ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 358 ถูกลอบทำร้ายระหว่างกลับจวน
คนข้างๆเอนหลัง และเอื้อมมือไปโอบเอวของหยุนชาง พูดด้วยเสียงที่ราบเรียบ “โอ้ สิ่งที่ข้าต้องการ ที่พระองค์สามารถให้ได้ ข้าต้องการ นับจากนี้ไปพระองค์อย่าได้มาปรากฏตัวต่อหน้าข้า และอย่าพูดจาเหลวไหลว่าท่านอ๋องอย่างข้าเป็นโอรสของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” หลังจากพูด จิ้งอ๋องก็ยืนขึ้น หันไปทางจักรพรรดิหนิงและเหล่าผู้คนที่ยังตะลึงอยู่ และพูดว่า “อาการบาดเจ็บของข้ายังมิหายดี ไม่สะดวกที่จะอยู่ต่อ เช่นนั้นขอตัวกลับก่อน” หลังจากพูดแล้ว เขาก็พาหยุนชางออกจากตำหนักจินหลวนด้วยกัน
จิ้งอ๋องเอนหลังพิงรถม้าอย่างเงียบๆ หลับตาแน่น ราวกับว่าเขากำลังหลับอยู่ หยุนชางเงยหน้าดูก็เห็นว่าเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและถอนหายใจเบาๆ แม้ว่าเมื่อครู่จิ้งอ๋องจะมีท่าทีที่สงบนิ่ง แต่ว่ามือที่จับมือหยุนชางไว้นั้นมีเหงื่อออกเล็กน้อย หยุนชางรู้ว่า ในใจของเขาคงจะดิ้นรนมาก
ท้ายที่สุดแล้ว คนๆนั้นเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพบหน้ากันมานานยี่สิบกว่าปี แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็เป็นสิ่งที่แปลกมาก เช่นเดียวกับใบหน้าที่คล้ายกันของทั้งสองคน
หยุนชางรู้สึกในรถม้ามีความอึดอัดเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงเปิดม่านของรถม้าขึ้น ลมหนาวพัดมาเป็นช่วงๆ หยุนชางตัวสั่น รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาก แต่จู่ๆคนข้างๆขยับตัวและดึงมือหยุนชางกลับ ทันใดนั้น ม่านอันหนาก็ตกลงมา จนเกิดเสียงอู้อี้
“ถึงจะใกล้สิ้นเดือนสองแล้ว แต่ลมกลางคืนพัดมาแต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่บ้าง ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาจะทำไง?” น้ำเสียงของจิ้งอ๋องเรียบเฉย แต่มีความตำหนิเล็กน้อย
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง อยากจะบอกว่าถึงแม้นางไม่มีกำลังภายใน แต่นางก็ฝึกวิชาการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก นางไม่ค่อยเป็นหวัดเท่าไหร่ แต่ฟังน้ำเสียงของเขามีความเหน็ดเหนื่อย นางก็มิได้เอ่ยปาก นั่งลงอย่างเงียบๆ
รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัว และหยุนชางสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากประตูวังหลวงถึงจวนจิ้งอ๋องใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม แต่ทว่าตั้งแต่ออกจากประตูวังหลวงถึงตอนนี้เห็นได้ชัดว่าใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว
หัวใจของหยุนชางตื่นตระหนกมากขึ้น และทันใดนั้นนางก็คว้ามือของจิ้งอ๋อง ดูเหมือนว่าจิ้งอ๋องจะตื่นตัว และรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อถูกหยุนชางบีบมือ เขาลืมตาและมองไปที่หยุนชาง เพียงชำเลืองมองครั้งเดียว ก็พบว่าท่าทีหยุนชางมีความตื่นตระหนก
ดูเหมือนว่าจิ้งอ๋องจะดึงสติกลับมาบ้างแล้ว นิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขามองไปที่หยุนชางด้วยความสงสัย แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูด แต่หยุนชางก็รู้ว่าเขาต้องการจะถามอะไร หยุนชางพยักหน้า และเขียนคำว่ารอในมือของเขา
องครักษ์ลับรอบกายทั้งสองก็ไม่น้อย ถ้ามีอะไรมาคุกคามถึงชีวิตทั้งสอง ก็จะมีคนโผล่ออกมา แต่นางอยากรู้ว่า ใครกันที่บังอาจและกล้าลงมือต่อนางและจิ้งอ๋องในเมืองหลวงเช่นนี้ มันช่าง…รนหาที่ตายชัดๆ
หยุนชางเกี่ยวที่มุมปาก วันนี้จิ้งอ๋องอารมณ์ไม่ดีนัก คนเหล่านี้ เกรงว่าพวกเขาคงจะต้องเจอวิกฤตหนักแน่
เมื่อฟังการเคลื่อนไหวนอกรถม้า หยุนชางก็ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงดังขึ้นว่า “ยังไม่ถึงจวนหรือ?”
ภายนอกดูเหมือนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียงตอบมา “ใกล้ถึงแล้วขอรับ”
ใกล้ถึงแล้ว…หยุนชางหัวเราะเบาๆ เป็นความจริงที่ไม่ทำให้หยุนชางรอนานเกินไป เพียงไม่กี่นาที รถม้าหยุดลง หยุนชางเหยียดมือออกกระแทกประตูรถม้า ก็เห็นมีคนยืนอยู่นอกรถม้า แต่มันไม่ใช่อย่างที่หยุนชางคาดไว้…
คือเซี่ยโหเหยียน
หยุนชางคิด แม้ว่าวันนี้เซี่ยโหเหยียนจะไม่ได้เข้าไปในวัง แต่เกรงว่าคำพูดของเซี่ยหวนอวี่คงจะถึงหูของเขาทุกถ้อยทุกคำแล้ว ในฐานะรัชทายาทผู้ชอบธรรมของแคว้นเซี่ย เป็นเรื่องปกติที่เขาจะโกรธ
หยุนชางรู้มาตลอดว่าเซี่ยโหเหยียนเป็นคนอย่างไร เขามีวิชาการต่อสู้ และก็มีความสามารถในการนำทหาร แต่จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวคือ เขาเป็นคนบุ่มบ่ามเกินไป ตอนที่เขาอยู่ที่ชายแดน ยังมีหลิ่วหยินเฟิงที่ฉลาดหลักแหลมคอยเติมเต็มข้อเสียของเขา แต่ตอนนี้หลิ่วหยินเฟิงกำลังร่วมงานเลี้ยงในวัง เกรงว่าเซี่ยโหเหยียนคงจะรีบพาคนออกมา ทันทีที่เขาได้ฟังข่าว
ไม่น่าแปลกใจที่เซี่ยหวนอวี่ต้องการมอบบัลลังก์แคว้นเซี่ยให้กับจิ้งอ๋อง
“รัชทายาทคือต้องกาทำอะไร?” หยุนชางยิ้มและมองเซี่ยโหเหยียน
เซี่ยโหเหยียนก็ตกตะลึงเมื่อเห็นหยุนชางเว้นช่วงสักพัก เขาก็พูดว่า “เจ้าเป็นคุณชายที่อาศัยอยู่ในจวนของหลิ่วกุนซือที่นอกเมืองคังหยางผู้นั้น”
หยุนชางหัวเราะเล็กน้อย สายตาของรัชทายาทคือดีกว่าหลิ่วหยินเฟิงเล็กน้อย
“เจ้าเป็นใคร ทำไมเจ้าถึงอยู่บนรถม้าของจิ้งอ๋อง แล้วทำไมเจ้าถึงรู้ตัวตนของข้า” เมื่อเห็นหยุนชางไม่ได้ปฏิเสธ เซี่ยโหเหยียนขมวดคิ้ว และมองหยุนชางด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
หยุนชางมองเขาด้วยรอยยิ้ม ไม่พูดอะไร
โชคดีที่เซี่ยโหเหยียนเป็นคนบุ่มบ่ามเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนโง่ เมื่อเห็นหยุนชางแต่งตัวราวกับมิ่งฟู่(คุณหญิงแต่งตั้งจากราชสำนัก) แต่นั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกันกับจิ้งอ๋อง แน่นอนว่าอาจเป็นได้เพียงคนเดียว “พระชายาจิ้งอ๋อง”
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองไปที่เซี่ยโหเหยียนมุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย “รัชทายาทมาขวางรถม้าของจวนจิ้งอ๋อง แล้วพาท่านอ๋องและพระชายาอย่างข้ามาที่นี่ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ?”
เซี่ยโหเหยียนจึงนึกขึ้นได้ถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ เงยหน้ามองไปยังชายที่หลับนั่งอยู่ในรถม้า สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก จึงเยาะเย้ย “ในเมื่อเจ้าหายตัวไปนานยี่สิบกว่าปีแล้ว ทำไมจู่ๆยังมาปรากฏตัวขึ้นอีก ต้องการจะแย่งตำแหน่งรัชทายาทกับข้างั้นหรือ เสด็จแม่บอกข้าตั้งแต่วัยเยาว์ว่า ถ้ามีใครมาขัดขวางไม่ให้ข้าขึ้นครองบัลลังก์ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ก็ต้องกำจัดมันออกไป”
จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว จากนั้นก็ปิดประตูรถม้าทันที หลังจากได้ยินเสียงเบาๆเพียงไม่กี่เสียง ก็มีเสียงที่ตกใจของเซี่ยโหเหยียนดังขึ้นจากด้านนอก “พวกเจ้าเป็นใคร”
ทันทีที่เสียงนั้นลดลง เสียงของการต่อสู้ดังมาจากด้านนอกรถม้า หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง มองไปที่ชายที่หลับตาไว้ตลอดในรถม้า เขาไม่พูดอะไรสักคำ
ผ่านไปสักครู่ เสียงการต่อสู้ค่อยๆเบาลง จนกระทั่งเงียบไป มีเสียงที่เคารพสุภาพดังมาจากด้านนอกว่า “นายท่าน จัดการทั้งหมดเรียบร้อยแล้วขอรับ รัชทายาทของแคว้นเซี่ยควรจัดการอย่างไรดีขอรับ ขอนายท่านให้การชี้แนะด้วย”
นอกจากเสียงที่มีความประหลาดใจในเมื่อครู่ หยุนชางก็ไม่ได้ยินเสียงของเซี่ยโหเหยียนอีก จากการได้ฟังความหมายขององครักษ์ลับ เซี่ยโหเหยียนดูเหมือนจะถูกควบคุมตัวแล้ว หยุนชางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย วิชาการต่อสู้ของเซี่ยโหเหยียนก็นับว่าเก่งพอควร เขาถูกจับได้ง่ายเยี่ยงนี้ได้อย่างไร
จิ้งอ๋องลืมตาและทำเสียงอย่างเย็นชา “ตอนนี้ข้าเป็นจิ้งอ๋องแห่งแคว้นหนิง ผู้ที่ลอบสังหารข้าในเมืองหลวงควรจัดการอย่างไร”
เสียงภายนอกยังคงนิ่ง “ควรถูกคุมขังที่ศาลต้าหลี่ขอรับ”
จิ้งอ๋องพยักหน้า “เช่นนั้นก็นำตัวไป แล้วส่งคนเข้าวังไปทูลฝ่าบาท โดยทูลว่าข้าถูกลอบสังหาร จนได้รับบาดเจ็บระหว่างทางกลับจวน และดูว่างานเลี้ยงในวังจบลงแล้วหรือยัง ถ้างานเลี้ยงจบลงแล้ว ก็ไปที่จุดพักม้าทูลรายงานต่อจักรพรรดิเซี่ยด้วย”
เสียงขององครักษ์ลับตอบรับจากด้านนอก จากนั้นจิ้งอ๋องก็เอนหลังพิงกำแพงรถม้า หลับตาลงแสร้งหลับ ราวกับว่าเขาหลับไม่สบาย จึงขยับศีรษะและพิงไหล่ของหยุนชาง
หยุนชางถอนหายใจ เอื้อมมือไปโอบไหล่ของจิ้งอ๋อง เพื่อให้เขาพิงได้สบายขึ้น จากนั้นก็สั่งองครักษ์ลับข้างนอกให้พากลับจวนด้วยเสียงต่ำ และทันใดนั้นรถม้าก็มีเสียงเคลื่อนตัวดังขึ้น