ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 347 เลือกฮองเฮาคนใหม่
จักรพรรดิหนิงระงับความโกธรที่เกิดขึ้นภายในใจ พร้อมพูดขึ้นมาว่า “หากผู้ที่คิดร้ายต่อประเทศมิควรเป็นฮองเฮา หากแต่ประเทศชาติมิสามารถขาดแม่ของแผ่นดินได้ ถ้าเช่นนั้นเป็นใครที่เหมาะสมกัน ? ”
ท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าพร้อมกับปรมาจารย์หลิวซีจึงเริ่มทำนายใหม่อีกครั้ง เมื่อผ่านไปสักพัก จึงส่งผลลัพธ์คำทำนายมาให้หัวหน้าเจิ้ง หัวหน้าเจิ้งร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อกวาดสายตามองดูจึงตกตะลึงไปชั่วครู่ “ฮองเฮาคนใหม่จักต้องเป็นผู้ที่เกิดเดือนห้าวันที่สิบเจ็ดอีกทั้งตอนนี้ยังอาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัง”
จักรพรรดิหนิงพลางตกตะลึงไปชั่วครู่ เขามิสามารถบอกได้ว่าภายในใจของเขาเป็นเช่นไร แต่แรกเขาเพียงคาดเดาไว้ว่าจักต้องเป็นจิ่นกุ้ยเฟย หากแต่ผลลัพธ์ออกมามิใช่ วันเกิดของจิ่นกุ้ยเฟยนั้นเขาจำได้เป็นอย่างดี น่าจะเป็นเดือนเจ็ด
ผลลัพธ์ในการทำนายครั้งนี้แตกต่างไปจากที่จักรพรรดิคาดเดาไว้มากเหลือเกิน ดังนั้นจึงต้องจบพิธีการด้วยความเร่งรีบ ภายในใจพลันรู้สึกโล่งอก แต่เดิมเขาต้องการให้การทำนายในครั้งนี้ช่วยล้างมลทินให้กับจิ่งเหวินซี ไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้ มิรู้ว่าสตรีที่เกิดเดือนห้าวันที่สิบเจ็ด เป็นใครกัน เกรงว่านางจักได้ขึ้นเป็นฮองเฮาเสียแล้ว
เมื่อกลับถึงพระราชวังได้ไม่นาน พลันได้ยินเสียงของหัวหน้าเจิ้งมารายงานว่า “จักรพรรดิ เสนาบดีจิ่งและสนมจิ่งขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”
จักรพรรดิพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ให้เข้ามา ”
จิ่งขุยพร้อมทั้งจิ่งเหวินซีสีหน้าไม่ดีเป็นอย่างมาก เมื่อเข้ามาในตำหนักแล้ว ทั้งคู่รีบร้อนคุกเข่าลงทันที จิ่งขุยรีบร้อนพูดต่อจักรพรรดิหนิงว่า “จักรพรรดิ ต้องมีคนคิดใส่ร้ายต่อกระหม่อมและบุตรสาวเป็นแน่พะยะค่ะ จักรพรรดิได้โปรดพิจารณา”
จิ่งเหวินซีมิได้เอ่ยอันใดออกมา ได้ยินมาว่าหากมะเขือยาวที่ถูกน้ำค้างแข็งแล้วมักจะเอนเอียงไปอีกข้างหนึ่ง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว. จักรพรรดิจักต้องเห็นนางเป็นหมากที่ท่านพ่อใช้แล้วทิ้งเป็นแน่ นางต้องตายสถานเดียว ราษฏรถึงจะพอใจ แม้ว่านางจะไม่ต้องตาย หากแต่ราษฏรทั้งหลายล้วนรู้จักนางหมดแล้วว่านางคือจิ่งเหวินซี ต่อจากนี้การใช้ชีวิตในแคว้นหนิงคงจะยากขึ้นเป็นอย่างมาก
“คงต้องถอนอ้ายชิงออกเสียแล้ว”. จักรพรรดิพลางพูดออกมาอย่างเฉยเมย เขารู้ว่าจิ่งขุยจะไม่ต่อต้านเขาเพราะจิ่งเหวินซี หากแต่อำนาจนี้เมื่อได้มาอยู่ในมือแล้ว เป็นการยากหากจะต้องวางมันลง
จิ่งขุยจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “กระหม่อมจะเกษียณแล้ว” พลางลุกขึ้นยืนพร้อมดึงจิ่งเหวินซีออกมา. จิ่งเหวินซีดื้อดึงมิยินยอมออกไป พลางรีบร้อนคุกเข่าลงต่อหน้าจักรพรรดิหนิง พร้อมพูดเสียงดังว่า “เป็นพระชายาจิ่งอ๋องเพคะ ต้องเป็นพระชายาจิ้งอ๋องเป็นแน่ที่ใส่ร้ายหม่อมฉัน จักรพรรดิ ได้โปรดช่วยพิจารณาเรื่องนี้ด้วย”
จักรพรรดิหนิงพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมมองไปยังจิ่งเหวินซีอย่างไร้ความเมตตา “ลากนางออกไป”
ทหารที่เฝ้าอยู่หน้าประตูจึงรีบร้อนเดินเข้ามา พร้อมลากจิ่งเหวินซีที่กำลังกรีดร้องไม่หยุดออกไป เมื่อจัดการปัญหาบ้านตระกูลจิ่งเสร็จแล้ว จักรพรรดิหนิงพลันหันหน้ามาถามหัวหน้าเจิ้งว่า “สนมในวังหลวงแห่งนี้ เป็นผู้ใดที่เกิดเดือนห้าวันที่สิบเจ็ดกัน ?”
หัวหน้าเจิ้งพลางก้มลงพร้อมบอกว่า “นู๋ไฉเพิ่งตรวจสอบวันเกิดของเหล่าสนมเมื่อครู่ มีเพียงหย่าผินเพียงผู้เดียวที่เกิดเดือนห้าวันที่สิบเจ็ดพะยะค่ะ อีกทั้งตำหนักฉีหลานของหย่าผินยังตั้งอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของราชวังอีกด้วย”
“หย่าผิน ?” จักรพรรดิหนิงพลันตกตะลึงเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้ ภายในใจรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก พระราชโองการแต่งตั้งฮองเฮาก็เป็นกรมพิธีการเป็นผู้รับผิดชอบ อีกทั้งพี่ชายของหย่าผินก็คือหลิวฉีเหยียน เป็นรองเจ้ากรมพิธีการอีก ทำไมถึงเป็นเรื่องบังเอิญเช่นนี้ อาจจะเป็นหลิวฉีเหยียนที่เป็นคนทำเรื่องทั้งหมดงั้นหรือ ?
จักรพรรดิหนิงพลันครุ่นคิด พร้อมกับส่ายหัวออกมาเพื่อปัดความคิดของเขาให้ออกไป นิสัยของหลิวฉีเหยียนนั้น เขาเคยตรวจสอบมาบ้างแล้ว เป็นเพียงแค่ครอบครัวชาวนาธรรมดาครอบครัวหนึ่ง เป็นเพราะมีพ่อที่ฉลาดมาก จึงทำให้ได้เข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง พร้อมสอบเป็นบัณฑิตได้ ตอนนี้ในครอบครัวมีเพียงพี่ชายน้องสาวสองคนเท่านั้น อีกทั้ง จากที่จักรพรรดิหนิงเคยเฝ้าดูหลิวฉีเหยียนแล้ว เขาเป็นคนที่ซื่อตรง ไม่รู้จักเล่ห์เหลี่ยม ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานก็มิค่อยดีนัก แม้แต่น้ำมันของกรมพิธีการ เขาก็ไม่เคยแอบหากำไรให้ตนเอง บุคคลเช่นนี้ ล้วนแต่เป็นคนที่ไม่มีจิตใจที่คดโกง ปรมาจารย์หลิวซวีเป็นผู้ที่จิ่งขุยอัญเชิญมานั้น หลิวฉีเหยียนไม่สามารถเข้าไปชักชวนปรมาจารย์หลิวซวีให้มาช่วยเหลือเขาได้อย่างแน่นอน
หรือเป็นหยุนชาง ? จักรพรรดิหนิงพลันขมวดคิ้วลง หากเป็นหยุนชางแล้ว เหตุใดจึงมิให้จิ่นกุ้ยเฟยเป็นฮองเฮากัน หลังจากปฏิกิริยาของตำหนักจิ่นซิ่วในวันนั้น นางยังคาดหวังว่า จักต้องเป็นจิ่นกุ้ยเฟยขึ้นเป็นฮองเฮาอย่างแน่นอน หากจิ่นกุ้ยเฟยเป็นฮองเฮาแล้ว เฉินซีก็จะเป็นองค์รัชทายาทโดยชอบธรรม
หากแต่คิดเช่นไรเขาก็ไม่เข้าใจถึงกลอุบายของมัน จักรพรรดิแอบส่ายหัวไปมา “เรียกหย่าผินและหลิวฉีเหยียนเข้าวัง”
หัวหน้าเจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเดินไปเปิดประตูของตำหนักนั้น กลับมีข้ารับใช้เดินมาบอกว่า หลิวฉีเหยียนได้ยืนรออยู่หน้าตำหนักฉินเจิ้งแล้ว สีหน้าร้อนรนเป็นอย่างมาก “หัวหน้าเจิ้ง กระหม่อมต่างการเข้าพบจักรพรรดิ มิทราบว่าองค์จักรพรรดิว่างหรือไม่ ?”
หัวหน้าเจิ้งแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย “เมื่อครู่นู๋ไฉกำลังเรียกให้คนไปตามใต้เท้าหลิวมาพอดี ใต้เท้ากลับมาด้วยยตนเองเสียแล้ว จึงช่วยลดเวลาลงไปบ้าง” เมื่อพูดจบ จึงพาหลิวฉีเหยียนเข้ามา
“จักรพรรดิ นู๋ไฉเพียงเปิดประตู ก็เห็นใต้เท้าหลิวยืนรออยู่หน้าประตูแล้วพะยะค่ะ ” หัวหน้าเจิ้งพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
จักรพรรดิหนิงพลางพยักหน้ารับคำ จึงมองไปยังหลิวฉีเหยียนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านั้น “จักรพรรดิ. น้องสาวของกระหม่อมเป็นผู้ที่เกิดเดือนห้าวันที่สิบเจ็ดพะยะค่ะ หากแต่น้องสาวของกระหม่อมเป็นเพียงลูกสาวชาวนาเท่านั้น แม้ว่าท่านพ่อจะสอนให้อ่านตัวอักษรออก เขียนตัวอักษรได้ หากแต่เป็นเรื่องยากที่จะให้นางเป็นฮองเฮา การเป็นฮองเฮานั้น จักต้องเป็นสตรีที่สง่างามมีคุณธรรม น้องสาวของกระหม่อมมิมีคุณสมบัติดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย หวังว่าจักรพรรดิจะมิให้น้องสาวกระหม่อมขึ้นเป็นฮองเฮา ในโลกนี้คนที่เกิดเดือนห้าวันที่สิบเจ็บมีอยู่เยอะมาก จักต้องมีสักคนที่สามารถทำหน้าที่ฮองเฮาได้อย่างแน่นอน”
ในสายตาของจักรพรรดิหนิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย หลิวฉีเหยียนเป็นพี่ชายของหย่าผิน รู้เพียงแค่วันเกิดของหย่าผินเพียงเท่านั้น หากแต่ตอนที่ทำพิธีทำนายดวงชะตานั้น ท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าพร้อมทั้งปรมาจารย์หลิวซีล้วนพูดวันเดือนปีเกิดออกมา จึงรู้ว่าเป็นหย่าผิน หากแต่คนธรรมดาเมื่อได้ยินว่าน้องสาวของตนได้เป็นฮองเฮานั้นมิใช่เรื่องที่หน้ายินดีงั้นหรือ ? แล้วทำไม
จักรพรรดิหนิงพลันมองไปยังหลิวฉีเหยียน แล้วพูดว่า “แม้ว่าน้องสาวของเจ้า จักไม่ใช่สตรีที่อ่อนหวาน หากแต่เป็นสตรีที่มีเหตุมีผล อีกทั้งในวังหลวงยังสามารถปกป้องตัวเองได้เป็นอย่างดี ทำไมเจ้าถึงไม่อยากให้นางขึ้นเป็นฮองเฮากัน ?”
หลิวฉีเหยียนพลันยิ้มด้วยความขมขื่นเล็กน้อย “หย่าผินเหนียงเหนียงเป็นน้องสาวของกระหม่อม นางมีนิสัยเช่นไรกระหม่อมย่อมรู้ดี แม้ว่ากระหม่อมจะมีนิสัยที่หยิ่งผยอง ในวังหลวงนั้นไม่ค่อยมีสหายเลย หากแต่การก้าวเดินของน้องสาวล้วนแต่เต็มไปด้วยความยากลำบาก จึงเป็นเรื่องยากที่กระหม่อมจะสามารถปกป้องชื่อเสียงของนางได้พะยะค่ะ กระหม่อมเพียงคาดหวังให้นางมีชีวิตที่ดีและปลอดภัย มิได้อยากให้นางมั่งคั่งเต็มไปด้วยอำนาจบารมีแต่อย่างใด”