ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 330 เขายอมเชื่อว่าเป็นนางจริงๆ
“เช่นนั้นก็คงต้องรอให้ท่านอ๋องตายไปเสียก่อน พระชายาคงต้องอดทนรอต่อไปอีกนิด แต่ก็อาจจะไม่ต้องรอนานมากนัก เพราะอีกไม่นาน พระชายาก็จะลงไปอยู่กับท่านแล้ว” หลิ่วหยินเฟิงหัวเราะสะใจ แล้วเอ่ยว่า “กองกำลังฝั่งขวา!”
“กุนซือหลิ่วช่างให้เกียรติข้าเหลือเกิน ในมือของข้าตอนนี้เหลือไพร่พลอยู่ราวๆ 4-5 ร้อยคน ส่วนของฝั่งกุนซือ ดูท่าทางคงจะมีไพร่พลอยู่หลายหมื่นคน ความต่างของจำนวนคนของพวกเราชัดเจนมากเช่นนี้ ท่านยังจะต้องใช้ระบบกองกำลังอยู่อีกหรือ?” จิ้งอ๋องเห็นทหารแคว้นเซี่ยห้อมล้อมเข้ามาจากทั่วทั้ง 4 ทิศ แต่เขากลับยิ้มขึ้นมา
หลิ่วหยินเฟิงก็ยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน “ก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว จิ้งอ๋องทรงเป็นถึงยอดนักรบแห่งแคว้นหนิง ท่านอ๋องเจ็ดและมหาเสนาบดีหลี่แห่งแคว้นหนิงล้วนเป็นคนมีฝีมือ ก็ยังพ่ายให้กับจิ้งอ๋อง หม่อมฉันก็ต้องระวังตัวเอาไว้ก่อนเป็นเรื่องธรรมดา”
ใช้เวลาเพียงไม่นาน วิชาพิชัยสงครามก็ได้ถูกสร้างขึ้น จิ้งอ๋องมองดูสักพัก ก็รู้ว่านี่คือกองกำลังแปดทิศที่หลิ่วหยินเฟิงสร้างขึ้นมา
นี่ถือเป็นวิธีการจัดเรียงไพร่พลที่พบได้บ่อยๆ สามารถใช้จู่โจมและเฝ้าระวังได้ เมื่อการจัดแถวไพร่พลปิดสนิท พวกเขาก็จะถูกกักขังเอาไว้ในวงกลม เมื่อพวกเขาถูกจับ วิธีการจัดเรียงไพร่พลจะเปลี่ยนไปตามสภาวการณ์ จากการเริ่มต้นไปจนถึงจุดสิ้นสุด จะยึดเอาจำนวนคนเป็นหลัก หากจิ้งอ๋องมีคนสัก 1 หมื่นคน คงจะพอเอาชนะได้ แต่น่าเสียดาย ที่เขามีคนอยู่เพียง 5 ร้อยคน
จิ้งอ๋องหลับตาลงแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “พี่น้องทั้งหลาย ลงมือได้! วันนี้แม้จะต้องตาย ก็ขอให้ได้ตายในสมรภูมิแห่งนี้ อย่าให้โดนพวกมันจับตัวเอาไปได้”
ทุกคนขานรับขึ้นพร้อมกัน “รับด้วยเกล้า”
แล้วพวกเขาก็หยิบจับอาวุธ พร้อมปะทะกับคู่ต่อสู้
แต่เมื่อคนของจิ้งอ๋องได้เริ่มจู่โจม การจัดเรียงไพร่พลของฝ่ายแคว้นเซี่ยก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนสภาพ กองกำลังแปดทิศโอบล้อมต่อไปเรื่อยๆ ดวงตาของจิ้งอ๋องแดงก่ำ เขาลุยด้วยตนเอง แต่กลับได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมอีกหลายจุด
ปะทะกันสักพัก เขาก็ถูกคนลอบฟันขา จิ้งอ๋องล้มลงไปที่พื้น ในสมองรู้สึกสับสนงุนงง ได้ยินแต่เสียงอื้ออึงดังอยู่ในหัว
ทันใดนั้นก็มีเสียงเสียงนั้นดังขึ้น “ลั่วชิงเหยียน ท่านต้องอยู่เพื่อข้านะ!”
จิ้งอ๋องยังคงยิ้ม คนที่จะต้องตายคงจะเป็นเขาแน่นอน จึงรู้สึกเหมือนคนสติเลื่อนลอย หลงคิดว่าหยุนชางมาถึงแล้ว……
สติช่วงสุดท้ายของจิ้งอ๋องยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง เขาได้ยินเสียงแปลกๆดังเข้ามา คงเป็นเพราะพื้นดินไม่เรียบ รถม้าจึงเคลื่อนตัวอย่างทุลักทุเล จิ้งอ๋องพอรู้สึกตัวอย่างเลือนลางว่าร่างกายของเขากำลังกลิ้งไปยังที่ที่หนึ่ง เขาอยากจะหยุดตัวเอง แต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะควบคุมตัวเองได้
“โถ……” มีเสียงคนถอนหายใจด้วยความเป็นกังวล ร่างของจิ้งอ๋องถูกคนจับเอาไว้ เขาลากตัวจิ้งอ๋องไปด้านหลัง แล้วให้ศีรษะหนุนลงบนวัตถุนุ่มๆ
“สารถี ผิวทางไม่ค่อยราบเรียบ ค่อยๆไปนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น จิ้งอ๋องจำเสียงนั้นได้ดี นั่นคือเสียงของหยุนชาง หยุนชางที่เป็นภรรยา……ของเขา
สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มฟื้นคืนมาอย่างช้าๆ เขาค่อยๆทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จำได้ว่าเขาพาชาวบ้านเมืองจิ้งหยางและเหล่าทหารไปหลบอยู่ในภูเขา อาศัยคำแนะนำจากชาวบ้าน พากันไปหลบอยู่ภายในถ้ำ จากนั้นก็พาชาวบ้านไปส่งที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขากับทหารยังคงหลบอยู่ในถ้ำต่อไป ทหารแคว้นเซี่ยจุดไฟลามไหม้ไปทั่วภูเขา ควันไฟคละคลุ้งอยู่นอกถ้ำ ดีที่ในถ้ำยังพอมีน้ำและอาหาร จึงพอประทังชีวิตอยู่ได้”
พวกเขารอให้หยุนชางส่งกำลังเสริมมาช่วย เขาไม่เชื่อใจผู้ใดทั้งนั้นนอกจากหยุนชาง
หยุนชางมาแล้วจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่อยากเชื่อสักเท่าใด แต่เมื่อได้ยินสายลับรายงานมาว่าหยุนชางกำลังนำกำลังเสริมมาช่วย เขาดีใจแต่ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าใดนัก ตอนนั้นเขาคิดอยู่เพียงเรื่องเดียวคือ ลั่วชิงเหยียน เจ้าไม่รอดแน่
แต่ก่อนที่นางจะมา หลิ่วหยินเฟิงก็มาถึงเสียก่อน ทหารแสนนายของหลิ่วหยินเฟิงทำให้เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
เขารีบตัดสินใจ หากจะจู่โจมตอนนี้ โอกาสรอดมีน้อยมาก กองกำลังของเขาก็มีเพียงหยิบมือ หลิ่วหยินเฟิงกลับนำทหาร 1 แสนนายมาสกัดเขาไว้
คนของจิ้งอ๋องมีผู้ที่เข้าใจลักษณะพื้นที่ตรงนี้ เมื่อหลิ่วหยินเฟิงพาคนมาไล่ล่า ก็คงจะตามไล่ตนได้ลำบาก
แต่จิ้งอ๋องลืมคิดไปว่า จิ้งอ๋องมีคนที่เข้าใจลักษณะพื้นที่ตรงนี้ หลิ่วหยินเฟิงก็อาจจะมีได้เช่นเดียวกัน ที่สำคัญที่สุดคือ เขาอาจจะมีหนอนบ่อนไส้จากแคว้นเซี่ยคอยติดตามเขาอยู่ตลอดเวลา
เขาพยายามมาหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งที่ถูกทหารแคว้นเซี่ยไล่ล่า เขาจะแบ่งกองกำลังไว้ตั้งรับการปะทะส่วนหนึ่ง แล้วตัวเขาจะเดินหน้าต่อไป ทว่าหนอนบ่อนไส้จากแคว้นเซี่ยนั้นยังคงติดตามเข้าอยู่ตลอด จนเขาต้องมาถูกจับตัวไปในวันนี้
จนกระทั่งข้างกายเขาเหลือคนอยู่เพียง 5 ร้อย และตัวเขาก็ได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย จนในที่สุด ก็พลาดท่าให้กับหลิ่วหยินเฟิง เขาคิดว่า เขารู้ตัวหนอนบ่อนไส้แล้ว ต้องเป็นสายลับคนนั้นแน่ๆ สายลับที่รายงานเท็จเกี่ยวกับที่ตั้งฐานทัพแคว้นเซี่ย ดังนั้น เขาจึงพลาดอะไรไปหลายอย่าง กว่าจะรู้ตัว ก็สายเกินไปเสียแล้ว
“พระชายา อีกประเดี๋ยวก็จะถึงเมืองชิงเหยียนแล้ว ที่นั่นการเดินทางน่าจะราบรื่นกว่านี้ หม่อมฉันให้สายลับล่วงหน้าไปจองห้องพักในเมืองเอาไว้ให้แล้ว คืนนี้พวกเราจะได้นอนกันในเมืองใช่ไหมเพคะ?” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมีชีวิตชีวา เหมือนจะเป็นเสียงของสาวใช้ของหยุนชาง เหมือนจะเป็นเสียงของเฉี่ยนอิน
ลั่วชิงเหยียนได้ยินเสียงของหยุนชางอยู่ข้างๆ “ได้ เจ้าจงไปจัดการตามนั้น แม้วันนี้จะเป็นวันดี แต่หลายวันมานี้ก็ลำบากกับการเดินทางเป็นอย่างมาก ตอนนี้ท่านอ๋องบาดเจ็บ วันนี้คงต้องหาโอกาสพักกันเสียหน่อย
ผ่านไปไม่นาน จิ้งอ๋องรู้สึกเหมือนรถม้าหยุดลงแล้ว มีสายลมพัดเข้ามา คงเป็นเพราะประตูรถม้าถูกเปิดออก “พระชายา ให้หม่อมฉันช่วยประคองท่านอ๋องเข้าไปด้านในเถิดนะเพคะ”
เมื่อพูดจบ ร่างของจิ้งอ๋องก็มีคนประคองพาไป ในใจของจิ้งอ๋องรู้สึกอดสูยิ่งนัก ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างเขา ถูกภรรยาปกป้องดูแลเอาไว้ ช่างเป็นเรื่องที่……
ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น พลันได้ยินเสียง “เรียนนายท่าน ห้องด้านบนได้จัดเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว ที่นอนหมอนมุ้งต่างเปลี่ยนเป็นอันใหม่มาให้ อาหารที่นายท่านสั่งเอาไว้ จะให้นำขึ้นไปให้หน้าห้องเลยหรือไม่?”
จิ้งอ๋องลืมตาไม่ขึ้น เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก นายท่านงั้นหรือ? นี่เรายังมีผู้ชายติดตามมาด้วยอีกหรือนี่?