ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 344 วิธีการรับมือ
ภายในใจพลันครุ่นคิดถึงคำทำนายของท่านเจ้าอาวาสอู๋น่า คำทำนายของท่านเจ้าอาวาสอู๋น่านั้นมีสิทธิเป็นจริงสูงมาก เพียงแต่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหยุนชาง เมื่อเจ้าอาวาสอู๋น่าเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จักรพรรดิหนิงจึงคิดได้ว่า พวกเขาไม่สามารถตัดความสัมพันธ์ต่อหยุนชางได้ขาดแน่
” ไปเชิญให้พระชายาจิ้งอ๋องมาเข้าเฝ้า” เมื่อจักรพรรดิหนิงพูดขึ้น ภายนอกพลันมีเสียงตอบรับ หัวหน้าเจิ้งขมวดคิ้วลง พลางอ้าปากจะเอ่ยคำพูดออกมา ทว่าก็เก็บคำพูดนั้นกลับ พร้อมก้มหัวโค้งกายจากไป
ภายในวังจิ้งอ๋องนั้น เนื่องจากวันนี้อากาศแจ่มใส หยุนชางจึงให้คนจุดไฟไว้ให้ที่ศาลาริมทะเลสาบ. พลางตระเตรียมอาหาร และย้ายไปนั่งที่ตั่งนุ่ม ๆ เพื่ออ่านตำราท่ามกลางแสงแดดพร้อมกับจิ้งอ๋อง
แสงอาทิตย์ในฤดูเหมันต์อบอุ่นเป็นอย่างมาก เมื่ออาบแดดไปครู่นึง หยุนชางเกิดอาการง่วงเล็กน้อย เนื่องจากกลางคืนที่ผ่านมานั้นมีเรื่องราวพัวพันเข้ามามากมาย จึงทำให้หยุนชางทนมิได้ หยุนชางมองไปยังชายหนุ่มข้างกาย จิ้งอ๋องไม่สามารถเข้าใจนางได้ พลันยกมือขึ้นมาสัมผัสหยุนชางเบา ๆ พร้อมทั้งก้มหน้าอ่านตำราต่อไป
เมื่อพ่อบ้านเดินเข้ามานั้น ก็ได้เห็นบรรยากาศของคู่หนุ่มสาวตรงหน้า ที่นั่งอยู่บนตั่งนุ่ม ๆ พลันใช้ชีวิตเรียบง่ายสบาย ๆ และพูดคุยบ้างเป็นบางครั้ง ทว่าส่วนใหญ่ต่างคนต่างอ่านตำราของตัวเอง หากแต่ทั้งสองก็เข้ากันได้ดี
ใบหน้าของพ่อบ้านเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จึงเดินเข้าไปต่อหน้าคนทั้งสองประมาณสิบก้าว พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า “มีพระราชโองการ เรียกหวางเฟยเข้าวัง พะยะค่ะ”
หยุนชาได้ยินดังนั้น จึงหันไปหา สีหน้าพลันไม่สบอารมณ์เล็กน้อย จึงพยักหน้ารับคำ พร้อมทั้งหาวออกมาเบา ๆ พลางหันไปพูดกับชายหนุ่มข้างกายว่า “หม่อมฉันนึกว่า เกิดเหตุในพระราชวังชีอู๋ เพียงวันที่สองเสด็จพ่อก็จะมีพระราชโองการเรียกหม่อมฉันเข้าวังเสียอีก ดูเหมือนว่าในใจของเสด็จพ่อก็ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อหม่อมฉันอยู่บ้าง ” เมื่อพูดจบ พลันลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ยับยู่ยี่เล็กน้อย “หม่อมฉันจะไปเข้าวังก่อนนะเพคะ”
จิ้งอ๋องพยักหน้าเล็กน้อย
เมื่อหยุนชางเข้ามาในพระราชวังแล้ว ในตำหนังฉินเจิ้ง นางพลันเห็นบุคคลที่นางไม่ชอบทั้งสองคน หยุนชางหลี่ตาพร้อมกับยิ้มเบา ๆ หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา”เสนาบดีจิ่ง พี่สาวจิ่ง พวกท่านมาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อหรือ ? ”
ลักษณะของจิ่งขุยตอนนี้เต็มไปด้วยเกียรติยศและความมั่งคั่ง คำพูดคำจาล้วนดูดี เมื่อได้ยินดังนั้น เขาจึงรีบร้อนโค้งกายคำนับหยุนชาง “พระชายาจิ้งอ๋อง”
หยุนชางหลี่ตามองครู่หนึ่ง พร้อมกับยิ้มขึ้นมาว่า “ยินดีด้วยกับเสนาบดีจิ่ง ตอนนี้เป็นยุครุ่งเรื่องของท่านเสนาบดีจิ่งแล้ว. ยินดีด้วยกับพี่สาวจิ่งที่ได้ขึ้นเป็นฮองเฮา ช่างเป็นความโชคดีเสียจริง”
จิ่งขุยเมื่อได้ยินอย่างนั้นจึงยิ้มออกมา หยินชางยิ้มกลับอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมทั้งจ้องมองไปยังจิ่งเหวินซี ประตูพลันเปิดออกมา พร้อมทั้งหัวหน้าเจิ้งที่เปิดประตูออกมาจากห้องโถง พลางกวาดสายตามองไปยังทั้งสามคน ด้วยความตกตะลึงและจึงยิ้มออกมาว่า “หวางเฟย เสนาบดีจิ่น สนมจิ่น จักรพรรดิเชิญด้านในพะยะค่ะ”
หยุนชางพลันพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งเดินเข้าไปยังห้องโถง จักรพรรดินั่งอยู่บนเก้าอีกด้าน ทว่าด้านข้างกลับมีคนนั่งอยู่ด้วย หยุนชางจำได้เขาคือคนจากสำนักหอดูดาวหลวง ชื่อหลิวกวังยวี่ แม้ว่าไม่นานมานี จะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นมามากมายก็ตาม ทว่าใบหน้าของจักรพรรดิก็ยังมิได้แสดงสีหน้าวิตกกังวลใด ๆ ออกมา เมื่อเห็นคนทั้งสามเดินเข้ามาพร้อมกันแล้ว จึงยิ้มพร้อมกับพูดว่า “พวกเจ้ามาแล้ว. อย่าได้มากพิธีเลย เชิญนั่งลงเถิด”
เมื่อทั้งสามคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว จักรพรรดิหนิงพลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมเอ่ยออกมาว่า “เรียกพวกเจ้ามาในวันนี้ เนื่องจากมีข่าวลือจากภายนอกดังเข้ามา. ถึงแม้เจิ้นจักเป็นจักรพรรดิ หากแต่เจิ้นก็มิอาจเพิกเฉยต่อคำร้องขอของราษฏรได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังมีราษฏรอีกมากที่คุกเข่าอยู่หน้าประตูพระราชวัง. นั่นทำให้เจิ้นรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก”
ก่อนที่หยุนชางจะเข้ามาในพระราชวังก็ได้เห็นเหตุการณ์แล้ว แม้ในวันที่อากาศหนาวเหน็บ ราษฏรก็ยังคุกเข่าอยู่หน้าประตูวัง แม้จะให้ทหารรักษาการณ์ไล่ออกไปขนาดไหน ก็ไม่สามารถจัดการได้ พวกเขาเพียงพูดแต่ว่าขอให้จักรพรรดิยกเลิกพระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮาเสีย
เมื่อหยุนชางเหล่มองไปยังจิ่งเหวินซี แม้สีหน้าจะไม่ค่อยดีนักแต่ก็แสร้งทำเป็นสงบลง พร้อมพูดว่า “เป็นเพราะซีเอ๋อร์ไม่มีโชคเองเพคะ จักรพรรดิทรงทำตามที่ราษฏรร้องขอให้ยกเลิกพระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮาเสียเถิด ” พลันกัดริมฝีปากเล็กน้อย ดวงตาพลันแข็งกระด้างทว่ากลับมีน้ำใส ๆ คลออยู่ ขนตาสั่นระเรื่อเล็กน้อยพลางก้มหัวลง
หยุนชางลอบคิดอยู่ในใจ งิ้วฉากนี้ทำได้ดีมากทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเกิดความสงสารขึ้นมาภายในใจเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของสตรีเช่นนี้ สตรีที่ถูกบังคับให้ทำตามความพึงพอใจต่อคนหมู่มาก
หากแต่จักรพรรดิหนิงพลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย พร้อมทั้งรีบร้อนตอบกลับว่า “เหวินซีอย่าได้กังวลไป เจิ้นจักต้องแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ เจิ้นเป็นถึงจักรพรรดิ หากแต่ต้องการจะแต่งตั้งฮองเฮาต้องถามหาความคิดเห็นของผู้อื่นไม่ ? ”
จิ่งเหวินซีพลางก้มหน้ามิพูดอะไรออกมา
จิ่งขุยพลันก้มหัวลงพร้อมพูดเสียงดังว่า “พระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮานั้นยังคงเกิดปัญหาอย่างต่อเนื่อง กระหม่อมเกรงว่า การส่งพระราชโองการที่แต่งตั้งฮองเฮาไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ก็คงจะมีปัญหาเช่นกัน หากแต่ตอนนี้แม้แต่ทหารรักษาการณ์พร้อมทั้งองครักษ์เงาก็ยังไม่สามารถจับตัวนักโทษมาได้ อีกทั้งยังมีข่าวลืมเกิดขึ้นมากมาย ที่พูดถึงเหวินซีว่าไร้คุณธรรม เป็นเพราะการลงทัณฑ์จากฟากฟ้า กระหม่อมคิดว่า ทำไมเรามิเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงในหมู่มวลประชาชน. มาทำนายนิมิตของสวรรค์นี้เล่า พร้อมทั้งค่อย ๆปล่อยข่าวออกมาว่า จับผู้กระทำความผิดได้แล้วออกมาโคมใหญ่ หลังจากจักรพรรดิเข้าสู่พิธีสมรสแล้วนั้น ก็ค่อยออกมาประกาศอีกว่าพบผู้กระทำผิดแล้ว”
หยุนชางเมื่อได้ยินดังนั้น พลันยิ้มออกมา จิ่งขุยผู้นี้นางมิเคยได้สังเกตุเขามาก่อน ไม่คิดว่าเขาก็เป็นคนที่มีเล่ห์กลเหมือนกัน ภายในใจพวกเขาคงสงสัยนางอย่างแน่นอน หากแต่เขาสามารถนำแผนการที่อยู่ในใจของตนเองออกมาพูดต่อหน้านางได้ เมื่อเขาพูดแผนการของเขาออกมาหมดแล้วนั้น หากเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นมา ก็จักต้องมีคนสืบเสาะหาข้อมูลต่อเองอยู่แล้ว
จักรพรรดิหนิงพลันครุ่นคิด พลางหยักหน้าลงเล็กน้อย “นั่นก็เป็นวิธีที่ไม่เลว. หากแต่ใครเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในหมู่ราษฏรกัน ? ”
“แค่ท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าไม่เพียงพอหรือ? ” หยุนชางพลางยิ้มออกมา พร้อมตอบกลับจิ่งขุยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน”ความสามารถในการทำนายตัวอักษรของท่านเจ้าอาวาสล้วนแต่มีความแม่นยำ อีกทั้งยังเป็นที่เคารพรักต่อหมู่มวลราษฏรอีกด้วย”
จักรพรรดิพลางหันหน้าไปมองหยุนชางชั่วครู่ จึงหันกลับมามองจิ่งขุย “เสนาบดีจิ่ง ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
จิ่งขุยพลันส่ายหัวไปมา “ไม่เหมาะสมพะยะค่ะ เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าได้ทำนายออกมาแล้วว่า ผู้ใดที่คิดร้ายต่อประเทศชาติ ทั่วแคว้นจะเกิดความระส่ำระส่าย คำทำนายนั้นทำให้กระหม่อมกังวลเป็นอย่างมาก เกรงว่าท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าจะถูกซื้อโดยใครบางคนเสียแล้ว มิเช่นนั้นให้กระหม่อมหาเองได้หรือไม่พะยะค่ะ กระหม่อมรู้จักสำนักลัทธิเต๋าชงซวีเป็นปรมาจารย์หลิงซวี ปรมาจารย์หลิงซวีนั้นยังมีบรรดาศักดิ์เทียบเท่ากับท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าอีกด้วย”
อีกทั้ง เจ้าอาวาสอู๋น่า ยังเป็นพันธมิตรอันดีกับหยุนชาง หยุนชางแอบเพิ่มแผนการบางอย่างเข้าไปในใจ
เมื่อจักรพรรดิได้ยินดังนั้น พลันเงียบไปครู่หนึ่ง หยุนชางพลันเปิดปากออกมาว่า “หากพวกเขาทั้งคู่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในหมู่มวลราษฏร ทำไมไม่อัญเชิญพวกเขามาพร้อมกันเล่า ทำไมลำเอียงนัก ท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าพลางพูดแค่ว่า ผู้ที่คิดร้ายต่อประเทศชาติ จักทำให้ทั่วแคว้นจะเกิดความระส่ำระส่าย หากแต่เขามิได้เอ่ยว่าเป็นผู้ใด หากท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าพร้อมทั้งปรมาจารย์หลิงซวี พูดพร้อมกันผลลัพธ์จะไม่ดีกว่าหรือ ? ”
หยุนชางพลันเงยหน้าขึ้นมามองจักรพรรดิหนิง “เสด็จพ่อ. แม้ชางเอ่อร์จะจงใจไปบ้าง หากแต่หม่อมฉันมิสามารถให้ชื่อเสียงของราชวงศ์ต้องมามัวหมองมิได้เพค่ะ”
จักรพรรดิหนิงแม้อยากจะปฏิเสธก็ตาม หากแต่เมื่อได้ยินหยุนชางพูดขึ้นมาแบบนี้ จึงทำให้เขาต้องเงียบ เพื่อใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางพยักหน้าบอกว่า “เอาตามแบบที่หยุนชางว่ามาแล้วกัน อีกชั่วครู่ เจิ้นจักให้คนไปอัญเชิญทั้งท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าพร้อมทั้งปรมาจารย์หลิงซวีมา ”
เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว จักรพรรดิหนิงจึงให้ทุกคนกลับไปได้ หยุนชางเมื่อเห็นจิ่งขุยและจิ่งเหวินซีจากไปแล้ว อีกทั้งสำนักหอดูดาวหลวงก็ออกไปแล้วเช่นกัน จึงหมุนตัวกลับมาพูดกับจักรพรรดิหนิงว่า “เสด็จพ่อ แม้ว่าเสด็จแม่จะจากไปเร็วกว่าที่ควร หากแต่นางก็ยังเป็นภรรยาของเสด็จพ่อ ก่อนจากไปคนที่เสด็จแม่ต้องเป็นห่วงมากที่สุดคือพี่สาว ตระกูลหลี่ทุกคนล้วนถูกกำจัดไปหมดแล้ว หากเสด็จพี่กลับมาก็ไม่สามารถสร้างคลื่นอำนาจใด ๆ ได้อีก เสด็จพ่อมิส่งคนไปบอกกล่าวนางหน่อยหรือ ส่งคนไปยังแคว้นเย้หลางเพื่อบอกข่าวนางสักนิด เสด็จพี่ตอนนี้เป็นถึงพระชายาขององค์รัชทายาทแคว้นเย้หลางแล้ว. แม้ว่าพวกเรากับแคว้นเย้หลางความสัมพันธ์มิได้ดีต่อกันมากนัก หากแต่เมื่อองค์รัชทายาทได้นั่งบัลลังค์เมื่อใดทุกอย่างก็จักเปลี่ยนไปใช่หรือไม่? ”