ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 351 เบาะแส
หยุนชางอมยิ้มเล็กน้อย แววตาของนางเยาะเย้ยเล็กน้อย ” เมิ่งเจี๋ยยวี๋มักจะคิดว่าตัวเองนั้นเก่งกาจแค่ไหน เจ้าคิดว่า เจ้าหักหลังข้ามานับครั้งไม่ถ้วนเช่นนี้ ข้ายังจะเชื่อในสิ่งที่เจ้ากล่าวอยู่อีกหรือ? อีกทั้ง โบราณกล่าวว่าคนเราจะมีการพัฒนาอยู่เสมอ ฉะนั้นอย่าได้ใช้ความคิดเดิมไปตัดสินผู้อื่น เมิ่งเจี๋ยอวี๋คิดว่าข้ายังเป็นองค์หญิงน้อยในพระราชวังที่ใครๆ ก็รังแกได้อยู่อีกหรือ?”
หยุนชางหัวเราะเยาะเย้ย จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินจากไปโดยไม่ลังเล สำหรับนางแล้ว ฉินเมิ่งในตอนนี้เป็นเพียงหมากที่ไร้ประโยชน์ แม้ว่านางจะมิได้อยู่ในวัง แต่ทุกการเคลื่อนไหวในวังนั้นล้วนอยู่ในกำมือของนาง ส่วนเรื่องที่ฉินเมิ่งกล่าวมา ที่เกี่ยวข้องกับองค์หญิงหัวจิ้งและมหาเสนาบดีนั้น….
หยุนชางยิ้มเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เดิมทีฉินเมิ่งก็เป็นเพียงแค่นางกำนัลเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นนางกำนัลที่เป็นเส้นสายของฮองเฮาเสียด้วย ตัวตนของหนิงหัวจิ้งและมหาเสนาบดีหลี่นั้น นางทรายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากว่าตนเป็นหยุนชางเมื่อหนึ่งที่ก่อนที่เพิ่งกลับไปที่พระราชวังละก็ ตนก็คงฟังสิ่งที่ฉินเมิ่งกล่าวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้หากว่านางต้องการทราบเรื่องอะไรบางอย่าง นางจะมีวิธีของนางเอง
เฉี่ยนอินหันหน้ามองไปที่ฉินเมิ่งอยู่บ่อยครั้ง จนเมื่อมองไม่เห็นฉินเมิ่งแล้ว จากนั้นจึงหันหลังกลับไปพูดกับหยุนชางด้วยเสียงเบาว่า ” พระชายาเพคะ หม่อมฉันคิดว่าเครื่องประดับลูกปัดดอกไม้ที่อยู่บนหัวของเมิ่งเจี๋ยยวี๋ดูเหมือนจะไม่ได้มาจากพระราชวังเพคะ”
“อย่างไรนะ?” หยุนชางหยุดครู่หนึ่ง “ฉินเมิ่งมิได้เติบโตในพระราชวัง นางอาจจะถูกนำตัวเข้ามาในพระราชวังเมื่อนานมาแล้ว”
เฉี่ยนอินกลับส่ายหน้า “หม่อมฉันรู้สึกว่า แม้ว่าลูกปัดดอกไม้นั้นจะมิใช่ของในพระราชวัง แต่ก็เป็นรูปแบบที่นิยมในเมืองหลวงช่วงที่ผ่านมา จึงอาจจะมิใช่ของของเก่าแก่กระไร”
“หื้ม?” หยุนชางหยุดฝีก้าวไว้ หรี่ตาลงและมองไปที่หลังคาตำหนักที่อยู่ห่างไกล “น่าแปลกใจ ข้าได้ยินมาว่าฉินเมิ่งไม่มีครอบครัวอยู่นอกวัง” หลังจากหยุดไปชั่วครู่ นางจึงสั่งการด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ไปสืบมาว่าช่วงนี้ฉินเมิ่งไปมาหาสู่กับใครบ้าง คนที่สามารถเข้าออกพระราชวังได้ก็คงไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน ไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใดฉินเมิ่งจึงไปเกี่ยวพันกับคนเหล่านี้ได้ เพียงแต่ว่าหากว่านางทำตัวเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่รังเกียจที่จะเหนื่อยเล็กน้อย เพื่อช่วยให้นางได้อยู่อย่างสงบตลอดไป”
เฉี่ยนอินตอบรับ
หลังจากออกจากวังแล้ว นางก็ขึ้นเกวียนม้ามุ่งหน้าไปยังจวนท่านอ๋อง หยุนชางเปิดม่านเกวียนม้าขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง อาจเป็นเพราะพิธีแต่งตั้งพระราชินีกำลังจะมาถึงแล้ว แม้จะเป็นฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ แต่ในเมืองหลวงนั้นก็ยังคงมีชีวิตชีวาอย่างมาก
ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้อยู่ นางก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชนด้านนอก นางสวมชุดสีกรมพร้อมคลุมด้วยเสื้อคลุมขนาดใหญ่ มีผ้าซาตินปิดหน้าไว้ ปกปิดบริเวณใบหน้าใต้ดวงตาอย่างมิดชิด เพราะว่าช่วงนี้คนๆ นี้มักจะปรากฏตัวต่อหน้านาง หยุนชางจึงจำนางได้ในพริบตา นางคือจิ่งเหวินซี
นางอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? อีกทั้งยังแต่งกายเช่นนี้อีก? แม้ว่าเสด็จพ่อยังมิได้ได้ออกพระราชโองการอย่างเป็นทางการว่าจะจัดการกับนางอย่างไร แต่มหาเสนาบดีจิ่งก็คงไม่ปล่อยให้นางปรากฏตัวอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้หรอก
เหมือนว่าจิ่งเหวินซีจะรู้สึกตัวว่ามีคนกำลังจ้องมองนางอยู่ นางจึงหันกลับมามองที่เกวียนม้าของหยุนชาง หยุนชางปิดมม่านลงอย่างใจเย็น และพูดกับเฉี่ยนอินอย่างแผ่วเบาว่า “จิ่งเหวินซีอยู่ข้างนอก สวมชุดสีกรม และเสื้อคลุมขนาดใหญ่ มีผ้าซาตินปกปิดใบหน้าไว้ เจ้าตามนางไป ดูให้ชัดว่านางไปที่ใด”
เฉี่ยนอินตอบกลับและผลักประตูเกวียนม้าออกแล้วกระโดดลงจากเกวียนไป
เมื่อกลับไปถึงจวนท่านอ๋อง จิ้งอ๋องมิได้อยู่ในจวน พ่อบ้านกล่าวเพียงว่าขณะที่หยุนชางเข้าไปที่พระราชวัง มหาเสนาบดีจิ่งก็ส่งสารขอพบมาที่จวน จิ้งอ๋องจึงได้ออกจากจวนไป และตอนนี้ยังมิได้กลับมา
หยุนชางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เหตุใดจิ่งขุยจึงเชิญจิ้งอ๋องออกไป? เมื่อนึกถึงการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของจิ่งเหวินซีในวันนี้ หัวใจของหยุนชางก็สั่นสะท้าน เป็นไปได้หรือไม่ที่จิ่งเหวินซีนั้นมาเพื่อการนี้? และเหตุใดจึงมีเพียงจิ่งเหวินซี แต่ไม่พบจิ่งขุย?
เมื่อรู้ว่าการคิดมากของตนนั้นจะทำให้ตนกังวลใจ หยุนชางจึงเลิกคิดเรื่องนี้สักพัก จากนั้นก็ตามตัวสายลับของตนมา เพื่อรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ล่าสุดให้กับนาง เนื่องจากคำขอของจิ้งอ๋อง นางจึงมิได้มีสมาธิจัดการเรื่องต่างๆ มานานแล้ว
สายลับรายงานการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่หยุนชางสั่งให้พวกเขาตามติดให้นางรับทราบ ตอนนี้จักรพรรดิแคว้นเซี่ย ได้ผ่านพรมแดนระหว่างสองแคว้นมาแล้ว และมาพร้อมกับองค์รัชทายาท สองสามวันก่อนพวกเขาถูกลอบสังหารในพรมแดนแคว้นเซี่ย แต่ไม่เป็นกระไรมาก
ส่วนแคว้นเย้หลางนั้นได้ส่งตัวองค์รัชทายาทไปเป็นท่านทูตตามคาด และตอนนี้เขาอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก องค์รัชทายาทนั้นได้พาหนิงหัวจิ้งมาด้วย เป็นไปดั่งที่หยุนชางคาดเดา และได้ข่าวว่าหัวจิ้งมีอายุครรภ์สองเดือนแล้ว เดิมทีองค์รัชทายาทแคว้นเย้หลางมิได้อยากพาหนิงหัวจิ้งมาด้วย แต่หนิงหัวจิ้งนั้นไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน นางใช้ยาหอมเสน่ห์ป้ายบนร่างกายของตน ซึ่งทำให้องค์รัชทายาทแคว้นเย้หลางนั้นหลงใหลเป็นอย่างมาก จากนั้นจึงพาหนิงหัวจิ้งมาด้วย โดยเพิกเฉยต่อการขัดขวางของพระชายาองค์รัชทายาท
เมื่อหยุนชางได้ยินการรายงานของสายลับ นางยิ้มขึ้นมา ตอนนี้หนิงหัวจิ้งนั้นเก่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิท่า แม้กับตัวนางเองนางก็ทำได้ลงคอ นางก็ทราบดียิ่งกว่าใครๆ ไม่ว่ายาหอมเสน่ห์แบบไหน หากใช้เป็นเวลานานก็จะอันตรายต่อร่างกายอย่างแน่นอน อีกทั้งตอนนี้นางยังตั้งครรภ์อยู่ และทารกในครรภ์นั้นก็เกิดจากการกินยาบางอย่าง ทารกในครรภ์จึงไม่แข็งแรงอยู่แล้ว
หากนางต้องการที่จะตั้งหลักในแคว้นเย้หลางให้ได้ นางทราบดีว่าทายาทนั้นมีความสำคัญเพียงใด แต่นางก็ยังกล้าที่จะเอาทารกในครรภ์มาเสี่ยง หรือว่านางไม่ได้คิดที่จะให้กำเนิดบุตรคนนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว? แต่ก็ไม่ทราบว่าหนิงหัวจิ้งจะเอาการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ไปใส่ร้ายใครกัน
“ฝีมือของหนิงหัวจิ้ง เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ช่างน่าสนใจจริงๆ …” หยุนชางสั่งให้สายลับถอยลงไป จากนั้นนางก็นอนบนเบาะ และยิ้มอย่างไม่กังวล เช่นนี้ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน เวลาที่นางรับมือจะได้ สนุกกว่าเดิม
“พระชายาได้รับข่าวดีกระไรหรือเพคะ? เหตุใดจึงได้ยิ้มอย่างมีความสุขเช่นนี้เพคะ?” จิ้งอ๋องเปิดประตูเข้ามาและเห็นภาพนั้น เขาก็ผงะไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินเข้าไปมาจากการพยุงของพ่อบ้าน
หยุนชางหันไปมองเขา จิ้งอ๋องฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเร็วมาก ตอนนี้หากเขายืนนิ่งกับที่แทบจะดูไม่ออกเลยว่าเขาได้รับบาดเจ็บ แต่หากเขาเดินแล้วสังเกตดีๆ ก็จะพบถึงความผิดปกติเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ต้องพยุงเดิน หยุนชางมองไปที่ขาของเขา แล้วครุ่นคิดในใจ จึงเข้าใจสิ่งที่เขากำลังคิด แม้ว่าตอนนี้เสด็จพ่อยังไม่ลงมือกับเขา แต่กลับระแวงเขาเป็นอย่างมาก จิ้งอ๋องแสร้งทำเป็นว่ายังไม่หายดี จึงจะช่วยลดความระแวงของเสด็จพ่อลงได้บ้าง
หยุนชางเลิกคิ้ว จากนั้นก็มองไปที่หน้าเขา มองดูพ่อบ้านช่วยเขาถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นนางจึงยืนขึ้นพร้อมอมยิ้ม แล้วเดินไปหาจิ้งอ๋องพร้อมดมตัวเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า ” เหตุใดบนตัวท่านอ๋องจึงมีกลิ่นแป้งจาง ๆ มีการนัดพบกับสาวงามหรือ?”
จิ้งอ๋องหันหน้าไปมอง เขาเห็นว่าสีหน้าของหยุนชางมิได้โกรธเคืองแต่อย่างใด จึงอมยิ้มแล้วกล่าวว่า “พระชายาคงระแวงมากเกินไป มีกลิ่นแป้งจางๆ บนตัวข้าหรือ? พระชายาได้กลิ่นผิดไป หรือว่าลองดมอีกครั้งดีหรือไม่?”
หยุนชางทำเสียง หึ เบาๆ แล้วเอนตัวเข้าไปใกล้จิ้งอ๋องพร้อมดมกลิ่น แต่กลับถูกจิ้งอ๋องดึงตัวเข้าไป และล้มลงในอ้อมกอดของเขา………..