นหนิง เคยนำชัยชนะมาสู้แคว้นหนิงนับครั้งไม่ถ้วน จะถูกคนซื้อใจไปง่ายๆได้อย่างไร? เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับไพร่พลของเรา จงนำความจากข้าไปเผยแพร่ให้เหล่าทหารได้รับทราบตามนี้ถูกประการ หากผู้ใดหูเบาเชื่อคำตามข่าวลือ จะต้องถูกประหารโดยไม่มีข้อยกเว้น!”
ทหารหน่วยข่าวกรองผู้นั้นอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า “ใต้เท้าขอรับ ข้าน้อยเกรงว่า หากข้าน้อยไปประกาศตามนี้แล้วจะยิ่งทำให้ไพร่พลรู้สึกแย่ลงไปอีกนะขอรับ”
เมื่อหยุนชางได้ฟังดังนั้น มือของนางสั่นเทาเล็กน้อย คงเป็นเพราะตนได้ฟังข่าวเรื่องจิ้งอ๋องจนสติหลุด แม้แต่สิ่งที่ทหารหน่วยข่าวกรองคิดได้ตนกลับลืมคิดไปเสียสนิท แผนการนี้จะต้องเป็นความคิดของหลิ่วหยินเฟิงแน่นอน จึงเฉพาะเจาะจงให้มารายงานให้ตนได้รู้ หลิ่วหยินเฟิงคงคิดว่า ผู้ที่จะเป็นศูนย์รวมขวัญและกำลังใจของเหล่าไพร่พลได้นั้นก็มีแต่ตนเท่านั้น ตนไม่ได้เป็นเพียงชายาจิ้งอ๋อง แต่ยังเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นหนิง
และหลิ่วหยินเฟิงคงต้องการถ่วงเวลาของนางเอาไว้ ไม่ให้นางรีบตามไปช่วยจิ้งอ๋องได้ทัน ในเวลานี้เหล่าผู้นำทหารก็ได้กระจายตัวไปตามจุดต่างๆแล้ว ในมือของตนตอนนี้กลับไม่มีคนเก่งหลงเหลืออยู่เลย……