ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 368 เนื้อสับ
ข่าวลือฟังดูน่าเชื่อถือมาก แต่บางคนโต้แย้ง โดยบอกว่าถ้าจักรพรรดิหนิงทรงโปรดแต่จิ่นกุ้ยเฟยจริงๆ ทำไมมิทรงให้นางเป็นฮองเฮา มีองค์ชายที่อยู่ข้างกาย และมีฮ่องเต้ที่รักและคอยปกป้อง ใครจะกล้าแตะต้องจิ่นกุ้ยเฟยได้?
แต่ทว่าคำโต้แย้งนี้ไร้น้ำหนักนัก เพียงแค่ประโยคที่ว่า “ตำแหน่งของฮองเฮาเป็นสนามรบสำหรับเหล่าสนมในวังหลังมาโดยตลอด จักรพรรดิหนิงที่ทรงรักจิ่นกุ้ยเฟยอย่างจริงใจ พระองค์จะยินยอมให้นางเป็นเป้าหมายได้อย่างไร” โต้ตอบกลับมา
เฉี่ยนอินกล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “พระชายา หม่อมฉันมั่นใจว่า ข่าวลือที่ไม่เป็นผลดีต่อจิ่นกุ้ยเฟยนั้นมาจากฉินเมิ่งแน่ เมิ่งเจี๋ยยวี๋อะไรนั่น ถ้าไม่ใช่พระชายา นางก็แค่คนไร้ประโยชน์เท่านั้น จะก้าวกระโดดได้ตำแหน่งนี้ได้อย่างไร นึกถึงตอนที่นางถูกจิ้งอ๋องตีจนขาหัก ก็เป็นพระชายาที่ส่งยาที่ดีที่สุดไปให้นาง ทุกวันนี้ขาของนางปวดแค่ในวันที่ฝนตก นอกนั้นก็ไม่มีอาการอื่นใดๆ แต่ท้ายที่สุด นางตอบแทนความดีของพระชายา ด้วยการปล่อยข่าวเท็จใส่ร้ายจิ่นกุ้ยเฟยเยี่ยงนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจให้อภัยนางได้เพคะ”
หยุนชางมองไปที่เฉี่ยนอินที่มีท่าทางที่ไม่พอใจ จึงยิ้มเล็กน้อย สาวน้อยคนนี้ยังมีช่างดุร้ายนัก
“เจ้าเคยพูดในก่อนหน้านี้มิใช่หรือ แม้ว่าฉินเมิ่งจะไม่เคยออกจากวัง ไม่เคยพบปะผู้คนมาก่อน แต่บนร่างกายของนางก็มักจะมีเครื่องประดับที่ทันสมัยมาจากนอกวัง นี่เป็นเพราะมีคนติดสินบนนาง เกรงว่าเรื่องนี้ก็เป็นคนอื่นบงการนางทำด้วย ฉินเมิ่งแน่นอนว่าข้าจะจัดการนาง เพียงแต่ว่าจะจัดการกับฉินเมิ่งที่ฉลาดนางนี้ มันง่ายมาก ก่อนที่เราจะจัดการกับนาง เราต้องจับคนที่อยู่เบื้องหลังนางก่อน ข้าต้องการดูว่า เป็นใครกันที่กล้าเช่นนี้ มีความคิดเยี่ยงนี้ต่อเสด็จแม่” หยุนชางยิ้มและเกลี้ยกล่อม
เฉี่ยนอินพยักหน้า “ก็ได้เพคะ หม่อมฉันจะทนอีกสักพัก อย่างไรก็ตาม องครักษ์ลับก็ตรวจพบแล้วว่านางกำนัลที่ชื่อฉีเอ๋อร์ข้างกายฉินเมิ่งที่เป็นคนทำ ใช้โอกาสการเยี่ยมคนที่บ้านของนางกำนัลในทุกเดือน ไปติดต่อและนำของมาให้ฉินเมิ่ง ตอนนี้ฉีเอ๋อร์ถูกเราจับแล้ว เราจะสามารถหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังได้ในไม่ช้า”
หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้าเบาๆ “แต่ต้องเร่งมือ จะมีพิธีแต่งตั้งฮองเฮาในอีกสอง วัน ข้าเกรงว่าจะมีคนพุ่งเป้ามาที่ข้ากับเสด็จแม่ในห้องโถงพิธีแต่งตั้ง”
เฉี่ยนอินรีบตอบรับ และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอ๋องได้ตรัสก่อนหน้านี้ว่า ผู้ที่ตามหาองค์หญิงหัวจิ้งได้รับข่าวแล้ว เกรงว่าคงจะได้รับข่าวที่แท้จริงในวันพรุ่งนี้เพคะ ต้องการคิดร้ายต่อองค์หญิง ก็ควรชั่งน้ำหนักตัวเองเสียบ้าง ต้องรู้ว่าตอนนี้พระชายาของเรามีท่านอ๋องคอยปกป้องอยู่”
หยุนชางเหลือบมองนาง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และสั่งให้นางถอยออกไปก่อน
เมื่อหันไปมองดูซุปเห็ดหูหนูขาวบนโต๊ะ จำได้ว่าจิ้งอ๋องถูกพ่อบ้านตามไปห้องอักษรในตอนหัวค่ำ ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร
ขณะครุ่นคิด ก็ได้ยินประตูถูกผลักเปิด จากนั้นจิ้งอ๋องก็ปรากฏตัวต่อหน้าหยุนชาง แต่มีองครักษ์ลับคนหนึ่งอยู่ข้างหลัง ขณะเดินก็พูดถึงบางสิ่ง “เกิดเรื่องขึ้นในวัง ได้ยินมาว่า ไม่รู้ว่าใครเอาเนื้อสับใส่ในเครื่องเสวยของหย่าผิน…”
ก่อนพิธีแต่งตั้งตำแหน่งฮองเฮา ฝ่าบาทและฮองเฮาองค์ใหม่ควรถือศีลอดเป็นเวลาสามวัน เป็นกฎของบรรพบุรุษเก่า เพื่อจะได้โชคดีและเป็นสิริมงคล การถือศีลอด แน่นอนว่าไม่สามารถเสวยเนื้อสัตว์ได้…
หยุนชางหรี่ตา ดูเหมือนว่ามีบางคนไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว เริ่มลงมือก่อน เมื่อคิดเรื่องนี้ หยุนชางลุกขึ้นยืนทันที มองไปที่จิ้งอ๋อง “ข้าเกรงว่า จะต้องเข้าวังสักหน่อย”
ดวงตาของจิ้งอ๋องจ้องไปที่หยุนชาง และหยุดเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้า “ข้ารู้ว่าเจ้า เป็นห่วงจิ่นกุ้นเฟย ข้าได้ยินข่าวลือเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้ว เกรงว่าครั้งนี้จะพุ่งเป้าไปที่จิ่นกุ้ยเฟย เจ้าเข้าวังเถิด ให้ข้าไปพร้อมเจ้าไหม?”
หยุนชางเงียบไป สักพักนางก็ส่ายหัวช้าๆ แม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับพิธีแต่งตั้งฮองเฮา แต่ก็ยังเป็นเรื่องการแย่งชิงในวังหลัง นางไม่ต้องการให้จิ้งอ๋องมีส่วนร่วมมากเกินไปในเรื่องเหล่านี้ บุรุษควรจะเป็นห่วงใต้หล้า ส่วนเรื่องภายในตำหนัก ควรเป็นเรื่องที่สตรีต้องจัดการ อีกทั้งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเสด็จแม่ของนาง
นางสั่งให้จิ้งอ๋องดื่มซุปเห็ดหูหนูบนโต๊ะ หยุนชางจึงได้เรียกเฉี่ยนอิน เปลี่ยนเสื้อผ้า สวมเสื้อคลุมสีชมพู และออกไป รถม้าพร้อมแล้ว หยุนชางจึงรีบเข้าวังไป
เกิดเรื่องขึ้นระหว่างการถือศีลอด จิ่นกุ้ยเฟยในฐานะหนึ่งในผู้จัดพิธี แน่นอนว่าต้องอยู่ในที่นั้นแน่ นอกจากนี้ ตอนนี้นางดูแลป้ายคำสั่งของฮองเฮาไว้ชั่วคราว และเรื่องนี้เกิดขึ้นในวังหลัง
หยุนชางไม่อยากที่จะไปที่วังจิ่นซิ่ว จึงให้นางกำนัลพาไปที่ห้องโถงฉางอาน นั่นคือพระอุโบสถในวัง ที่ซึ่งเหล่านางสนมในวังใช้สวดอธิษฐาน ในขณะที่ฮ่องเต้ใช้ตำหนักฉินเจิ้งในการสวดอธิษฐาน
เมื่อหยุนชางไปถึง ก็เห็นจักรพรรดิหนิงและหย่าผินนั่งอยู่บนเก้าอี้ และจิ่นกุ้ยเฟยยืนอยู่ข้างจักรพรรดิหนิง ขมวดคิ้วมองไปที่นางกำนัลที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
“หม่อมฉันอยู่ในห้องเครื่องตลอด ทุกวันนี้ฝ่าบาทและหย่าผินได้ถือศีลอด วังหลังก็ร่วมสวดอธิษฐาน จิ่นกุ้ยเฟยทรงรับสั่งว่า เครื่องเสวยทุกมื้อในวังไม่ควรมีเนื้อสัตว์ เพราะฉะนั้น หลายวันมานี้ไม่ได้มีการส่งเนื้อมาที่วัง หม่อมฉันมิรู้ว่าเนื้อสับนี้มาได้ยังไร หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ…”
หยุนชางรู้ดีว่านางกำนัลน่าจะมาจากห้องเครื่อง แต่ด้วยนางที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย เกรงว่าจะถามอะไรไม่ได้ความ
“ตอนที่ทำเครื่องเสวย เจ้าอยู่ที่นั้นโดยตลอดหรือ” จักรพรรดิหนิงกล่าวอย่างเฉยเมย
นางในวังส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “มีคนมากในห้องเครื่อง และหม่อมฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครกล้าที่จะทำอะไรบางอย่างกับเครื่องเสวย จึงมิทันได้ระวัง ในระหว่างนั้นมีออกจากห้องเครื่องไปหลายครั้งเพคะ”
หยุนชางมองไปที่สายตาของนางกำนัลมีที่กำลังครุ่นคิด แม้อยู่ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ นางกำนัลผู้นี้ก็มีท่าทีไม่ต้อยต่ำไม่สูงส่ง แม้ว่าร้องไห้ฟูมฟาย แต่เมื่อตอบคำถาม เหตุผลชัดเจนมาก เกรงว่าจะไม่ง่ายที่จะจัดการ
“ระหว่างทำเครื่องเสวย มีคนนอกเหนือจากห้องเครื่องมาหรือไม่” จิ่นกุ้ยเฟยถามด้วยเสียงเบา
นางกำนัลเงียบไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นและเหลือบมองจิ่นกุ้ยเฟย ก่อนจะพูดด้วยเสียงอันเบาว่า “หม่อมฉันมิทันได้สังเกตเพคะ”
หลังจากได้ฟัง จักรพรรดิหนิงก็ทรงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตรัสว่า “นำตัวลงไป เอาอีกคนเข้ามา”
หยุนชางจึงเข้าใจว่า ที่แท้กำลังสอบปากคำเหล่านางกำนัลของห้องเครื่องทีละคน หยุนชางยิ้มเยาะ กลัวว่าหลักฐานทั้งหมด ท้ายที่สุดจะมุ่งไปที่คนๆเดียว นั่นคือจิ่นกุ้ยเฟย
ดูเหมือนว่าจักรพรรดิหนิงจะเพิ่งเห็นหยุนชาง ยิ้มและโบกพระหัตถ์ให้หยุนชาง “ทำไมชางเอ๋อร์ถึงมาได้ล่ะ?”
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย เดินไปข้างจักรพรรดิหนิงและยิ้ม “ช่วงนี้ในวังมีกิจมากมายต้องทำ ชางเอ๋อร์กังวลว่าเสด็จแม่จะมิไหว ทุกวันจึงเข้าวังมาดู อันที่จริงวันนี้จะเข้าวังตั้งแต่ช่วงเย็น แต่เพราะในจวนจิ้งอ๋องมีบางอย่างต้องจัดการ ก็ล่าช้ามาจนถึงตอนนี้ เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ”
หนิงตี้เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆยิ้มออกมา “มิใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแค่มีคนในวังใส่เนื้อสับในเครื่องเสวยของหย่าผิน”