ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 360 หล่วหยินเฟิงมาเยี่ยม
หยุนชางยังจำเรื่องราว ตอนที่พบจ้าวฮูหยินในจวนองค์หญิงของหัวจิ้งได้ นางสวมชุดสีแดงเข้ม ขมวดคิ้วเบาๆ สายตาแหลมคม ท่าทีเช่นนั้นไม่เหมือนกับฮูหยินธรรมดาในเมืองหลวง แต่หยุนชางที่คิดว่า ตอนที่นางยังอายุน้อย นางกับสามีนับได้ว่าได้ออกศึกมามากมาย เคยเห็นการต่อสู้ครั้งใหญ่
ความงามของคนจ้าวฮูหยินไม่ถือว่าโดดเด่น และเพราะขาดการดูแลบำรุง แลดูจะอายุมากว่าอายุจริงเสียอีก เพียงแต่ว่ามีลักษณะใบหน้าคล้ายกับหญิงสาวในภาพวาด หยุนชางไม่รู้ว่านางใช่หญิงสาวในภาพวาดหรือไม่ และนางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
เซี่ยหวนอวี่ตรัสว่าหญิงในภาพวาดเป็นฮองเฮาองค์ก่อนแห่งแคว้นเซี่ย ฮวาหลิง แต่ฮวาหลิงให้กำเนิดจิ้งอ๋องได้อย่างไรหลังจากตกหน้าผา? หลังจากให้กำเนิดจิ้งอ๋องแล้ว ทำไมนางถึงแยกจากจิ้งอ๋องได้ ทำไมนางถึงแต่งงานกับแม่ทัพจ้าว แทนที่จะกลับไปแคว้นเซี่ยเพื่อตามหาเซี่ยหวนอวี่?
มีความยุ่งเหยิงอยู่ในใจ และจิตใจของนางถูกรบกวนจากการคาดเดาต่างๆ นานา สีหน้าของหยุนชางเปลี่ยนไป และนางไม่ได้ก้าวเท้าเป็นเวลานาน
“หือ พระชายา…” เฉี่ยนอินเห็นหยุนชางหยุดลง คิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น มองไปรอบๆ ด้วยอาการประหม่า แต่ไม่ได้สังเกตสิ่งผิดปกติ เมื่อเห็นหยุนชางไม่ได้เดินก้าวไปข้างหน้าเป็นเวลานาน เฉี่ยนอินจึงเอ่ยเสียงอย่างแผ่วเบาดึงสตินาง
หยุนชางจะระงับความคิดไว้ แค่เซี่ยหวนอวี่คนเดียวก็ทำให้จิ้งอ๋องทุกข์ใจพอแล้ว ถ้าเพิ่มจ้าวฮูหยินอีกคน คงทำให้จิ้งอ๋องคิดมากจนไม่มีความสุขเป็นแน่ หยุนชางส่ายหัวอย่างลับๆ นอกจากนี้จ้าวฮูหยินก็แค่คล้ายกับฮองเฮาฮวาหลิงในภาพวาดเท่านั้น ในใต้หล้านี้มีคนหน้าคล้ายกันก็ไม่น้อย จ้าวฮูหยินอาจไม่ใช่ฮองเฮาฮวาหลิงก็ได้ เรื่องนี้จำเป็นต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน เช่นนั้นตอนนี้ยังไม่ควรบอกจิ้งอ๋อง
หยุนชางมีความคิด ดังนั้นนางจึงรีบเดินไปที่ลานบ้าน นางชักช้าเสียเวลานานพอแล้ว หากนางกลับช้ากว่านี้ เกรงว่าจิ้งอ๋องจะต้องโกรธเคืองเป็นแน่
กลับมาที่ห้อง จิ้งอ๋องกำลังเขียนหนังสืออยู่บนโต๊ะ หยุนชางเข้าใกล้ ก็เห็นว่ามีเพียงเส้นหมึกวงกลมจำนวนมากบนกระดาษ แต่ไม่มีตัวอักษรใดที่ดูเรียบร้อย
“นี่กำลังทำอะไรอยู่หรือ
วาดรูปวงกลม?” หยุนชางยิ้มและส่ายหัว เห็นว่าเขาสวมแค่เสื้อและไม่มีเสื้อคลุมใส่ไว้ ก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “เมื่อครู่เจ้ายังเคยพูดว่า แม้ว่าจะเป็นเดือนสองแล้วก็ตาม แต่ลมกลางคืนยังหนาวมาก แต่เจ้าเองก็ใส่น้อยและมาทำอะไรอยู่นี่ เตาผิงก็ถูกเก็บแล้ว ในห้องก็ไม่อุ่นกว่าภายนอกมากนัก ยังไม่รีบดื่มน้ำอุ่น แล้วไปพักผ่อน”
จิ้งอ๋องทำเสียงเชอะ และโยนพู่กันในมือ โดยไม่สนว่าหมึกจะกระเด็นบนเสื้อผ้าของเขา จากนั้นเดินไปข้างเบาะ ล้มตัวนอนบนเบาะ โดยไม่พูดอะไร
หยุนชางรู้ว่าเขาอารมณ์เสีย จึงไม่ได้งอนเขา ไปที่เตียงช่วยเขาถอดรองเท้า จากนั้นดึงผ้าห่มมาคลุมให้เขา และพูดเบาๆว่า “ฮ่องเต้เซี่ยเองก็แปลก บอกว่ามาหาเจ้า แต่พอข้าบอกว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บจากการลอบสังหาร แต่พระองค์ก็ไม่ได้ถามว่าเจ้าบาดเจ็บสาหัสมากหรือไม่ พูดคุยสนทนากับข้าซักพัก และไม่เคยเอ่ยถึงรัชทายาทแคว้นเซี่ยตั้งแต่ต้นจนจบ”
จิ้งอ๋องเงียบชั่วครู่ก่อนจะพูดว่า “เขารู้ดีว่าข้าไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดก็จะรู้ว่าข้าไม่อยากเจอเขา เขาก็เลยไม่ถามเป็นธรรมดา ส่วนเซี่ยโหเหยียน เพราะข้าไม่เป็นไร เซี่ยโหเหยียนก็จะไม่เป็นไร เขากังวลเรื่องอะไรอีกล่ะ”
จิ้งอ๋องที่นิ่งสงบ หยุนชาเดาไม่ถูกอารมณ์ในดวงตาของเขา หยุนชางคิดถึงเรื่องของจ้าวฮูหยิน หันมองจิ้งอ๋อง ก่อนที่จะค่อยๆเอ่ยปากพูด “โฉมหน้าของฮองเฮาฮวาหลิงก็มิได้นับว่าดูสิริโฉมมากมาย เพียงแต่ดูมีบารมี ดูความสัมพันธ์ของทั้งสองในภาพวาด จักรพรรดิเซี่ยและฮองเฮาฮวาหลิงน่าจะรักกันมาก”
จิ้งอ๋องหลับตา ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่หยุนชางพูด หยุนชางเห็นเช่นนี้ ถอนหายใจเบาๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “เจ้าหิวไหม ข้าได้ให้พ่อบ้านทำโจ๊ก ถ้าหิวก็ลุกขึ้น มาทานพร้อมกัน”
“ข้าไม่หิว เจ้ากินเถิด ในงานเลี้ยงเจ้าก็แทบไม่ได้ทานอะไร” เสียงของจิ้งอ๋องที่พูดเบาๆ ไร้ร่องรอยของอารมณ์
หยุนชางถอนหายใจอีกครั้ง ไม่ใช่แสร้งทำเป็นเย็นชาและเฉยเมยในงานเลี้ยงในวังหรือ? ทำไมกลับมาถึงได้หดหู่ทันทีล่ะ เซี่ยหวนอวี่มาหาเขาด้วยตัวเอง แล้วยังทำอะไรไม่พบ? ทำตัวเองลำบากใจเช่นนี้สนุกหรือ?
หยุนชางคิดในใจ แล้วให้เฉี่ยนอินเอาโจ๊กมาให้ถ้วยหนึ่ง นางหิวแล้วจริงๆ
หลังจากทานโจ๊กแล้ว หยุนชางก็ไปล้างหน้าแปรงฟันอีกครั้ง แล้วนอนลงบนเตียงพักผ่อน
เช้าตรู่ของวันที่สอง ก็มีคนมาเยี่ยมอีกครั้ง “ท่านอ๋อง หลิ่วหยินเฟิงแห่งแคว้นเซี่ยมาขอพบขอรับ”
หยุนชางขมวดคิ้ว เหลือบมองท้องฟ้าที่ค่อยๆสว่างข้างนอก แล้วนอนต่ออีกครั้ง หลังจากกลับจากเมืองจิ้งหยาง เนื่องจากอาการบาดเจ็บของจิ้งอ๋อง จักรพรรดิหนิงจึงยกเว้นเขาเข้าเฝ้าในท้องพระโรง นอกจากนี้จิ้งอ๋องไม่จำเป็นต้องไปสนามฝึก ทั้งสองจึงชินกับการนอนตื่นสาย
“ก็บอกเขาว่า ข้ากับพระชายายังไม่ตื่น ให้เขารอ” เสียงของจิ้งอ๋องไม่มีร่องรอยเสียงที่แหบราวกับเพิ่งตื่น มีความชัดเจนและทรงพลัง พูดจบก็โอบเอวหยุนชางไว้ ดึงหยุนชางเข้ามาใกล้ วางศีรษะไว้บนศีรษะของหยุนชาง และพูดเบาๆว่า “ยังเช้าอยู่ เจ้านอนต่อเถิด”
หยุนชางเป็นคนขี้เซามาโดยตลอด ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่นางโปรดปราน จิ้งอ๋องฟังนางเข้าสู่การหลับไหลอีกครั้ง การหายใจของนางก็ค่อยๆสงบลง รู้สึกอดขำไม่ได้ จากนั้นเขาจึงหลับตาและงีบหลับขณะกอดหยุนชางไว้
เมื่อทั้งสองตื่นขึ้นอีกครั้ง ก็เกือบเที่ยงวันแล้ว หยุนชางลืมว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนเช้า ถูกเฉี่ยนอินดึงเขามาล้างหน้าล้างตา จากนั้นจึงฟื้นพลังขึ้นมาเล็กน้อย เฉี่ยนอินสวมเสื้อผ้าให้หยุนชางและพูดเบาๆว่า “หลิ่วหยินเฟิงผู้นั้นรออยู่ที่ห้องโถงด้านหน้าเกือบสองชั่วยามแล้ว พระชายายังจะให้เขารออีกหรือเพคะ”
“หือ?” หยุนชางตกตะลึง “หลิ่วหยินเฟิง เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เฉียนอินตกตะลึง จากนั้นก็กระทืบเท้าและพูดว่า “หม่อมฉันรู้ว่าพระชายาที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น เกรงว่าท่านจะไม่รู้อะไรเลย เขามาตั้งแต่ตอนเช้า หม่อมฉันมารายงาน ท่านอ๋องบอกว่าท่านทั้งสองยังไม่ตื่น ให้เขารอ หม่อมฉันมิกล้าบอกกับเขาแบบนั้น เพียงแค่บอกว่าท่านอ๋องและพระชายายังไม่ตื่น หลิ่วหยินเฟิงผู้นั้นดื่มชาที่ห้องโถงด้านหน้าเป็นเวลาสองชั่วยามแล้วเพคะ… ”
“…” หยุนชางหันไปมองที่จิ้งอ๋อง “มีเรื่องเช่นนี้”
จิ้งอ๋องพยักหน้าอย่างง่ายๆ และสั่งกับเด็กหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าให้เขาว่าเที่ยงนี้จะทานอะไร ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ยินหยุนชางและเฉี่ยนอินพูดอะไรกันอยู่
เมื่อดูท่าทีของจิ้งอ๋อง หยุนชางก็รู้ว่าเรื่องนี้เกิดจากจิ้งอ๋องที่ทำตัวไร้เหตุผล อย่างน้อยอีกฝ่ายหนึ่งเป็นขุนนางคนสำคัญของแคว้นเซี่ย เขาทำตัวประมาทเลินเล่อเยี่ยงนี้ เกรงว่ามันจะไม่ดี แต่ว่าข่าวอาการบาดเจ็บของจิ้งอ๋องในเมื่อวานนี้ถูกแพร่งพรายไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดหวังให้จิ้งอ๋องออกไปพบแขก หยุนชางครุ่นคิด จึงขอให้เฉี่ยนอินเร่งมือให้เร็วขึ้น สวมเสื้อผ้าและหวีมวยผมเสร็จในเวลาอันเร็ว หันหน้าไปบอกจิ้งอ๋องว่า “ข้าจะไปดูที่ห้องโถงด้านหน้า” พูดจบก็เดินออกไป