ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 329 ห้อมล้อมจิ้งอ๋อง
หยุนชางเห็นว่าจิ้งอ๋องยังคงโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย แต่นางไม่ทราบจริงๆ ว่าเหตุใดเขาจึงแสดงสีหน้าเช่นนี้ใส่ตน เมื่อครุ่นคิดแล้ว อาจเป็นเพราะว่าตนนั้นไม่ระวังแล้วได้รับบาดเจ็บกระมั้ง แต่ทว่าตอนที่เขาเกือบตายอยู่ที่เมืองจิ้งหยาง ตนนั้นคอยดูแลเขาอย่างระมัดระวัง ระแวงตลอดว่าเขาจะไม่สบายตรงไหนหรือไม่ แต่ทำไมเมื่อตนได้รับบาดเจ็บแล้ว เขาจึงทำตัวแปลกๆ เช่นนี้ล่ะ?
หยุนชางขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่จิ้งอ๋อง นางพูดด้วยเสียงเบามาก ดูเหมือนจะอ่อนแรงเล็กน้อย “เจ็บ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิ้งอ๋องจึงมองไปที่แขนของนาง แล้วกล่าวด้วยความโกรธเคืองเล็กน้อย “สายลับที่อยู่รอบตัวเจ้านั้นมีแต่คนไม่เอาไหน ไม่คาดคิดว่าจะหลงกลที่โง่เขลาเช่นนี้ ให้พวกเขาไปรับโทษโดนเฆี่ยนคนละห้าสิบทีเสียดีกว่า”
สายลับเหล่านั้นคือคนที่หยุนชางฝึกมาเองกับมือ นางจะยอมได้อย่างไร แล้วจึงรีบกล่าวว่า “ไม่ได้”
เมื่อเห็นว่าจิ้งอ๋องขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง หยุนชางก็อธิบายว่า “คนเราจะไม่มีวันทำผิดได้อย่างไรกัน การที่ข้าได้รับบาดเจ็บนั้นถือเป็นการลงโทษที่หนักที่สุดของพวกเขาแล้ว สองสามวันนี้พวกเขาคงจะรู้สึกผิดอย่างมาก หากว่าลงโทษอีก เช่นนั้นก็ใจร้ายจนเกินไปใช่หรือไม่? อีกทั้งข้ายังมีคำถามบางอย่างที่ต้องถามพวกเขาอีก”
หลังจากพูดจบแล้ว นางกลัวว่าจิ้งอ๋องจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก ดังนั้นนางจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา ” อีกเรื่องหนึ่ง ข้าทราบแล้วว่าคนที่สังหารองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเซียและเผาคุกหลวงคือใคร”
จิ้งอ๋องมิได้สนใจนาง
หยุนชางก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน นางกล่าวต่อ “ที่แท้แล้วเป็นฝีมือของอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยและหลี่จิ้งเหยียนนี่เอง ข้าเดาว่าพวกเขาคงแอบกลับเข้าไปในเมืองหลวงอย่างเงียบ ๆ แล้ว และข้าไม่รู้ว่าคนที่สั่งการให้คนมาสังหารข้านั้นใช่พวกเขาหรือไม่ ในคุกหลวงนั้นมีร่องรอยของการเผาธูปพระพุทธเจ้าอยู่ ซึ่งหน่วยนักฆ่าแห่งแคว้นเซี่ยมักใช้ธูปนี้เป็นประจำ หากว่าฤทธิ์เบาก็สามารถทำให้คนหมดและเชื่อฟังคำสั่งผู้อื่นได้ แต่หากหนักก็อาจหมดสติในทันที เพียงแต่ว่าเมื่อจุดธูปพระพุทธเจ้านั้นแล้วมันจะส่งกลิ่นฉุนอย่างมาก ฉะนั้นมือสังหารจึงตั้งใจเอาน้ำมันตุงมากลบกลิ่นเอาไว้ พวกเราเอาแต่อยากจะสืบหาน้ำมันตุง จึงได้หลงกลผู้ร้าย อ๋องเจ็ดเป็นคนสังหารองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเซี่ย แต่ทว่าอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยนั้นไม่มีเส้นสายที่พึ่งพาได้ จึงได้ขอให้กองกำลังแฝงของหลี่จิ้งเหยียนมาช่วย ส่วนหัวจิ้งนั้น หลี่จิ้งเหยียนเป็นคนช่วยนางออกมา
แววตาของจิ้งอ๋องค่อยๆ มองไปภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนังในห้องโถง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา “เรื่องเหล่านี้ ใครเป็นคนบอกเจ้า”
“หลิ่วหยินเฟิงบอกข้าเอง เขาเคยไปตรวจสอบที่คุกหลวง เขาบอกว่ากลิ่นของน้ำมันตุงนั้นได้จางหายไปบ้างแล้ว และเขาก็ได้กลิ่นของธูปพระพุทธเจ้า” เมื่อเห็นว่าจิ้งอ๋องยอมคุยกับนาง หยุนชางก็กะพริบตาและรีบตอบทันที
แต่ไม่คาดคิดว่า ทันทีที่นางพูดเช่นนี้ไป สีหน้าของจิ้งอ๋องก็แย่ลงอย่างมาก เขาอุ้มหยุนชางขึ้นมาแล้วเดินไปที่ลานที่อยู่อาศัยโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น
หยุนชางตกตะลึง นางแปลกใจเล็กน้อยและไม่รู้ว่าตนพูดอะไรผิดไปหรือไม่ จึงทำให้จิ้งอ๋องเป็นเช่นนี้อีกแล้ว นางครุ่นคิดในใจเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่นี้ เรื่องก่อนหน้านี้ที่เล่าน่าจะไม่มีปัญหากระไร เพราะหลังจากที่นางเล่าจบแล้ว จิ้งอ๋องจึงถามคำถามนาง เพียงแค่เมื่อได้ยินคำตอบของนางแล้ว เขาก็กลับไปเป็นแบบเดิมอีก
นางตอบไปว่าอย่างไรหรือ?
“หลิ่วหยินเฟิงบอกข้าเอง เขาเคยไปตรวจสอบที่คุกหลวง เขาบอกว่ากลิ่นของน้ำมันตุงนั้นได้จางหายไปบ้างแล้ว และเขาก็ได้กลิ่นของธูปพระพุทธเจ้า”
ตอบไปเช่นนี้กระมั้ง
เพียงแต่ว่านี่เป็นแค่ประโยคธรรมดา เหตุใดจึงทำให้จิ้งอ๋องโกรธเคืองได้ล่ะ? หยุนชางขมวดคิ้ว จ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของจิ้งอ๋อง ครุ่นคิดอยู่นานแต่นึกเหตุผลไม่ออก
หยุนชางรู้สึกว่าตนนั้นเป็นคนที่สังเกตปฏิกิริยาของผู้คนได้ดีเลยทีเดียว แต่เหตุใดนางถึงเดาไม่ได้ว่า จิ้งอ๋องกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ?
“เหตุใดเจ้าจึงโกรธเช่นนี้?” หยุนชางบ่นพึมพำ แต่ไม่คาดคิดว่าจะพูดมันออกมา
จิ้งอ๋องหยุดชะงัก จากนั้นก็เดินตรงไปที่ลานบ้านโดยไม่บอกกล่าวกระไร เมื่อกลับมาถึงห้องแล้ว หยุนชางก็เห็นว่าเฉี่ยนอินยืนอยู่ในห้อง สีหน้าของนางดูร้อนรนอย่างมาก เมื่อเห็นว่าหยุนชางกลับมา นางจึงรีบเดินเข้าไปหา นางจ้องมองตรงไปที่แขนที่พันผ้าพันแผลไว้ของหยุนชาง “พระชายาเพคะ ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ?”
หยุนชางอมยิ้มที่มุมปาก “ไม่เป็นกระไรหรอก แผลเล็กๆ เท่านั้นเอง………..” ยังไม่ทันพูดจบ นางก็ถูกจิ้งอ๋องโยนลงเตียงอย่างแรง หยุนชางรู้สึกว่า ใช้คำว่า “โยน” นั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว เขาโยนจริงๆ หยุนชางตกตะลึง นางยังไม่ทันคิด แต่มือก็เกิดกิริยาตอบสนองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นางรีบใช้ศอกพยุงเตียงเพื่อไม่ให้ตัวเองกระทบลงไป แต่บังเอิญไปใช้มือข้างที่บาดเจ็บพอดี หยุนชางเจ็บจนร้อง “โอ๊ย………” ออกมา
แต่จิ้งอ๋องก็แค่ยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็หันหลังกลับเดินออกไป ปล่อยให้หยุนชางและเฉี่ยนอินมองหน้ากันและกันด้วยความงุนงง
เสียงของจิ้งอ๋องที่คุยกับพ่อบ้านดังเข้ามา ดูเหมือนว่ากำลังสั่งอะไรบางอย่าง เฉี่ยนอินรีบขยับเข้าไปใกล้หยุนชาง แล้วถามด้วยเสียงเบาๆ ว่า “พระชายาเพคะ ท่านทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคืองหรือ?”
แววตาของหยุนชางมึนงงเล็กน้อย นางส่ายหน้า ” อาจจะเป็นไปได้ แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงโกรธ” หลังจากพูดจบ นางก็มองไปที่เฉี่ยนอิน ” เขาว่ากันว่าคนที่อยู่นอกเหตุการณ์จะมองออก ส่วนคนที่อยู่ในเหตุการณ์มักจะดูไม่ออก เจ้ามาช่วยข้าคิดหน่อย” ขณะพูด นางก็เล่าเรื่องวันนี้ให้เฉี่ยนอินทราบ
หลังจากฟังจบเฉี่ยนอินกะพริบตา ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ข้าเดาว่า ท่านจิ้งอ๋องเขาหึงรึเปล่าเพคะ?”
“หึงอย่างนั้นหรือ?” หยุนชางมึนงงยิ่งกว่าเดิม “เขาหึงอะไรหรือ?”
เฉี่ยนอินทำสีหน้าผิดหวังในตัวหยุนชางเล็กน้อยออกมา “หากว่าตอนท่านอ๋องบาดเจ็บ แล้วพระชายารีบเดินทางไปหาท่าน แต่กลับพบว่าจิ่งเหวินซีกำลังทำแผลให้ท่านอ๋องด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนอย่างมาก อีกทั้งทั้งสองยังพูดคุยกันอย่างมีความสุข พระชายาจะโกรธเคืองหรือไม่?”
แม้ว่ารู้สึกว่าคำถามของเฉี่ยนอินจะไร้สาระเล็กน้อย แต่หยุนชางก็ยังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนึกถึงฉากที่นางอธิบายมาไว้ในหัว จากนั้นก็พยักหน้าหลัง” แน่นอนว่าต้องโกรธเคือง” คงโกรธเคืองอย่างมากกระมั้ง หยุนชางคิดในใจ ทั้งๆ ที่จิ้งอ๋องทราบอยู่แล้วว่าตนและจิ้งเหวินซีเข้ากันไม่ได้อย่างมาก แต่ก็ยังกล้าที่จะพูดคุยกับนางอย่างมีความสุขอย่างนั้นหรือ? หยุนชางหรี่ตาลง
เฉี่ยนอินตบไปที่โต๊ะและกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ถูกแล้วเพคะ ฉะนั้นเมื่อตอนที่ท่านอ๋องเห็นท่านและหลิ่วหยินเฟิงก็รู้สึกเช่นนี้เพคะ แค่หลิ่วหยินเฟิงพันแผลให้ท่าน ท่านอ๋องก็โกรธเคืองอย่างมากแล้ว แต่เมื่อกลับมาที่จวนท่านอ๋องแล้ว ท่านกลับพูดถึงหลิ่วหยินเฟิงอีก แล้วท่านอ๋องจะไม่โกรธได้อย่างไร?”
หยุนชางยังคงมึนงงเล็กน้อย นางโกรธเคืองเพราะว่าจิ่งเหวินซีนั้นร้ายจนเกินไป แต่จิ้งอ๋องและหลิ่วหยินเฟิง?
อ๋อ……
จู่ๆ หยุนชางก็นึกขึ้นได้ว่า หลิ่วหยินเฟิงเป็นกุนซือของแคว้นเซี่ย เมื่อตอนที่เขาอยู่ในเมืองจิ้งหยาง หลิ่วหยินเฟิงเคยวางกับดักใส่จิ้งอ๋อง จนเกือบจะทำให้จิ้งอ๋องเสียชีวิตไป แต่หยุนชางลืมเรื่องนี้ไปจนสิ้นแล้ว
นางพูดคุยกับศัตรูของเขาอย่างมีความสุข ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดเขาจึงโกรธ
หยุนชางคิดในใจ จากนั้นก็เห็นว่าจิ้งอ๋องเดินเข้ามา เฉี่ยนอินรีบลุกขึ้นยืนตัวตรงและพูดเบา ๆ ว่า “พระชายาทรงพักผ่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันจะไปนำน้ำดื่มมาให้เพคะ ตอนนี้ท่านได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นสองสามวันนี้อย่าดื่มชาจะดีกว่าเพคะ” ขณะที่พูดนางก็รีบออกจากห้องไป
หยุนชางมองไปที่จิ้งอ๋องอยู่บ่อยครั้ง แต่เห็นว่าเขาไม่มองมาที่ตนเลย เขาหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่มแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้และอ่านหนังสือ
อืม… หยุนชางต้องการทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงบ้าง แต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี นางรีบเรียบเรียงคำพูดขึ้นมา แล้วมองดูจิ้งอ๋องอยู่หลายครั้ง จากนั้นจึงเอ่ยปากช้าๆ ” อืม เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้คือความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรให้หลิ่วหยินเฟิงทำแผลให้ และไม่ควรคุยกับเขา เพียงแต่ว่าตอนนั้นสถานการณ์ค่อนข้างเร่งด่วน คนขับรถม้าพาข้าฝ่าฟันออกมาจากการโดนล้อม ข้าจึงต้องรีบหนีเข้าไปหลบในซอยข้างๆ จากนั้นคนลอบสังหารก็ตามมาอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นข้าคิดเพียงแค่ว่าอยากหาที่หลบซ่อน จากนั้นก็เห็นเขาเปิดประตูพอดี ตอนนั้นข้าไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเป็นใครก็รับหนีเข้าไปแล้ว เมื่อเข้าไปแล้วจึงพบว่าเป็นเขา”