ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 333 คำมั่นสัญญา
“อืม” แววตาของจิ้งอ๋องฉายแววเขิน เมื่อเห็นหยุนชางจ้องมองเขาด้วยความงุนงง จึงยิ้มและกล่าวว่า “รบกวนพระชายาไปหาหมอมาให้ท่านหนึ่ง เมื่อครู่ตอนที่ข้าล้มลงมาจากชั้นบนทำให้ปวดขามาก ตอนนี้ เกรงว่าแผลคงจะฉีกแล้ว” เมื่อเห็นสีหน้าของหยุนชางค่อยๆแย่ลง หยุดไปชั่วครู่ และตัดสินใจพูดคำที่เหลือให้จบ “จริงด้วย ให้คนเตรียมอาหารให้ด้วย ข้ารู้สึกหิวเล็กน้อย…”
“ลั่วชิงเหยียน!” หยุนชางพูดเสียงต่ำ แต่กัดฟันแน่น “ดีมาก รู้ว่าตัวเองบาดเจ็บยังทำอะไรผลีผลาม!” สองสามคำสุดท้ายแทบจะตะคอกออกมา
หลังจากเสียงพูดเสียงดุ หยุนชางเดินเข้าหาจิ้งอ๋อง ก้มลงอย่างกะทันหัน อุ้มจิ้งอ๋องในท่าแนวนอน แล้วขึ้นไปชั้นบนด้วยเสียงปึงปัง เตะประตูเปิดเสียงดัง “ปัง” เดินเข้าไป แล้วก็มีเสียง “ปัง” ปิดประตู
ทิ้งให้คนที่อยู่ข้างนอกตะลึงจนดูเหมือนรูปปั้นหิน ผ่านไปนานพอควร จึงมีใครพูดออกมาด้วยความไม่แน่ใจเล็กน้อยว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นอะไรหรือ”
เฉี่ยนอินมองไปทางเสียง เป็นเสียงองครักษ์ลับของจิ้งอ๋อง ดูเหมือนเขาจะอยู่ข้างกายจิ้งอ๋องตลอด หลังจากการต่อสู้ในตอนนี้ เขาก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เพียงแต่ใบหน้าของเขาจ้องมองไปที่ประตูอย่างตกตะลึง
เฉี่ยนอินระงับความประหลาดใจในใจของนาง กลืนน้ำลายของนางก่อนจะพูดว่า “ท่านอ๋องจิ้งเป็นคนที่เก่งกาจยิ่งนัก ข้าอยู่รับใช้ปรนนิบัติพระชายามาหลายปี ไม่เคยเห็นพระชายาทรงโกรธมากเยี่ยงนี้มาก่อน”
องครักษ์ลับหันไปมองเฉี่ยนอิน สีหน้าของเขาดูแปลกเล็กน้อย “พระชายานี่สิเป็นผู้ที่เก่งกาจ เมื่อครู่ ข้า…” หลังจากหยุดชะงัก เขาก็กลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก “ข้าแค่ เห็นท่านอ๋อง…ถึงกับ…หน้าแดง”
“พู่…” เฉี่ยนอินแทบจะกระอักน้ำออกมา และคนอื่นๆ ก็แสดงสีหน้าราวกับเห็นผี จิ้งอ๋อง หน้าแดง? ขณะที่กำลังจะอ้าปากถามต่อ ก็เกิดเสียงดังขึ้นจากประตู ราวกับว่ามีอะไรมากระแทกประตู
ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนที่จะนึกได้ว่า ทั้งสองคนที่ถูกเอ่ยถึงอยู่ในห้องโดยมีเพียงประตูกั้นไว้ เฉี่ยนอินรีบเก็บอาการ และพูดเสียงดังว่า “ท่านอ๋องทรงหิวแล้ว หม่อมฉันจะรีบไปทำอาหารมาให้ท่านอ๋องนะเพคะ ท่านอ๋องเพิ่งฟื้น หม่อมฉันจะทำโจ๊กให้เพคะ” หลังจากพูดจบ นางก็พูดองครักษ์ลับ “รบกวนพี่ชายคนนี้ช่วยส่งคนไปเชิญท่านหมอมาให้ที และช่วยเก็บกวาดที่นี่ด้วย และอีกอย่าง ช่วยตรวจสอบให้ทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้คนในโรงเตี๊ยมนี้ เมื่อครู่เกิดเรื่องวุ่ยวายเยี่ยงนั้นแต่ไม่มีใครตื่นมา เกรงว่าอาจถูกฆ่าไปแล้ว”
องครักษ์ลับพยักหน้า “แม่นางเฉี่ยนอินเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าชื่อลั่วอี้”
เฉี่ยนอินพยักหน้าและเดินลงไปชั้นล่างและเดินไปที่ห้องครัวของโรงเตี๊ยม
เมื่อเทียบกับเสียงที่ยังเอะอะจากด้านนอก ในห้องก็เงียบลงเล็กน้อย หยุนชางวางจิ้งอ๋องไว้บนเตียงคลุมผ้าห่มให้ แล้วเดินไปที่โต๊ะและจุดโคมไฟ จากนั้นมานั่งลงที่ข้างเตียงด้วยใบหน้าที่นิ่งเงียบ ด้วยสีหน้ารู้สึกโกรธจิ้งอ๋องที่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง แต่นางได้แต่โทษตัวเองอยู่ในใจ ที่นางดูแลจิ้งอ๋องได้ไม่ดี
ดูเหมือนจิ้งอ๋องจะเข้าใจสิ่งที่นางคิด เขายังคงมองดูหยุนชาง อ่อนโยนราวกับน้ำ ผ่านไปนานพอควร ก่อนที่จะหัวเราะออกมา จับมือหยุนชางไว้แน่น “ชางเอ๋อร์ยังโกรธอยู่หรือ? เจ้าเห็นไหม เมื่อครู่เจ้าอุ้มข้าขึ้นมาแบบนั้น ทำให้ข้าเสียหน้าต่อหน้าลูกน้องเหล่านั้น ลงโทษเช่นนี้ก็เพียงพอไหม?” พูดจบ ก็ขมวดคิ้วด้วยความกลัดกลุ้ม “ไม่รู้ว่าจะถูกเจ้าพวกนี้เอาเรื่องนี้มาล้อเล่นนานแค่ไหน”
หยุนชางทำเสียงเชอะอย่างเย็นชา “เจ้ากลัวอะไร นี่ไม่ใช่ครั้งแรก” หลังจากพูดจบ ก็นึกได้ว่าช่วงก่อนจิ้งอ๋องหมดสติ แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนนี้เขาฟื้นแล้ว เรื่องในเมื่อครู่ก็ไม่เหมาะสมเล็กน้อย
จิ้งอ๋องแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขาสะกดจิตใจตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลดเสียงลงเล็กน้อย “ช่วงที่ข้าได้รับบาดเจ็บ ลำบากชางเอ๋อร์แล้ว”
สีหน้าของหยุนชางแดงเล็กน้อย ยกมือขึ้น ลูบผมข้างหู พูดเบาๆว่า “เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” พูดจบ ก็ยกผ้าห่มขึ้นมองไปที่ขาของจิ้งอ๋อง “ข้าขอดูแผลทีว่าเป็นอย่างไรบ้าง” แล้วนางก็ดึงกางเกงขึ้น เผยให้เห็นผ้าขาที่พันด้วยผ้าพันแผล ดวงตาของนางเผยความชะงักตกใจเล็กน้อย เลือดได้ซึมผ้าพันแผลออกมา จนเป็นสีแดง
หยุนชางยกมือขึ้นและแกะผ้าพันแผลออก เดิมแผลที่ติดกันดีถแล้วกลับฉีกออกอีกครั้ง และดูน่าตกใจยิ่งกว่าตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บใหม่ๆ หยุนชางถอนหายใจ “โชคไม่ดีที่ไม่มียาจินฉวน(ยาสมานแผลสด)ดีๆ ยาจินฉวนในวังนั้นดีที่สุดแล้ว พอกลับถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าจะไปขอมาให้ท่านใช้ แผลจะได้หายเร็วขึ้น”
จิ้งอ๋องได้ยินคำว่าเมืองหลวง มือของเขาขยับเล็กน้อย รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็หดเล็กน้อย เมืองหลวง ยังไม่รู้ว่ามีอะไรกำลังรอเขาอยู่
หยุนชางสังเกตเห็นความผิดปกติของจิ้งอ๋อง จีงจับมือจิ้งอ๋องโดยไม่มีรอยยิ้มใดๆบนใบหน้า นางพูดอย่างจริงจัง “ตอนที่ข้ารู้ว่าเซี่ยโหเหยียนนำกองทหารไปที่เมืองจิ้งหยาง ข้าเดาว่าเป็นเพราะตัวตนของเจ้า เขาถึงไปที่นั่น ดังนั้น ข้าจึงเขียนจดหมายถึงเสด็จพ่อและเสด็จแม่โดยพลการ บอกตัวตนที่แท้จริงของเจ้า…”
เมื่อได้ยินจิ้งอ๋องก็ผงะ แต่เขาก็หัวเราะ “เจ้ากับข้ามีความคิดเหมือนกัน ข้าก็เขียนจดหมายถึงท่านพี่ด้วย”
ทั้งคู่ไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เขียนไว้ในใจ แต่ทั้งคู่แค่มองในสายตาก็แลกเปลี่ยนความเข้าใจโดยปริยาย จิ้งอ๋องจับมือหยุนชาง เก็บรอยยิ้ม และถอนหายใจเล็กน้อย “ในตอนนั้น ข้าคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้พบเจ้าอีกแล้ว สิ่งที่หงุดหงิดที่สุดในใจของข้าคือ ข้ายังไม่ทันได้บอกเจ้าเลยว่า ข้ารู้สึกว่าข้าชอบเจ้าแล้ว แล้วข้าก็คิดว่า เจ้ากับข้าแต่งงานกันมากว่าครึ่งปีแล้ว แต่เรามักจะต้องพลัดพรากกัน ข้าก็ไม่มีเวลาไปกับเจ้าอยู่ดีๆเลย แล้วข้าก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ข้ากลัวว่า ถ้าข้าตายแล้ว เจ้ายังต้องแต่งงานกับคนอื่นอีก พอคิดที่ว่ามีคนคอยจับมือเจ้า หรือทำอะไรที่ใกล้ชิดกับเจ้ามากกว่านี้ ทำให้ข้ากลัดกลุ้มมาก แต่โชคดีที่สวรรค์ยังได้ยินเสียงร้องขอของข้า ข้าไม่ต้องตาย…”
หยุนชางไม่คิดว่าจู่ๆ จิ้งอ๋องจะพูดเช่นนี้ ดวงตาของนางเบิกกว้าง และดูเหมือนนางจะเหม่อลอยไป
จิ้งอ๋องไม่รีบ เขายิ้มและจับมือหยุนชางและพูดเบาๆอีกว่า “เรื่องชาติกำเนิดของข้า มันต้องมีทางออก ไม่เป็นไร แต่ว่า ข้าหวังว่า ไม่ว่าตัวตนของข้าจะเป็นใคร ข้าจะสัญญากับเจ้าว่า เจ้าจะเป็นภรรยาคนเดียวของข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าก็จะอยู่กับข้า”
หยุนชางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่จู่ๆนางก็นึกขึ้นได้ว่า บทเพลงเขาเล่นกับนางในครั้งแรก คือบทเพลง “หงส์วอนรัก” ตอนนั้น เขาบอกว่า บทเพลงนี้ต้องเป็นนางเท่านั้น
รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทำไมจู่ๆตนถึงจำช่วงเวลานั้นได้ แต่มุมปากของนางยิ้มเล็กน้อย บางที โชคชะตาบางอย่าง อาจกำหนดไว้แล้วตั้งแต่ตอนนั้น
“ได้” หยุนชางเงยหน้าขึ้น สัมผัสแห่งความมุ่งมั่นแวบเข้ามาในดวงตาของนาง “เป็นวาสนาของหยุนชางที่มีผู้ชายดีๆอย่างท่านอ๋องในชีวิตนี้”
สัมผัสแห่งความสุขผุดขึ้นในหัวใจของจิ้งอ๋องแผ่ขยายออกไป เป็นเหมือนเส้นใยที่ขยายไปตามแขนขา ควบแน่นในดวงตากลายเป็นความรักอันแรงกล้า
“ท่านอ๋อง ท่านหมอมาแล้วขอรับ”
เสียงขององครักษ์ลับดังมาจากด้านนอก หยุนชางตกใจ และรีบก้มศีรษะลง ลุกขึ้นยืน ไปเปิดประตู “เข้าไปข้างในเถอะ ข้าจะไปดูว่าเฉี่ยนอินเตรียมสำรับเสร็จหรือยัง” พูดจบก็วิ่งหนีไปอีกด้าน