ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 367 ยั่วยวน
หยุนชางได้ยินน้ำเสียงที่มีความโกรธของชางเจียคังหนิง “ที่แท้ช่วงเวลานี้ที่เจ้ามาที่หอเฉี่ยนสุ่ยคือมีความคิดนี้ หลอกล่อข้าและต้องการข่มขู่ข้า ดีมาก! หัวจิ้งมีเพื่อนเยี่งนี้อย่างเจ้า ในเมื่อเจ้าก็พูดเยี่ยงนี้แล้ว ถ้าข้าไม่ใช้มันให้คุ้มค่า คงจะเสียผลประโยชน์ ถ้าเจ้าอยากจะเข้าวัง ก่อนพิธี ก่อนหัวจิ้งกลับมา ก็มาปรนนิบัติรับใช้ข้าทุกวัน ถ้าทำให้มีความสุข ก็จะพาเจ้าเข้าวัง”
หัวจิ้งไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง?
หัวใจของหยุนชางพุ่งขึ้นทันใด และมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี ก่อนหน้านี้ นางได้รับข่าวว่าหัวจิ้งอยู่กับชางเจียคังหนิง แต่องครักษ์ลับไม่สามารถติดตามรู้ได้ว่าพวกเขาได้เข้ามาในเมืองหลวงแล้ว และตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัวจิ้งไม่ได้อยู่ในหอเฉี่ยนสุ่ยเลย
ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของหัวจิ้งในเมืองหลวงคือตน นางวางแผนกลับมายังแคว้นหนิงโดยไม่มีคำนึงถึงผลกระทบ นางต้องมาหาตนเพื่อแก้แค้น ในเมื่อนางมาเพื่อแก้แค้น นางต้องหาศัตรูของนางก่อน ข้าก็อยู่ที่นี่ แต่หนิงหัวจิ้งไม่อยู่ในเมืองหลวงได้อย่างไร?
หยุนชางขมวดคิ้วโดยคาดเดาว่าหนิงหัวจิ้งหายไปไหน แต่ไม่ทันได้สังเกตว่ามีเสียงที่ชวนให้เข้าสู่ภวังค์อีกครั้งจากห้องข้างๆ
จิ้งอ๋องดึงหยุนชางเปิดประตู เดินออกไป ไม่นานก็เห็นสามเณรเดินมาจากนอกประตู มาหยุดที่เซียงฝางของหยุนฉางและจิ้งอ๋องกำลังพักผ่อนอยู่ “อมิตตาพุทธ น้ำชาเย็นแล้ว โยมทั้งสองจะให้อาตมาไปต้มมาให้อีกกาหรือไม่”
ในห้องหยุนชางและจิ้งอ๋องนั่งตรงข้ามกันบนกระดานหมากรุกทั้งสองด้าน จิ้งอ๋องจับหมากสีดำ ดูเหมือนว่ากำลังครุ่นคิดว่าจะวางหมากอย่างไร หยุนชางได้ยินเสียงของสามเณร เงยหน้าขึ้น มีแสงสลัวแวบเข้ามาในดวงตาของนาง ยิ้มเล็กน้อย “ไม่แล้ว พวกข้าจะออกจากห้องทันทีที่เล่นกระดานนี้จบ”
สามเณรพยักหน้า พูดคำว่าอมิตตาพุทธ แล้วก็เดินจากไป
“เณรรูปนี้เป็นคนของชางเจียคังหนิง?” หยุนชางขมวดคิ้ว เมื่อครู่ตอนที่จิ้งอ๋องดึงนางออกจากห้อง เพิ่งเข้ามาในเซียงฝาง จัดกระดานหมากรุกเสร็จ พระรูปนี้ก็เดินมาอย่างช้าๆ
จิ้งอ๋องส่ายหัว “ไม่ใช่ของชางเจียคังหนิง เขาเพิ่งมาที่เมืองหลวงนี้ เขาไม่มีความสามารถขนาดนี้ ที่สามารถซื้อตัวแม้แต่พระในวัดได้ พระนี้ไม่มีวิทยายุทธ แต่เป็นเพียงผู้ที่คอยดูแล ข้าเดาว่า น่าจะเป็นคนที่จิ่งเหวินซีซื้อตัวไว้ ข้ากลัวว่าแม้แต่วิหารชิงเฟิงนี้ก็เป็นจิ่งเหวินซีพาชางเจียคังหนิงมา”
หยุนชางนึกถึงข่าวที่องครักษ์ลับมารายงานในก่อนหน้านี้ และมุมปากของนางก็ยกขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เกรงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จิ่งเหวินซีได้ทำสิ่งนี้ในวัดนี้ใช่ไหม แม้แต่พระที่คอยดูแลก็ยังถูกซื้อตัว”
จิ้งอ๋องเลิกคิ้วขึ้น คิ้วขมวดเล็กน้อย “ที่นี่ก็ทำให้รู้สึกน่าสนุก ถ้าเจ้าชอบ เราก็มาลองดูก็ได้นะ”
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเขม้น แล้วโยนหมากลงบนโต๊ะ “ไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะคิดว่าเจ้าสุขุมเยือกเย็นได้อย่างไร มองดูสหายที่เป็นเหล่าคุณชาย เกรงว่าจะแย่กว่าคุณชายหวังเสียอีก”
“โอ้?” จิ้งอ๋องหัวเราะเบาๆ และดวงตาของเขาที่มองหยุนชางเต็มไปด้วยความรัก “ฮูหยินชอบใบหน้าที่เย็นชาของข้า? แต่ข้าไม่ชอบมันมากนัก ข้าเหนื่อยพอที่จะแสร้งทำต่อหน้าคนอื่น พอกลับจวน เจอหน้าฮูหยิน หวังว่าจะได้ปลดปล่อยบ้างนะ มิเช่นนั้นทั้งต่อหน้าผู้อื่นและต่อหน้าเจ้าทำแต่เยี่ยงนั้น มันเหนื่อยมาก”
ปลดปล่อย? หยุนชางจ้องมองไปที่ใบหน้าของจิ้งอ๋อง หยุดครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะเบาๆ บุคคลนี้มีไหวพริบในคำพูดอันไพเราะของเขาเลย
จิ้งอ๋องแยกตัวหมากบนกระดาน วางลงในถ้วยหมากรุก แล้วพูดอย่างเป็นกันเองว่า “ข้ามีลูกน้อยที่เก่งในการติดตาม แต่ตอนนี้ไม่อยู่ข้างกายข้า ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะตามตัวกลับมา ตอนนี้ไม่รู้ว่าหนิงหัวจิ้งไปไหน ถ้าปล่อยให้นางออกไปข้างนอกก่อเรื่อง ทำแผนการของฮูหยิรพังลง ก็คงจะแย่”
หยุนชางตกตะลึง คนผู้นี้ ทำไมเหมือนพยาธิในท้องของนางนะ? รู้ทุกอย่างที่นางต้องการ
“ดีเพคะ” หยุนชางมองดูลายเมฆที่มุมเสื้อผ้าของจิ้งอ๋องแล้วยิ้ม “ก็ดีถ้าเรื่องต่างๆในเมืองหลวงนี้จะจบลงเร็วกว่านี้” ไม่รู้ว่าเมื่อใด อาจจะต้องตามจิ้งอ๋องไปที่แคว้นเซี่ยด้วยกัน…หยุนชางแอบเพิ่มคำพูดอย่างเงียบๆ
จิ้งอ๋องยิ้ม “ไปกันเถอะ ถ้าชักช้าแล้วถูกจิ่งเหวินซีและชางเจียคังหนิงเห็นเข้า มันจะไม่ดีนัก”
แม้ว่าหยุนชางจะรู้ดีว่ามีจิ้งอ๋องอยู่ข้างๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดสถานกรณ์เช่นนี้ แต่นางก็ปล่อยให้จิ้งอ๋องจูงมือออกจากเซียงฝางพร้อมกัน เดินออกไปด้านนอก และร่วมกันทำบุญ จิ้งอ๋องและหยุนชางก็ขี่ม้าลงจากภูเขาพร้อมกัน
ทันทีที่เข้าไปในเมือง เดินไปครึ่งทาง ก็เห็นหลิ่วหยินเฟิงเดินเข้ามา ดวงตาของเขาจ้องไปที่ใบหน้าของหยุนชาง แม้ว่าหลิ่วหยินเฟิงจะเดาได้ว่าชายที่อยู่นอกเมืองคังหยางคือนาง แต่หยุนชางไม่เคยยอมรับ วันนี้หยุนชางที่แต่งกายเป็นชาย แต่นางไม่สามารถโต้เถียงได้ ดังนั้นจึงเพียงพยักหน้าไปทางหลิ่วหยินเฟิงและเดินผ่านเขาไป
จิ้งอ๋องเห็นท่าทีของพวกเขาทั้งสอง ก็ขดริมฝีปาก “ดูท่าทางของเจ้าหลิ่วหยินเฟิง เกรงว่าจะชอบหยุนชางของข้าแล้ว จะทำอย่างไรดี แต่น่าเสียดาย ที่หยุนชางของข้าได้ออกเรือนมีสามีแล้ว เฮ้อ ออกเรือนแล้วก็ยังมีเสน่ห์เช่นนี้ มันช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง ถ้าชางเอ๋อร์เกิดนึกสนุก พาชายแปลกหน้ากลับจวน ข้าคงต้องร้องไห้เป็นแน่ ดูเหมือนว่าข้าจะต้องขังเจ้าไว้ที่จวน มิให้ออกมาพบใครซักคน”
หยุนชางรู้ ที่เขาล้อเล่น เพียงเพราะเขาอยู่ข้างนอก สีหน้าของจิ้งอ๋องดูจริงจังมาก ด้วยใบหน้าเช่นนี้ หยุนชางรู้สึกหัวใจมีความสั่นเทา
การเตรียมการพิธีแต่งตั้งฮองเฮาครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นมาก ตั้งแต่พระราชโองการไปจนถึงการเตรียมการก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ และพริบตาเดียวก็เข้าสู่วันที่หนึ่งของเดือนสามแล้ว และอีกสองวันก็เป็นพิธีแต่งตั้งฮองเฮา ก่อนงานพิธี ฮองเฮาในอนาคตและฝ่าบาทต้องถือศีลอดเป็นเวลาสามวัน
พระราชวังชีอู๋ถูกเผาจนจำไม่ได้ และจักรพรรดิหนิงก็ทรงรับสั่งให้ทำลายพระราชวังชีอู๋ เตรียมที่จะสร้างใหม่ เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มลงมือการก่อสร้าง ก็ได้สร้างพระราชวังอีกแห่งที่ดูสง่างาม และแขวนป้ายพระราชวังชีอู๋ไว้ ถือได้ว่าเป็นพระราชวังของฮองเฮาในอนาคต
อาจเป็นเพราะการกระทำของจักรพรรดิหนิง และข่าวลือบางอย่างก็เริ่มเผยแพร่ในวัง โดยลือกันว่าจักรพรรดิหนิงทรงโปรดจิ่นกุ้ยเฟยมาก การแต่งตั้งฮองเฮาองค์ใหม่เป็นเพียงเกราะที่จักรพรรดิหนิงสร้างขึ้นเพื่อปกป้องจิ่นกุ้ยเฟย ข่าวลือยังคงเป็นพฤติการณ์ โดยกล่าวว่าเรื่องทั้งหมดมีหลักฐานสามประการในเรื่องนี้ ประการหนึ่งคือ จิ่นกุ้ยเฟยเดิมเป็นนางสนมที่ถูกส่งเข้าตำหนักเย็น ตั้งแต่สมัยโบราณ สนมที่ออกจากตำหนักเย็นและกลับมามีตำแหน่งสูงส่ง มีจิ่นกุ้ยเฟยเพียงผู้เดียว ประการที่สอง จิ่นกุ้ยเฟยอาศัยอยู่ในพระราชวังชีอู๋มาระยะหนึ่ง แม้ว่าจะอาศัยอยู่ในห้องโถงด้านข้าง แต่พระราชวังชีอู๋นั้นเป็นวังของฮองเฮามาโดยตลอดและไม่เคยมีแบบอย่างในการอยู่ร่วมกับนางสนม และประการที่สามคือพระราชวังชีอู๋ถูกไฟไหม้ แต่จักรพรรดิหนิงเพียงรับสั่งตกแต่งจากอีกตำหนักหนึ่ง แต่วังจิ่นซิ่วที่จิ่นกุ้ยเฟยอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแต่ก่อนหรือตอนนี้ ถือเป็นตำหนักที่โอ่อ่าที่สุด…