ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 339 ยามเข้าหอค่ำคืนหวาน (๑)
หยุนชางไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร นางมองจิ้งอ๋อง แต่ก็เห็นเขายกหนังสือขึ้นมาบังไว้แล้วเดินไปเอนกายลงบนเบาะ “ยาเย็นแล้ว เจ้าเอาไปอุ่นด้วยตนเองแล้วค่อยนำมาให้ข้า”
“…” หยุนชางพูดไม่ออกได้แต่พึมพำเสียงเบา “เอาแต่ใจ!” แต่นางก็ยกชามยาพลางยิ้มแล้วเดินออกไป
หลังจากรอให้จิ้งอ๋องดื่มยาเสร็จก็ได้เวลาพักผ่อนแล้ว หยุนชางปรนนิบัติจิ้งอ๋องอาบน้ำเรียบร้อยแล้วจึงเรียกเฉี่ยนอินเข้ามาทำความสะอาด จากนั้นนางจึงอาบน้ำบ้าง เมื่อออกจากห้องสรงมาก็เห็นจิ้งอ๋องนอนอยู่บนเตียงแล้ว
หยุนชางยิ้มเดินไปที่เตียง ถอดรองเท้าแล้วล้มตัวลงนอน “วันนี้ท่านคุยอะไรกับเสด็จพ่อในตำหนักฉินเจิ้งหรือ? เขา…รู้ตัวตนของท่านแล้วทำให้ท่านลำบากหรือเปล่า?”
จิ้งอ๋องเอื้อมมือไปคว้าหยุนชางมากอดไว้ในอ้อมแขน หยุนชางได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ และหน้าอกของเขาที่กำลังสั่นอยู่ “เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดิเซี่ยมีท่าทีเช่นไรหลังจากรับรู้ถึงการมีอยู่ของข้าจึงยังไม่คิดทำอะไรข้าชั่วคราว นอกจากนี้ข้ายังมีเงื่อนไขกับเขาข้อหนึ่ง ตอนนี้แคว้นหนิงไม่มีแม่ทัพที่มีฝีมือนัก นอกจากนี้เรื่องของหลี่จิ้งเหยียนเพิ่งจบลงและทางเหนือยังคงทำสงครามกับแคว้นเย้หลางอยู่ ความสูญเสียนั้นไม่น้อยเลย ตอนนี้ก่อนที่เขาจะทำอะไร เขาต้องชั่งน้ำหนักเป็นอย่างมาก แม้ว่าบางครั้งข้าจะดูแคลนเสด็จพ่อของเจ้าอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามีคุณสมบัติเป็นจักรพรรดิ อย่างน้อยเขาก็รู้วิธีหาผลประโยชน์จากความสัมพันธ์เหล่านี้”
หยุนชางเงียบไปอยู่นาน ในใจรู้สึกอึดอัด นางคิดในใจว่าเสด็จพ่อเป็นจักรพรรดิที่ใช้ได้ แต่เขาไม่ใช่สามีและพ่อที่ดีเลย หากได้เป็นจักรพรรดิแล้ว ผู้ชายทุกคนก็จะกลายเป็นแบบนี้หรือไม่? อาจารย์ชิงชางบอกว่านางมีดวงชะตาได้เป็นฮองเฮา แต่ไม่รู้ว่าหากจิ้งอ๋องได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์แล้วจะเป็นเหมือนเสด็จพ่อของนางหรือไม่ วังหลังสาวงามมากมายล้วนรักไปหมดเสียทุกคน
ราวกับว่าจิ้งอ๋องจะเข้าใจว่าหยุนชางคิดอะไรอยู่ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วกระซิบที่หูของหยุนชางว่า “สิ่งที่ข้าพูดในวันนี้ไม่ได้เป็นเพียงการพูดเล่นๆ เท่านั้น ปีนี้ข้าอายุยี่สิบแปดปีแล้ว เรื่องต่างๆ ก็พอมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แค่มีเจ้าก็พอแล้ว ต่อไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อย่าได้พูดล้อเล่นเช่นนั้นอีกเด็ดขาด ข้าไม่ชอบใจเลย”
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไปอยู่นานแล้วจึงพยักหน้าอย่างแรงและฝังศีรษะของนางเข้าไปในอ้อมแขนของจิ้งอ๋อง ในใจของนางเต็มไปด้วยคลื่นแห่งความอ่อนโยนจนนางแทบจะจมลงไป หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่นางจึงระงับความแสบที่ปลายจมูกของนางได้ หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองจิ้งอ๋อง ดวงตาของนางเปล่งประกาย “ท่านอ๋อง ท่านเคยบอกว่าเมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว ท่านกับข้าจะเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ท่านอ๋อง พวกเรามาเข้าหอกันเถอะ!”
จิ้งอ๋องตะลึงงันและใช้เวลาอยู่นานกว่าจะได้สติคืนกลับมา แต่เส้นเลือดที่หน้าผากเขากลับกระตุกเล็กน้อย “หนิงหยุนชาง เจ้ากำลังเล่นตลกกับข้าอยู่ใช่หรือไม่? เจ้าก็รู้ว่าข้าบาดเจ็บอยู่และแทบไม่มีแรงด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับบอกข้าว่าเจ้าอยากเข้าหอกลับข้างั้นหรือ? หือ?”
“หือ?” คำสุดท้ายนั้นดังก้องไปมา หยุนชางรับรู้ได้ถึงอารมณ์สุขโกรธเศร้าดีใจที่ผสมปนเปกันไป บางทีอาจเป็นเพราะอารมณ์นั้นรุนแรงเกินไป หยุนชางจึงอึ้งไปอยู่นานก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างขลาดๆ “หา? ข้าลืมไปว่าท่านได้รับบาดเจ็บจนไม่ไหวแล้ว…”
ก่อนที่จะพูดจบหยุนชางก็เห็นสายตาของจิ้งอ๋องแฝงไปด้วยแววอันตราย “หนิงหยุนชาง เจ้ากล้าล้อเล่นกับข้างั้นหรือ เจ้ากล้าบอกว่าข้าไม่ไหว ดูแล้วหากข้าไม่ทำตามความปรารถนาของเจ้าในวันนี้แล้ว เจ้าคงจะไม่หยุดท้าทายความอดทนของข้าแน่”
ก่อนที่หยุนชางจะทันได้ตั้งตัว นางก็ถูกปิดปากและส่งเสียงอู้อี้อยู่นานก็ยังไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากอธิบาย สุดท้ายนางจึงได้แต่เลิกต่อต้านลงอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพักจิ้งอ๋องจึงได้ยอมปล่อยนาง หยุนชางมองจิ้งอ๋องอย่างงุนงง แต่กลับเห็นภาพตัวเองในสายตาของเขา
แม้ว่าหยุนชางจะเห็นตนเองในกระจกทุกวัน แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับเงาที่สะท้อนที่นางเห็น ในใจนางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หญิงสาวที่หน้าแดงระเรื่อ ดวงตาคู่สวยดูหวานเยิ้มผู้นั้นคือใครกัน?
จิ้งอ๋องหรี่ตาลงเล็กน้อย ความปรารถนาค่อยๆ เอ่อล้นขึ้นในใจ เขาคิดว่าตอนนี้เขายังบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เวลาที่ดี เขาจึงอยากจะปล่อยมือ แต่เมื่อมองเห็นหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อยและมองมาที่เขาด้วยท่าทางเคลิบเคลิ้มมึนงง หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เขาไม่เคยเห็นหยุนชางเป็นเช่นนี้มาก่อน นางไม่เหมือนยามปกติที่มักจะมีท่าทีสงบอยู่เสมอ แต่กลับเป็นท่าทางอันยากจะอธิบายที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากนางได้
เพียงชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว จิ้งอ๋องก็ตระหนักได้ว่าเรื่องในคืนนี้เกรงว่าจะหยุดลงไม่ได้เสียแล้ว
เมื่อเขาคิดเช่นนี้ ร่างกายของเขาก็แสดงปฏิกิริยาอันซื่อตรง เขาโน้มตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง ริมฝีปากของเขาบรรจบลงกับริมฝีปากของหยุนชางและอ้อยอิ่งตรงนั้นอยู่นาน เขารู้สึกได้ถึงรสสัมผัสหวานล้ำบางเบาที่ปาก ความรู้สึกนั้นค่อยๆ แผ่ขยายไปทั่วร่างจนทำให้ทุกส่วนของร่างกายเต็มไปด้วยความหฤหรรษ์
มือของเขาก็ไม่ได้หยุดนิ่ง เขาปลดสิ่งกีดขวางระหว่างร่างทั้งสองออกจนหมดสิ้นแล้วจึงค่อยๆ จูบลงไปอย่างเชื่องช้า หยุนชางหลุบตาลง นางรู้สึกเขินอายมากแต่ก็กลับเพลิดเพลินอย่างยิ่งกับความสุขที่ได้รับ แม้ว่านางจะมีชีวิตมาถึงสองชาติและกระทั่งเคยให้กำเนิดบุตรในชาติที่แล้ว แต่นางก็ไม่เคยได้รับประสบการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย
แม้จะเป็นฤดูหนาวอันหนาวเหน็บแต่หน้าผากของจิ้งอ๋องกลับมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้น ดูเหมือนว่าความปรารถนาทั้งหมดจะรวมตัวกันอยู่ที่ท่อนล่างของเขา แต่กลับหาที่ให้ระบายออกไม่พบ จิ้งอ๋องค้นหามันอยู่นานก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างอึดอัด “ข้า… ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร…”
หยุนชางผงะไปครู่หนึ่งแล้วทันใดนั้นจึงหัวเราะขึ้น แม้จะรู้ว่าสิ่งนี้จะทำร้ายจิตใจจิ้งอ๋องผู้หยิ่งทระนงในตนเองอย่างแรง แต่นางก็ไม่สามารถหยุดหัวเราะได้
ใบหน้าของจิ้งอ๋องเริ่มบูดบึ้งลงเรื่อยๆ เขายิ้มเย็นและมองไปยังหยุนชางที่ยังหัวเราะไม่หยุด เมื่อรอจนหยุนชางสงบลงแล้ว เขาก็โน้มตัวลงไปขบไหล่ของนางอย่างแรง หยุนชางร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดและถลึงตาใส่เขา
“เจ้าหัวเราะเสร็จแล้วหรือ?” จิ้งอ๋องถามด้วยสีหน้าเย็นชา
หยุนชางกระแอมสองสามครั้งและพยักหน้าน้อยๆ แต่ในดวงตาของนางยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าสีหน้าของจิ้งอ๋องย่ำแย่มากจึงนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเงยศีรษะขึ้นจูบที่ข้างริมฝีปากของจิ้งอ๋องพลางยิ้มกว้างและเอ่ยว่า “ตอนนี้จู่ๆ ชางเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าตนเองเก็บสมบัติล้ำค่ามาได้”
อายุที่ชาวแคว้นหนิงแต่งงานนั้นไม่ได้ช้าเกินไป หญิงสาวอายุสิบห้าปี ชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีจะแต่งานกันเสียเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้เหล่าบรรดาคุณชายในตระกูลใหญ่ๆ ในเมืองหลวง เมื่ออายุราวสิบสี่ปี ครอบครัวก็จะหาหญิงสาวมาปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดพวกเขาและสอนเรื่องการเข้าหอแก่พวกเขา แม้กระเป็นตระกูลที่ไม่ได้ร่ำรวยมากนัก ส่วนใหญ่ก็จะหาหญิงสาวจากหอคณิกามาทำเรื่องเช่นนี้
หยุนชางคิดไม่ถึงเลยว่าจิ้งอ๋องผู้เป็นเทพสงครามแห่งแคว้นหนิงผู้เป็นที่รักของหญิงสาวทุกคนในแคว้นหนิงและยังอายุถึงยี่สิบแปดปีแล้ว ในวัยเช่นนี้หากเป็นคนธรรมดา เกรงว่าคงจะมีลูกหลายคนแล้ว แต่เขากลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะ…กับผู้หญิงอย่างไร
จิ้งอ๋องถูกหยุนชางหัวเราะอยู่นาน แม้ว่านางจะไม่ได้มีความหมายไปในทางไม่ดี แต่สีหน้าของเขาก็ยังไม่ค่อยดีนัก หยุนชางหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “เรื่องนี้ต้องโทษที่ชางเอ๋อร์ประมาทไป ท่านอ๋องไม่มีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง คนรับใช้ในจวนล้วนเป็นผู้ชายและไม่มีแม้แต่สาวใช้ ย่อมต้องไม่มีคนสอนเรื่องเหล่านี้ให้แก่ท่านอ๋อง เรื่องนี้ชางเอ๋อร์…”