ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 348 หย่าผินเป็นฮองเฮา
จักรพรรดิหนิงพลันเงียบไปครู่หนึ่ง ภายในใจกลับคิดว่าหลิวฉีเหยียนเป็นคนที่มีจิตใจดีเป็นอย่างมาก
กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น พลันได้ยินหัวหน้าเจิ้งเดินเข้ามาบอกว่า “จักรพรรดิ หย่าผินมาเข้าเฝ้า พะยะค่ะ”
จักรพรรดิหนิงพยักหน้าเล็กน้อย “ให้เข้ามา”
เมื่อประตูพลันเปิดออก หย่าผินจึงเดินเข้ามา นางสวมชุดอาภรณ์สีฟ้า เสื้อคลุมภายนอกเป็นเสื้อคลุมสีฟ้าขนาดใหญ่ ทำให้นางดูสง่างามเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นหลิวฉีเหยียนนั่งคุกเข่าภายในตำหนักนั้น จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก พลางเดินมายังข้างหลิวฉีเหยียนพร้อมคุกเข่าลง “จักรพรรดิ”
จักรพรรดิพลันตอบรับเล็กน้อย พร้อมทั้งขบคิดเรื่องการทำนายดวงชะตาที่เพิ่งจบไป เกรงว่าหย่าผินจะไม่รู้ราวในครั้งนี้ จึงบอกว่า “การทำนายดวงชะตาวันนี้ ท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าและปรมาจารย์หลิงซวีได้ทำนายว่า ฮองเฮาคนใหม่นั้น จักเป็นผู้ที่เกิดเดือนห้าวันที่สิบเจ็ด อีกทั้งยังอาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัง”
หย่าผินได้ยินดังนั้น ทั่วร่างพลันสั่นเทาขึ้นมา ดวงตาเต็มไปด้วยอารมณ์หวาดกลัว พร้อมทั้งรีบร้อนก้มหน้าลงกับพื้น “จักรพรรดิ ได้โปรดช่วยพิจารณาใหม่อีกครั้งด้วยเพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงสนมที่ตำ่ต้อยไม่มีคุณธรรมมากพอ หม่อมฉันไม่มีความสามรถพอที่จะรับตำแหน่งนี้ได้เพคะ”
“โอ้ ? ” จักรพรรดิหนิงได้ยินดังนั้น พลางขมวดคิ้วลง หลิวฉีเหยียนก็พูดเช่นนี้ หย่าผินยังพูดเหมือนกันอีก สองพี่น้องคู่นี้นิสัยช่างเหมือนกันเสียจริง “ถ้าเช่นนั้น เจ้าลองบอกมาสิว่าเหตุใดถึงไม่สามารถรับตำแหน่งนี้ได้? แล้วจึงบอกผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้มา ”
หย่าผินพลันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จึงพูดออกมาว่า “หม่อมฉันเป็นสนมต่ำต้อย อีกทั้งยังเป็นเพียงบุตรสาวจากครอบครัวชาวนา หากแต่ผู้คนในใต้หลารู้ว่าจักรพรรดิแต่งตั้งฮองเฮาที่เกิดจากบุตรสาวชาวนาแล้ว จะต้องมีผู้คนมากมายไม่พอใจอย่างแน่นอนเพคะ. อีกทั้งความรู้ของฉันมีเพียงแค่ เวลาไหนที่จะสามารถปลูกข่าวฟ่างได้ เวลาใดสามารถเก็บเกี่ยวข้าวสาลี เพียงแต่หม่อมฉันมิรู้ว่าจะเป็นฮองเฮาได้อย่างไร ขอให้จักรพรรดิโปรดทรงพิจารณาใหม่อีกครั้งด้วยเพคะ” พลางเงียบไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นมาว่า “การเลือกฮองเฮาคนใหม่นั้น หม่อมฉันมิกล้าพูดปด หากแต่บรรดานางสนมในวังหลวงทั้งหมดนั้น จิ่นกุ้ยเฟยมีความอ่อนโยนทั้งยังมีความสามารถมากมาย และยังปฏิบัติตนต่อบรรดานางสนมทั้งหลายนั้นโดยความสุภาพ ชาติกำเนิดก็มิได้ต่ำต้อยเป็นถึงบุตรสาวของมหาราชครู อีกทั้งยังกำเนิดองค์ชายน้อยออกมาอีก นางจึงเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดเพคะ”
จักรพรรดิหนิงพลางเคาะโต๊ะเบา ๆ ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มออกมา “โอ้ ? อ้ายเฟยคิดเช่นนั้นหรือ ” จากนั้นจึงเหลือบไปมองยังสองพี่น้องที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ภายในใจพลันมีความคิดบางอย่างแวบเข้ามา
หลิวฉีเหยียนและหลิวชิงหย่าพูดนั้น ไม่ผิดสักทีเดียว แม้ว่าชาติกำเนิดของหลิวชิงหย่าจะค่อนข้างต่ำ หากแต่ชาติกำเนิดเช่นนี้ใช่ว่าจะไม่ดี มิต้องระวังภูมิหลังของครอบครัวให้มากความ อีกทั้งยังไม่มีอำนาจของครอบครัวมาสนับสนุนอีก เกรงว่าทั้งสองคนจะต้องใส่ใจกันให้มากขึ้นเสียแล้ว หลิวฉีเหยียนนั้นเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ หากแต่ไม่รู้จักการยืดหยุนบ้าง ทว่าลักษณะนิสัยเช่นนี้ จึงมิจำเป็นต้องกังวลว่าเขาจะหาประโยชน์เข้าตัวเอง
หลิวชิงหย่า
จักรพรรดิหนิงเหลือบมองไปยังสตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า แม้ว่าในวังหลังนั้น หลิวชิงหย่าหน้าตาจะไม่โดดเด่นมากนัก เทียบกันแล้วค่อนข้างจะธรรมดา หากแต่นางมีนิสัยอ่อนโยนมีความเมตตา จึงทำให้เขารู้สึกสบายใจอยู่เสมอ ในวังหลวงนั้นจึงไม่มีใครเทียบเคียงนางได้ อีกทั้งความสัมพันธ์ของบรรดาเหล่าสนมด้วยกันก็ไม่ได้ย่ำแย่ นับว่าเป็นสตรีที่ฉลาดผู้หนึ่ง
ถึงแม้ในวังหลังผู้ที่จักรพรรดิหนิงชอบที่สุดจะคือจิ่นกุ้ยเฟย หากแต่จิ่นกุ้ยเฟยนั้นไม่เหมาะสมที่จะขึ้นเป็นฮองเฮา นิสัยของจิ่นกุ้ยเฟยนั้นทั้งเย็นชาและดื้อรั้น ไม่เหมาะกับเล่ห์เหลี่ยมในวังหลวง ตอนนี้หยุนชางยังมีจิ้งอ๋องที่เป็นหนามตำใจเขามาตลอดอีก เขาสามารถปกป้องจิ่นกุ้ยเฟยได้ตลอดไป และสามารถมอบความรักความชื่นชอบให้นางคนเดียว หากแต่เขาไม่สามารถมอบตำแหน่งฮองเฮาให้ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาพลันกระตุกยิ้มขึ้นมาว่า “หลิวอ้ายชิงกับอ้ายเฟย ล้วนแต่ทำให้เจิ้นลำบากใจ หากแต่คำทำนายที่อยู่บนแท่นบูชานั้น ข้าราชบริพารหลายร้อยคนล้วนแต่รู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว อีกทั้งเหล่าข้าราษฏรกำลังจับตามองอยู่ หากแต่ไม่เคารพสรวงสวรรค์แล้วไซร้ เจิ้นเกรงว่าจะเป็นการสร้างความลำบาก อ้ายเฟยมิต้องทำอะไรให้มากความ อีกชั่วครู่ เจิ้นจะเขียนพระราชโองการแต่งตั้งอ้ายเฟยเป็นฮองเฮาเอง ”
สองพี่น้องร่างกายสั่นเทา เพียงชั่วครู่จึงได้ยินเสียงหัวหน้าเจิ้งพูดเตือนขึ้นมาว่า “เหนียงเหนียงดีใจจนลืมกล่าวขอบคุณจักรพรรดิไปเสียแล้ว”
หลิวชิงหย่าขบริมฝีปากตนเองเล็กน้อย เพียงชั่วครู่ จึงหลับตาพร้อมทั้งโน้มตัวลง “หม่อมฉันขอบพระทัยเพคะ ขอให้จักรพรรดิมีอายุยืนยาว ”
หลิวฉีเหยียนรู้ดีว่าเรื่องนี้ยากที่จักรื้อฟื้นขึ้นมา แม้ว่าภายในใจเขาจะไม่ยินยอมก็ตาม หากแต่ก็ต้องทำความเคารพตามหลิงชิงหย่า
เมื่อพระราชโองการแต่งตั้งฮองเฮาได้ประกาศออกมาอีกครั้ง หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงฮองเฮา เนื่องจากว่าท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าและปรมาจารย์หลิงซวีได้ทำนายไว้ว่าผู้ที่จักได้ขึ้นเป็นฮองเฮา คือสตรีที่เกิดเดือนห้าวันที่สิบเจ็ดนั้น หลิวชิงหย่ากลับเป็นผู้ที่มีคุณสมบัตินั้น เหล่าข้าราษฏรจึงไม่มีข้อร้องเรียนใด ๆ หลิวชิงหย่าแม้ว่าจะมีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย หากแต่นางก็ได้รับการยินยอมจากราษฏรทุกคน
“หลิวชิงหย่า ” ภายในจวนจิ้งอ๋องนั้น จิ้งอ๋องพลางยืนพิงอยู่ที่ประตูพร้อมบ่นงึมงำแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองหยุนชางว่า “เปิ่นหวางคิดว่าจักต้องเป็นจิ่นกุ้ยเฟยเสียอีก ? ทำไมถึงเป็นหย่าผิน ?”
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย พลางสะบัดสายกู่ฉินที่อยู่บนโต๊ะ จนเกิดเสียงแปลก ๆ ดังออกมา เพียงชั่วครู่จึงพูดออกมาว่า “หม่อมฉันก็มิรู้เช่นกันว่าใครเคยพูดขึ้นมาว่า การเป็นฮองเฮานั้นมีตำแหน่งสูงส่งยากที่ใครจะเทียบเคียง และยังเป็นผู้ที่คิดคำนวณแผนการต่าง ๆ นานา อีก การเป็นฮองเฮานั้นเหมือนกับตนเองกำลังเดินอยู่บนพื้นแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ในวังหลวงล้วนแต่เต็มไปด้วยสตรีที่ต้องการตำแหน่งของฮองเฮา หม่อมฉันมิอยากให้เสด็จแม่ต้องมาลำบากเช่นนั้น แม้ว่าการเอาตัวรอดในวังหลวงนั้นจะไม่ง่าย หากแต่ได้ใช้ชีวิตให้สบาย ๆ หน่อยก็ดีมากแล้ว. หลิวชิงหย่าหรือก็เป็นคนของหม่อมฉัน รวมถึงพี่ชายบัณฑิตจอหงวนผู้นั้นก็เป็นคนของหม่อมฉันเช่นกัน หม่อมฉันแม้ว่าจะไม่อยากให้ท่านแม่ขึ้นเป็นฮองเฮา ทว่าก็ต้องทำให้แน่ใจว่าบุคคลที่นั่งอยู่บนตำแหน่งฮองเฮานั้น จักสามารถปกป้องเสด็จแม่ได้เช่นกัน”
จิ้งอ๋องได้ยินดังนั้น แววตาของเขาฉายแววครุ่นคิดเล็กน้อย “เจ้าเคยบอกว่า ก่อนหน้านั้นเจ้าค่อย ๆ ให้คนของเจ้าแฝงตัวเข้าไปยังในวังแล้ว. ข้ายังคิดว่าผู้คนที่เจ้าให้แฝงตัวเข้าไปนั้นล้วนแต่เป็นข้าราชบริพารระดับต่ำ มิคาดคิดว่าเจ้าจะมีหมากดีซ่อนอยู่เช่นนี้ “ทว่าในใจยังตกตะลึงอยู่ไม่น้อย การจะเลี้ยงคนคนหนึ่งนั้น มิใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว หากมิได้เคี่ยวกรำฝึกฝนมาหลายปี เกรงว่าจะไม่ได้ใช้งานง่าย ๆ อีกทั้งยังต้องวางชีวิตครอบครัวไว้ในมือผู้อื่นอีก ในสายตาของสตรีผู้นี้ แม้ว่าจะอายุเพียงสิบห้าหนาว ทว่ากลับมองการณ์ไกลได้ดี พร้อมทั้งฝึกฝนผู้คนไว้ใช้งานได้ตั้งแต่ต้น นางเป็นสตรีที่เฉลียวฉลาดเสียจริง
หยุนชางยิ้มขึ้นมาว่า “แท้จริงแล้วความดีความชอบนี้มิได้เป็นของหม่อมฉัน หลิวฉีเหยียนเป็นเด็กที่ได้ท่านตาคอยช่วยเหลือ อีกทั้งยังเป็นเด็กที่ท่านตาคอยสั่งสอนมาตลอด หม่อมฉันเพียงแค่พาเขาเข้ามาสู่ตำแหน่งในวังหลวงได้เท่านั้น”
“โอ้ ? ที่แท้เป็นมหาราชครูเซียวหรือ” จิ้งอ๋องเพียงพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรออกมา
เพียงผ่านไปชั่วครู่ หยุนชางจึงหยุนเล่นฉินลง พลางเรียกเฉียนยินให้เข้ามา “ให้คนไปเฝ้าจิ่งเหวินซีไว้ ครั้งที่แล้วปล่อยนางหนีไปได้ ทำให้ข้ามีปัญหามากมายนัก ครั้งนี้จับตาดูนางไว้ให้ดี อย่าให้รอดไปได้เช่นคราวที่แล้วอีก แม้ว่านางจะหมดลมหายใจไปแล้วก็ต้องคอยแทงนางซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง อย่าได้ให้นางกลับมามีชีวิตได้อีก”
เฉียนยินพลันไอเบา ๆ ขึ้นมา “หวางเฟย ทำไมท่านช่างน่ากลัวเช่นนี้?” พลางเหลือบมองไปยังสีหน้าของจิ้งอ๋อง หากแต่จิ้งอ๋องมิได้ฟังสักเท่าไหร่ พลันถอนหายใจออกมาพลางแอบคิดในใจว่า”สามีภรรยาคู่นี้ช่างแปลกคนเสียจริง”
หยุนชางพลางยิ้มเล็กน้อย จึงพูดขึ้นมาว่า “มิใช่ว่าชาวบ้านเขาพูดกันหรอกหรือ สิ่งที่ร้ายที่สุดคือจิตใจของสตรี”