ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 343 พระราชโองการที่เปื้อนเลือด
จักรพรรดิหนิงผงะไปครู่หนึ่ง ” เฉินซีป่วยหรือ ? ทำไมไม่รายงานข้า ? ”
ขันทีพลันรีบร้อนพูดขึ้นมาว่า “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงกล่าวว่า. ในยามนี้พระองค์จะทรงงานหนักเป็นอย่างมาก จักรพรรดิมีเวลาเพียงเดือนเดียวที่จะจัดการตำแหน่งต่าง ๆ ภายในราชวัง เกรงว่าจะเป็นการรบกวนพระองคื จึงมิให้กระหม่อมรายงานพะยะค่ะ”
จักรพรรดิหนิงชะงักไปเล็กน้อย พลันสีหน้าแสดงความเคอะเขินออกมาชั่วครู่ จึงพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งขึ้นมาว่า “มิต้องไปรบกวนนางแล้ว”
ในเวลานี้ หัวหน้าหน่วยองครักษ์เงาพลันรีบร้อนเดินเข้ามา”จักรพรรดิ เมื่อครั้งที่ปลดฮองเฮาตระกูลหลี่ลง นางถูกพระชายาจิ้งอ๋องขังอยู่ในห้องลับใต้ดินของพระราชวังชีอู๋พะยะค่ะ”
จักรพรรดิหนิงพลันตกตะลึง เมื่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนหน้าที่หยุนชางจะไปเมืองคังหยางนั้น นางได้มาบอกกล่าวกับเขาแล้ว ทว่าเขารู้สึกเกลียดตระกูลหลี่เป็นอย่างมาก อย่างไรเขาก็ได้อยู่เป็นคู่สามีภรรยามานานถึงยี่สิบปี อีกทั้งนางยังเป็นถึงฮองเฮาองค์ก่อน จะทำเป็นเพิกเฉยต่อนางมิได้ จึงสั่งให้ข้ารับใช้มาส่งข้าวส่งน้ำเป็นระยะ จนถึงตอนนี้เขาเกือบจะลืมหลี่อี้หรานไปแล้วเสียด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อพระราชวังชีอู๋เกิดเพลิงไหม้แล้ว. สตรีนางนั้น
“รีบดับไฟ แล้วพานางออกมาเสีย ” จักรพรรดิหนิงพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางกระซิบสั่งการเบา ๆ ห้องลับห้องนั้น ถูกปิดกั้นด้วยประตูหินบานใหญ่ เมื่อเกิดเพลิงไหม้ที่พระราชวังชีอู๋แล้ว หากมิได้เข้าใกล้ประตูมาก คงมิรู้สึกถึงความร้อนมากนัก
เมื่อหัวหน้าองครักษ์เงารับคำสั่งเสร็จ จึงถอยกายออกไป
กว่าเพลิงไหม้พระราชวังชีอู๋จะสงบลง ก็ก้าวสู่เช้าวันถัดไปเสียแล้ว เมื่อเพลิงไหม้สงบลงแล้ว จักรพรรดิหนิงจึงเสด็จมายังพระราชวังชีอู๋อีกครั้ง พลางกวาดสายตามองหัวหน้าองครักษ์เงาที่นำกำลังพลเข้าไปช่วยหลี่อี้หราน จักรพรรดิหนิงที่ยืนอยู่ข้างนอกนั้นมองพระราชวังชีอู๋ที่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน พลางขมวดคิ้วลงเมื่อเห็นหัวหน้าองครักษ์เงาเดินเข้ามา เพียงสักพักจึงเดินถอยกลับไป
“มีอะไรงั้นหรือ ? ” จักรพรรดิหนิงพลางขมวดคิ้วถาม
หัวหน้าองครักษ์เงารีบร้อนคุกเข่าลงกับพื้น “จักรพรรดิ ประตูหินที่ปิดห้องลับใต้ดินนั้นถูกเจาะให้เป็นรู ร่างของอดีตฮองเฮาถูกเผาไหม้อยู่ภายในห้องลับใต้ดิน เมื่อกระหม่อมลองตรวจสอบดูอย่างละเอียดแล้วกลับพบว่า ภายในห้องลับใต้ดินนั้น มีดินประสิวอยู่ เกรงว่าต้นเพลิงคงจะเริ่มมาจากห้องนี้เป็นแน่ พะยะค่ะ”
จักรพรรดิหนิงพลันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย เพียงพูดออกมาคำเดียวว่า “สืบ ”
เมื่อกลับมายังตำหนักฉินเจิ้นแล้ว จักพรรดิหนิงถูกขวางไว้อีกครั้ง ผู้ที่มาใหม่นั้นคือบัณฑิตจอหงวนหลิวฉีเหยียน. แม้อายุจะไม่มาก ทว่าการทำงานของเขาเต็มไปด้วยความราบรื่น อีกทั้งยังเป็นพี่ชายของหย่าผินอีก หลังจากที่หลี่จิ้งเหยียนก่อกบฏ จึงได้แต่งตั้งเขาขึ้นมาเป็นรองเจ้ากรมพิธีการแทน
“องค์จักรพรรดิ พระราชโองการแต่งตั้งฮองเฮาที่ส่งไปประกาศทั้งห้าแห่งในเมืองหลวง เกิดปัญหาแล้วพะยะค่ะ. วันนี้ก่อนรุ่งสางมีราษฏรหลายคนเห็นพระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮาของพระองค์เปื้อนไปด้วยเลือด อีกทั้งยังมิรู้ว่าผู้ใดเป็นผู้เปิดเผยอีกด้วย เมื่อคืนพลันเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่พระราชวังชีอู๋ของฮองเฮา จึงทำให้เกิดข่าวลือขึ้นมาว่า สนมจิ่นไร้คุณธรรมจึงทำให้ฟ้าดินลงโทษ ”
จักรพรรดิหนิงพลันขมวดคิ้วขึ้นมา หากเพลิงไหม้ในพระราชวังชีอู๋เกิดจากหลี่อี้หรานแล้ว จึงถือว่าเป็นอุบัติเหตุที่บังเอิญเกิดขึ้นได้ ทว่าพระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮาในวันนี้เล่า. เกรงว่าจะเป็นฝีมือที่เกิดขึ้นจากคนเป็นแน่
เป็นผู้ใดกัน ?
จักรพรรดิหนิงพลันเกิดข้อสันนิษฐานขึ้นภายในใจ ทว่าเป้าหมายพุ่งไปที่จิ่นกุ้ยเฟย หยุนชาง และหลี่อี้หราน
จิ่นกุ้ยเฟยแต่เดิมเป็นบุคลที่ใจเย็นเสมอมา ปีนั้น เมื่อเขาแต่งหลี่อี้หรานเข้ามา นางมิพูดอันใดกับเขาสักคำ หลังจากนั้นจึงเกิดการผิดใจกัน นางจึงเข้าไปตำหนักเย็นด้วยความเต็มใจ หากว่ากันตามจริง ไม่น่าจะเป็นนางที่กระทำได้ ทว่าตอนนี้กับครั้งนั้นมิเหมือนกัน เนื่องจากตอนนี้นางมีเฉินซีแล้ว หากนางมีใจอยากให้เฉินซีเป็นองค์รัชทายาทขึ้นมา เกรงว่านางเป็นสตรีที่ฉลาดมากที่สามารถทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้
เมื่อพูดถึงหลี่อี้หรานแล้ว แม้นางจะถูกกุมขังอยู่ในห้องลับใต้ดิน ทว่าเมื่อนางปกครองวังหลังมาเนิ่นนานหลายปี เกรงว่านางคงมีกองกำลังซ่อนอยู่เป็นแน่และคงมีแต่นางเท่านั้นที่รู้ ทว่าภายในห้องลับนั้นมีดินประสิวอยู่ หากเป็นเพราะหลี่อี้หรานให้คนนำเข้ามาให้แล้ว แสดงว่านางยังมีคนในวังคอยช่วยเหลือ แต่เกรงว่าจะเป็นเพราะคนนอกเข้ามาเสียมากกว่า ฉะนั้น หากต้องการจะทำลายพระราชโองการแต่งตั้งฮองเฮาแล้ว คงจะมิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จักรพรรดิหนิงสงสัยมากที่สุดคือ หยุนชาง
บุตรสาวผู้นี้ เขามิเคยมองนางออกเลยสักครา หนิงหยุนชางมิชอบจิ่งเหวินซี นั้นเป็นเรื่องที่ชัดเจนมาก หากเป็นเพราะ นางกลัวว่าจิ่งเหวินซียังมีความรู้สึกพัวพันต่อจิ้งอ๋องอยู่ การที่จิ่งเหวินซีจะเป็นฮองเฮาได้ นั่นคงมิใช่สิ่งที่นางคาดหวังไว้ใช่หรือไม่?
จักรพรรดิหนิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่. จึงสั่งให้ข้ารับใช้นำพระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮานำออกไปประกาศใหม่อีกครั้ง กลางคืนพลันให้องครักษ์เงาไปเฝ้าหน้าป้ายประกาศทั่วทุกจุด จักรพรรดิแคว้นเซี่ยยังมีความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนต่อจิ้งอ๋อง อีกทั้งหยุนชางยังเป็นบุคคลที่ประชาชนให้เคารพนับถือเป็นอย่างมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานสาวถึงตัวนางว่าเป็นผู้กระทำได้ ทว่าหากไปตั้งข้อสันนิษฐานให้นางแล้ว เกรงว่าจะเกิดการผิดใจกันไปอีก
หากแต่จักรพรรดิหนิงมิทันได้คาดคิด แม้จะสั่งให้องครักษ์เงาไปเฝ้าพื้นที่แล้วทั้งคืน ทว่าเช้าวันรุ่งขึ้น. เมื่อเปิดผนึกของพระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮาออกมา ก็ยังเกิดปัญหาเช่นเดิมอีก พระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮากลับเปื้อนเลือดอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ถูกย้อมไปทั่วผืนแผ่นพระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮา
เสนาบดีจิ่งไปร้องห่มร้องให้ในตำหนักจินหลวนแต่เช้าตรู่ พลางพูดแต่ว่ามีคนจ้องจะใส่ร้าย ผู้คนในแคว้นหนิงล้วนแต่เป็นศัตรู จักรพรรดิหนิงทรงพิโรธเป็นอย่างมาก พลางกำชับให้องครักษ์คอยเฝ้าสังเกตุการณ์ทั้งกลางวันและกลางคืน อีกทั้งกลางคืนยังให้องครักษ์เงาคอยสังเกตุการณ์อีกแรง หากพบคนร้ายเมื่อใด. สั่งให้ฆ่าทิ้งได้ทันที เพียงเพราะส่งผลให้ราษฏรในเมืองหลวงจมอยู่ในความตื่นตระหนก หากแต่ในวันที่สาม พระราชโองการแต่งตั้งก็ยังเกิดปัญหาขึ้นอีก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มิใช่เกิดแต่เพียงพระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮาในเมืองหลวงแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงพระราชโองการในหัวเมืองต่าง ๆ ก็เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกัน
ทันใดนั้น ข่าวลือพลันโหมกระหน่ำมากยิ่งขึ้น ยังมีผู้คนบางส่วนที่ไปยังวิหารแคว้นหนิง เพื่อขอคำทำนายจากเจ้าอาวาสอู๋น่า หากแต่ท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าเพียงให้คำอธิบายว่า ผู้ใดที่คิดร้ายต่อประเทศชาติ เมื่อนั้นทั่วแคว้นจะเกิดความระส่ำระส่าย. ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ราษฏรแคว้นหนิงพลันตกอยู่ในความวิตกกังวล เมื่อมีผู้คนเห็นเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองเฟิ่งไหลนั้น ผู้คนจึงเริ่มพูดไปต่าง ๆ นานาว่า จิ่งเหวินซีผู้นี้โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก เพื่อจะลอบทำร้ายท่านชายน้อย นางให้คนนำของที่คนไข้เป็นโรคอีสุกอีใสเคยใช้ นำไปให้ท่านชายน้อยที่เพิ่งเกิด นางเกือบทำให้ท่านชายน้อยไม่มีชีวิตรอดแล้วเสียแล้ว
เมื่อข่าวลือดังกล่าวถูกแพร่กระจายออกไป มีราษฏรไม่น้อยไปนั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูพระราชวัง เพื่อให้จักรพรรดิทรงถอดถอนพระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮาออกเสีย
หากแต่ก็ยังมีความคืบหน้าของเพลิงไหม้ในพระราชวังชีอู๋อยู่บ้าง เขาได้นำตัวสาวใช้ที่ส่งสำรับกับข้าวให้กับหลี่อี้หรานนำไปสืบสวนด้วยการทรมาน นางจึงสารภาพออกมาว่า นางเคยถูกหลี่อี้หรานลงโทษ ภายในใจโกธรแค้นหลี่อี้หรานเป็นอย่างมาก ในวันนั้นเมื่อถึงยามที่นางต้องไปส่งสำรับกับข้าว พลันนึกถึงพระราชโองการของจักรพรรดิที่แต่งตั้งจิ่งเหวินซีแล้ว จึงเล่าให้หลี่อี้หรานฟัง ไม่คาดคิดว่าเมื่อนางได้ยินดังนั้น พลันหัวเราะออกมาอยู่เนิ่นนาน พลางกล่าวออกมาว่านางและเซียวซูจิ่นต่อสู้กันมาย่างเข้ายี่สิบปี ไม่คิดเลยว่า ท้ายที่สุดจะมิมีผู้ใดได้รับชัยชนะเลย กลับแพ้ให้กลับสาวแรกรุ่นเสียได้
นางกำนัลผู้นั้นเล่าว่า ต่อจากนั้นนางก็ไม่รู้อะไรอีกเลย
หากแต่ ในมือของหลี่อี้หรานมีดินประสิวอยู่ในมือแล้ว และรอยเจาะที่ประตูหินเล่า นางเอาของมาจากไหนกัน ?
จักพรรดิหนิงพลางโบกมือไปมา เพื่อให้องครักษ์เงาออกไป จึงครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ชั่วครู่ หัวหน้าเจิ้งจึงพูดขึ้นมาว่า “จักรพรรดิ หลังจากที่ท่านกลับมาจากเมืองเฟิ่งไหลแล้ว พระราชวังชีอู๋ก็ไม่มีผู้ใดมาเฝ้าอีกเลย คงเป็นการง่ายที่จะลอบนำสิ่งของเข้ามา”
จักรพรรดิหนิงพยักหน้าลงเล็กน้อยและมิได้พูดอะไรออกมา