ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 352 เพื่อนเก่าผู้มาเยือน
ใบหน้าของหยุนชางแดงขึ้นมา นางดิ้นรนจะออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ก็ออกจากอ้อมกอดของจิ้งอ๋องไม่ได้ แต่กลับถูกกอดแน่นขึ้น ขณะที่การหายใจของจิ้งอ๋องเริ่มแรงขึ้น ประตูกลับถูกเปิดออก เฉี่ยนอินวิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างกะทันหัน
เมื่อนางเห็นสถานการณ์ในห้องแล้ว เฉี่ยนอินก็หยุดชะงัก และใบหน้าของนางก็เก้อเขินเล็กน้อย “เอ่อ หม่อมฉันมิได้ตั้งใจที่จะรบกวนเพคะ พวกท่านต่อได้เลยเพคะ…..ต่อได้เลย…” ขณะที่กล่าว นางก็ถอยออกไป
หยุนชางกลับกล่าวอย่างเร่งรีบว่า “เฉี่ยนอิน”
เฉี่ยนอินที่กำลังถอยออกไปก็หยุดลงทันที นางจ้องไปที่นิ้วเท้าของตนอย่างกลัวๆ เพราะกลัวว่าจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น เวลาที่พระชายาโกรธขึ้นมานั้นน่ากลัวอย่างมากเชียวนะ ส่วนท่านอ๋อวนั้นก็ยิ่งน่ากลัวกว่าอย่างมาก
หยุนชางรู้สึกว่าจิ้งอ๋องคลายแขนตัวเองแล้ว จึงใช้โอกาสนี้หนีออกจากอ้อมกอดของเขา จากนั้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และพูดกับเฉี่ยนอินว่า ” พวกเราไปที่ห้องหนังสือกันเถิด” มีคนอันตรายอยู่ในห้องนี้ทั้งคน เมื่อคิดเช่นนี้ในใจ มุมปากของหยุนชางก็โค้งงอขึ้นไป
“พระชายาเพคะ หม่อมฉันตามแม่หญิงจิ่งไปตลอดทาง และเห็นว่านางเข้าไปในหอที่มีชื่อว่าหอเฉี่ยนซิน เดิมทีหม่อมฉันจะตามเข้าไป แต่ดูเหมือนว่าจะมีเหล่ายอดฝีมืออยู่ในหอเฉี่ยนซินอยู่ไม่น้อย หม่อมฉันไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตน จึงได้กลับมารายงานพระชายาก่อนเพคะ” แววตาของเฉี่ยนอินดูหงุดหงิดเล็กน้อย นางเชื่อว่าตนนั้นถือว่าโดดเด่นในกลุ่มสายลับของพระชายา แต่ไม่คาดคิดว่าเหล่ายอดฝีมือที่อยู่รอบตัวของนางผู้นั้นกลับมีเยอะเช่นนี้
“หอเฉี่ยนซิน…” หยุนชางพึมพำกับตัวเอง แววตาแห่งเจตนาฆ่าที่รุนแรงที่ปรากฏที่ดวงตาของนาง
นางลืมไปได้อย่างไรว่าหอเฉี่ยนซินเป็นสถานที่เช่นไร นางเกือบจะหลงกลหนิงหัวจิ้งครั้งใหญ่เมื่อตอนอยู่ที่นั่น แต่เกาะฮู๋ซินที่อยู่ในหอเฉี่ยนซินนั้นน่าสนใจยิ่งกว่า นางเคยสั่งให้คนไปสำรวจความลึกลับของเกาะฮู๋ซินนั้นหลายต่อหลายครั้งแล้ว เหตุใดจึงมีหมอกหนาอยู่รอบๆ เกาะฮู๋ซิน และเมื่อเรายืนอยู่บนฝั่งจะมองไม่เห็นคนที่อยู่ในศาลาชิงเลย แต่คนที่อยู่ในศาลาชิงนั้นกลับสามารถมองเห็นสถานการณ์บนฝั่งได้
แต่นางได้ส่งหน่วยสายลับไปสืบมาจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้พบเห็นภาพแปลก ๆ เช่นนั้นอีก
หอเฉี่ยนซิน เดิมเป็นอีกหนึ่งลานบ้านของหนิงหัวจิ้ง มีคนอยู่ในหอเฉี่ยนซิน คนคนนั้นก็คงเป็นหนิงหัวจิ้ง และเมื่อหนิงหัวจิ้งอยู่ที่นั่น มีโอกาสอย่างมากที่องค์รัชทายาทของแคว้นเย้หลางก็จะอยู่ที่นั่นเช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่แปลกที่จะมีสายลับยอดฝีมือซ่อนอยู่ในหอเฉี่ยนซิน
ดูเหมือนว่า ข่าวของนางจะผิดเพี้ยนไปเช่นกัน สายลับของนางคงจะถูกองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลางหลอกลวง เมื่อเป็นเช่นนี้ องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลางนั้นก็คงไม่ไร้ความสามารถอย่างที่เขาลือกัน
“ไปตามสายลับที่ติดตามหนิงหัวจิ้งกลับมาเถิด หนิงหัวจิ้งและองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหนิงมาถึงเมืองหลวงแล้ว แต่พวกเขากลับไม่ทราบด้วยซ้ำ คงถึงเวลาที่ต้องกลับไปฝึกซ้อมหาประสบการณ์แล้วล่ะ” หยุนชางพูดเบา ๆ แต่สีหน้าของนางไม่แสดงความโกรธเคืองออกมา
แต่เฉี่ยนอินกลับตกใจอย่างมาก นางทราบเป็นอย่างดีว่าการฝึกฝนของเหล่าสายลับนั้นลำบากเพียงใด ฉะนั้นคนที่คลานออกมาจากการฝึกนรกนั้นได้ จึงมั่นใจในฝีมือของตัวเองเป็นอย่างมาก แต่ไม่คาดคิดว่ากลับทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ เฉี่ยนอินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งและมองไปที่หยุนชาง แต่เรื่องที่พระชายายืนยันนั้นน้อยมากที่จะเกิดความผิดพลาด ในเมื่อพระชายาทรงตรัสแล้วว่าหนิงหัวจิ้งมาถึงเมืองหลวงแล้ว เช่นนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องเท็จอย่างแน่นอน
หยุนชางนั่งบนเก้าอี้เอนกายพิงพนักพิงเก้าอี้แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย แม้กลับมาที่เมืองหลวงแล้วหนิงหัวจิ้งก็ยังไม่กล้าปรากฏตัว อาจเป็นเพราะนางกลัวว่าองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลางจะทราบเรื่องที่นางเคยทำไว้ หากว่านางไปพร้อมองค์รัชทายาทในวันพระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮาล่ะก็ เพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียงของราชวงศ์เอาไว้ เสด็จพ่อต้องออกคำสั่งไม่ให้คนอื่นพูดถึงเรื่องนั้นอย่างแน่นอน
หยุนชางหัวเราะเบา ๆ นางมีความสุขอย่างมากที่จะได้ทำในสิ่งที่หนิงหัวจิ้งกลัว
เพียงแต่ว่า… หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย “จิ่งเหวินซีไปหาหนิงหัวจิ้งเพื่อนการอันใดกันหรือ?”
ตนสั่งให้สายลับบอกข่าวการเสียชีวิตของหลี่อี้หรานให้กับหัวจิ้ง อีกทั้งสั่งเอาเรื่องการเสียชีวิตของหลี่อี้หรานใส่ร้ายให้จิ่งเหวินซี ตามหลักแล้ว หนิงหัวจิ้งต้องเกลียดจิ่งเหวินซี แต่เพราะเหตุใดจึง…..
หยุนชางรู้สึกเหมือนว่าตนนั้นมองข้ามบางสิ่งบางอย่างไป นางคิดอยู่นานแต่ก็นึกไม่ออก
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หรือ ถึงเหม่อลอยเช่นนี้?” เสียงของจิ้งอ๋องดังขึ้น หยุนชางเงยหน้าขึ้นและพบว่าจิ้งอ๋องหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่มแล้วยืนมองนางอยู่หน้าชั้นวางหนังสือ เขาดูโกรธเล็กน้อย
หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงบอกเรื่องที่จิ่งเหวินซีพบปะกับหนิงหัวจิ้งเป็นการส่วนตัวให้จิ้งอ๋องทราบ จิ้งอ๋องเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “เจ้าคงจะไม่ค่อยได้พบปะกับเหล่าคุณหญิงในเมืองหลวงนี้สิท่า”
หยุนชางตกตะลึง ครู่นางไม่ทราบว่าเหตุใดจิ้งอ๋องจึงถามเช่นนี้ แต่นางก็ส่ายหัวตอบไปตรงๆ เมื่อชาติก่อน ตนไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ และตนดูแตกต่างจากเหล่าคุณหญิงอย่างมาก เวลาพบปะพูดคุยกันตนไม่ทราบด้วยซ้ำว่าพวกเขาสนทนาเรื่องอันใดกัน ฉะนั้นเมื่อร่วมงานเลี้ยงไปสองสามครั้ง ตนก็ไม่ไปอีกเลย แต่ชาตินี้ เป็นเพราะว่าตนนั้นยุ่งจนเกินไป จึงไม่มีเวลาร่วมงานเหล่านี้
จิ้งอ๋องหัวเราะ “แม้แต่ผู้ชายอย่างข้าก็ทราบว่า เดิมทีหนิงหัวจิ้งองค์หญิง และจิ่งเหวินซีซึ่งเป็นธิดาของขุนนางชั้นสูง แน่นอนว่าพวกนางต้องพบกันในงานเลี้ยงอยู่บ่อยครั้ง น่าจะคุ้นเคยกันดี ดังนั้นแม้ว่าหนิงหัวจิ้งจะทราบว่าหลังจากที่จิ่งเหวินซีได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาแล้ว จึงเป็นเหตุทำให้หลี่อี้หรานเสียชีวิต แต่หนิงหัวจิ้งก็คงจะไม่ไปแก้แค้นจิ่งเหวินซีอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้อย่างแน่นอน”
สีหน้าของหยุนชางดูมืดมน นางไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากเป็นดั่งที่จิ้งอ๋องกล่าวมา ฉะนั้นหนิงหัวจิ้งและจิ่งเหวินซีคงจะรู้จักกันอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นไปได้อย่างมากที่พวกนางจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การพบปะกันในวันนี้ พวกนางคงจะร่วมมือกันเพื่อมาเล่นงานตนอย่างแน่นอน
หยุนชางอดหัวเราะไม่ได้ หนิงหยุนชางนะหนิงหยุนชาง เสียแรงที่เจ้าน่ะหยิ่งและคิดว่าตนฉลาด แต่เรื่องง่ายๆ เช่นนี้กลับคิดไม่ได้สักงั้น
จิ้งอ๋องเห็นว่าหยุนชางดูเหมือนจะรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาจึงยิ้มและโอบหยุนชางเอาไว้พร้อมกล่าว “ข้าลืมไปแล้วว่าเจ้าเติบโตที่วิหารแคว้นหนิงมาตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าไม่ทราบวิธีการใช้ชีวิตของเหล่าคุณหญิงในเมืองหลวงนี้” เมื่อพูดจบ เขาก็ยิ้มและกล่าวต่ออีกว่า “เพื่อไม่ให้พระชายานั้นห่างหายจากการใช้ชีวิตของเหล่าประชาชนมากเกินไป ป้องกันการเกิดการผิดพลาดเช่นนี้อีก ฉะนั้นวันนี้ข้าจะพาเจ้าไปกินของอร่อยที่หอยวี่หมั่นแล้วกัน”
“หื้ม?” หยุนชางมองจิ้งอ๋องด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาของนางดูล้อเลียนเขาเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณท่านอ๋องที่ทรงอุดหนุนกิจการของข้าเพคะ ไม่นานมานี้ข้าได้สั่งให้คนไปซื้อกิจการหอยวี่หมั่นมาแล้ว”
จิ้งอ๋องหยุดชะงัก ดูเหมือนตกใจเล็กน้อย “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
ยากที่หยุนชางจะเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของเขา นางจึงหัวเราะออกมาและเดินออกไปพร้อมดึงตัวจิ้งอ๋องไปด้วย “ฮ่าฮ่าฮ่า มิต้องกังวลหรอก ข้าจะให้ส่วนลดกับเจ้า จะเก็บเจ้าน้อยๆ แล้วกัน”
จิ้งอ๋องหัวเราะออกมา “วันนั้นข้าเห็นเจ้ากำลังดูเอกสารการเงินอยู่ ราวกับว่าเจ้านั้นมีกิจการอยู่มากมาย ดูเหมือนว่าข้าได้กองภูเขาเงินภูเขาทองมาครอบครองแล้วสิท่า”
“ทั้งหมดนี้เป็นทรัพย์สมบัติของท่านตามาก่อน หลังจากที่ท่านตาออกมาจากพระราชวังแล้วเก็บตัวอย่างสงบแล้ว ท่านจึงได้ทำการค้าขายขึ้นมา แต่ทว่าท่านนั้นเป็นคนที่ขี้เกียจ จึงได้นำเอกสารการเงินเหล่านั้นมาให้ข้าจัดการดูแล อันที่จริงแล้วการข้าขายนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากเช่นกัน” หยุนชางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อทั้งสองเดินไปที่หอยวี่หมั่น เถ้าแก่ก็รีบเข้ามาต้อนรับ ” เชิญพระชายาขึ้นไปที่ห้องชั้นบนขอรับ………”
หยุนชางตอบรับและขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับจิ้งอ๋อง แต่กลับพบชายคนหนึ่งที่คุ้นเคยเล็กน้อยตรงมุมเลี้ยวของบันได ชายคนนั้นสวมชุดคลุมสีน้ำเงิน รูปลักษณ์ของเขาดูสะอาด อ่อนโยนราวกับหยกขาว เพียงแต่ดวงตาของเขานั้นเผยความห่างเหินออกมาเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะเห็นหยุนชาง เขาหยุดชะงัก แววตาของเขาตกตะลึงเล็กน้อย เขาเอ่ยปากและกล่าวว่า “เซียวหยุน…”