ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 373 หากข้าเป็นจักรพรรดิ. เจ้าต้องเป็นฮองเฮา
- Home
- ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
- บทที่ 373 หากข้าเป็นจักรพรรดิ. เจ้าต้องเป็นฮองเฮา
ยังมิทันได้พูดจบ คำพูดกลับหยุดลง เนื่องจากจิ้งอ๋องสวมกอดหยุนชางไว้ ความหนาวเย็นบนร่างกายกลับทำให้หยุนชาอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่นออกมา ผ่านไปชั่วครู่จึงปรับตัวเข้ากับความอบอุ่นได้ อีกทั้งมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก กลับยกมือขึ้นมากอดลั่วชิงเหยียนกลับ นางมิรู้ว่าระหว่างจิ้งอ๋องและเซี่ยหวนอวี่พูดคุยเรื่องใดกันบ้าง นางกลับรู้สึกว่าให้เขาไปเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าที่เขามิเคยรู้จักเลยว่าเป็นพ่อของตนเองมาตลอดยี่สิบกว่าปี แท้จริงแล้วมีความโหดร้ายเป็นอย่างมาก เกรงว่าเขา ภายในใจของนางจะมิมีอันใดที่ทำไม่ได้
“หวางเฟย โจ๊กมาแล้วเพคะ” เสียงของเฉียนยินพลันดังเข้ามาจากด้านนอก พลันทำลายความสงบภายในห้องนี้จนหมดสิ้น
หยุนชางค่อย ๆ ผละออกจากอ้อมกอดของจิ้งอ๋อง พลางดึงเขามานั่งบนตั่ง แล้วจึงหันกลับไปหาเฉียนยินที่ยืนอยู่ตรงประตูว่า “วางโจ๊กไว้บนโต๊ะ”
เฉียนยินเมื่อวางโจ๊กลงแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นมาหามองหยุนชาง พลางมองไปยังใบหน้าที่ไม่สู้ดีของจิ้งอ๋อง จึงมิรู้ว่าตนเองควรจะอยุ่หรือจะไปดี
หยุนชางพลันโบกมือบอกกลาย ๆ ว่าให้นางถอยกลับไปได้ นางพลันได้สติขึ้นมา พร้อมรีบร้อนถอยออกไป ภายในใจตกตะลึงเป็นอย่างมาก จิ้งอ๋องก็มีช่วงเวลาที่ดูสิ้นหวังเหมือนกันงั้นหรือ? มิใช่ว่าตนเองเจอผีจริง ๆ ใช่หรือไม่ ?
หยุนชางพลันอุ้มผ้าห่มบนเตียงนอนมาคลุมให้จิ้งอ๋องอีกหนึ่งชั้น พลางพูดเบา ๆว่า “ร่างกายของท่านเย็นเป็นอย่างมาก ต้องทำให้ตัวอุ่นเสียก่อน แล้วจึงค่อยกินโจ๊ก” เมื่อพูดจบพลางหยิบถ้วยโจ๊กขึ้นมาให้จิ้งอ๋อง
จิ้งอ๋องเงียบไปชั่วครู่ จึงรับถ้วยโจ๊กไป พลางหยิบช้อนเล็ก ๆ ขึ้นมาตักกินทีละคำ หยุนชางจึงนั่งอยู่ข้างๆ เพียงมองดูเขา สายตาเต็มไปด้วยตวามอบอุ่น
โจ๊กหนึ่งถ้วยกินหมดไปแล้ว ในขณะที่หยุนชางรับถ้วยเปล่ามานั้น พลางจับมือจิ้งอ๋องคลำไปมา เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว จึงพยักหน้าเล็กน้อย “กินเพื่อลองท้องเสียก่อน. อีกชั่วครู่จะถึงสำรับเย็นแล้ว ท่านอยากกินอะไรหรือ ? หม่อมฉันจะได้ให้เฉียนยินเตรียมไว้ให้”
จิ้งอ๋องพลางส่ายหัวไปมา พลันจ้องหยุนชางอยู่นาน จึงพูดออกมาว่า “อีกชั่วครู่เขาจะประกาศออกมาพร้อมจักรพรรดิว่า แคว้นเซี่ยเต็มใจที่จะสงบศึกกับแคว้นหนึง ภายในร้อยปี จะมิมีการก่อสงครามใดๆ เกิดขึ้น หาฝ่ายใดมีปัญหา อีกฝ่ายจะยกทัพไปช่วย”
เมื่อจิ้งอ๋องพูดจบพลันเกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง หยุนชางมิได้พูดอันใดออกมา ภายในห้องเกิดความเงียบเสียจนหน้าอึดอัด ชั่วครู่ หยุนชางจึงลุกขึ้นยืน เพื่อนำถ้วยโจ๊กไปวางไว้บนโต๊ะ พร้อมถามเขากลับว่า “ท่านรับข้อเสนออันใดของเขากัน ?”
จิ้งอ๋องพลันตกตะลึง มิคิกว่าหยุนชางจะถามคำถามนี้กับเขาก่อน “ข้ารับปากเขาว่า. ”
จิ้งอ๋องพลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา กลับทำให้ตกตะลึงว่า “ข้ารับปากเขาว่าจะกลับไปยังแคว้นเซี่ยพร้อมเขา อีกทั้งเป็นอย่างที่เจ้าคาดการณ์ไว้ ข้าจะกลับไปเป็นจักรพรรดิแคว้นเซี่ย”
หยุนชางใช้เวลาทั้งวันในการคาดเดาเซี่ยหวนอวี่ ว่าเขาจะให้ข้อเสนออันใดแก่จิ้งอ๋อง ทั้งข้อเสนอนี้ หยุนชางก็เดาได้แล้ว จึงมิได้ตกใจแต่อย่างใด “เขาช่างไร้เดียงสาเสียจริง จึงคิดแค่ว่าตำแหน่งจักรพรรดินี้เป็นของเขาแล้ว. เขาจะทำเช่นไรก็ได้งั้นหรือ หากร้อยปีหลังจากนี้ ใครจะเป็นคนมารับประกันต่อจากเขากัน เกรงว่าเขาจะลืมไปแล้วว่า แคว้นเซี่ยยังมีองค์ชายอีกมาก อีกทั้งแต่ละคน ก็มิใช่ว่าจะบังคับกันได้ง่าย ๆ ”
จิ้งอ๋องได้ยินหยุนชางพูดเช่นนั้น จึงหัวเราะออกมา “ใช่แล้ว เขากำลังบังคับข้า”
“ยังดี. ” หยุนชางพลันมองมายังท่านอ๋องด้วยรอยยิ้ม “นับว่ายังโชคดีที่เขามิได้ให้ท่านกลับไปแต่งกับสตรีที่แคว้นเซี่ย เพื่อช่วยให้ท่านได้ครอบครองบัลลังก์”
” อื้ม ? ” จิ้งอ๋องมองหยุนชางด้วยความประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาก็ยื่นข้อเสนอนี้ให้กับข้า? ”
หยุนชางพลันตะลึงไปสักพัก “ข้าเพียงแค่พูดเดาไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น คราวก่อนท่านตาของท่านเคยพูดมาก่อนแล้ว ว่าข้าไม่เหมาะกับท่าน หากแต่เซี่ยหวนอวี่ก็พูดหรือ ? ” เมื่อพูดถึงตอนสุดท้าย นางจึงขมริมฝีปากด้วยความโมโห
จิ้งอ๋องอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา สายตาพลันจ้องไปยังหยุนชาง อารมณ์ที่หายไปก่อนหน้านั้นกลับมาแล้ว จึงลุกขึ้นโอบกอดหยุนชางหลวม ๆ จึงหันมามองนางว่า “เขาก็มิได้โง่นักหรอก เขาจะทำให้ข้าไม่พอใจในเวลานี้ได้อย่างไรกัน ? สำหรับ ฮวากั๋วกงนั้น เจ้ามิต้องไปสนใจคนอื่นว่าเขาจะพูดเช่นไรคิดเช่นไร เจ้ารู้เพียงเรื่องเดียวก็พอ”
“เรื่องอะไรงั้นหรือ ? ” หยุนชางกระพริบตาพร้อมจ้องไปยังจิ้งอ๋อง
จิ้งอ๋องเม้มฝีปากเพียงชั่วครู่ จึงพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “หากข้าเป็นจักรพรรดิ อย่างไรเจ้าก็ต้องเป็นฮองเฮา”
ราวกับดอกบัวหิมะได้บานขึ้นภายในใจหยุนชาง ภายในราวกับถูกโอบล้อมด้วยแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ที่ใสสะอาด หยุนชางพลันยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มพลันขึ้นไปอยู่ในดวงตา”ได้ หม่อมฉันจะจำไว้ หากมีวันใดที่ท่านรังแกหม่อมฉันละก็ แม้หม่อมฉันจะกลายเป็นผี หม่อมฉันก็จะตามไปคิดบัญชีกับท่าน”
แม้เสียงที่หยุนชางกระซิบจะนุ่มนวลเป็นอย่างมาก หากแต่จิ้งอ๋องเข้าใจอย่างชัดเจน หยุนชางพลันเห็นในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ความมุ่งมั่นของเขานั้นได้สลักลงไปในใจของนางแล้ว ภายในใจหยุนชางพลันคิดว่า ในชาตินี้นางก็ยังรักษาหัวใจของตนเองไว้ไม่ได้ นางเห็นเพียงหัวใจของตนเองที่ค่อย ๆ ละลายหายไป ทว่ากลับเต็มไปด้วยความสุข
เป็นดั่งที่จิ้งอ๋องพูดไว้ จักรพรรดิแคว้นหนิงและจักรพรรดิแคว้นเซี่ยได้เขียนสัญญาพันธมิตรต่อกันแล้ว ยังมิทันเข้ายามราตรี พระราชโองการถูกประกาศลงมา ทั่วถนนทุกเส้นล้วนแต่เต็มไปด้วยป้ายประกาศ หยุนชางมิรู้ว่าความคิดเห็นของราษฏรจักเป็นเช่นไรบ้าง หากแต่นางเข้าใจว่า พระราชโองการฉบับนี้เป็นเสมือนกับการปลอบใจผู้คน เกรงว่าอย่างน้อยจะยังถามหาความสงบสุขในช่วงนี้ได้อยู่
พรุ่งนี้จะเป็นวันพระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮาแล้ว อีกทั้งยังมีสงครามรออยู่ หยุนชางตื่นมาแต่ยามเช้าแล้ว ไม่สามารถหักห้ามความต้องการของจิ้งอ๋องได้ เขาต้องการอีกครั้งและเพิ่มอีกครั้ง เมื่อถึงยามที่ต้องตื่น ทั่วร่างกลับเต็มไปด้วยความอ่อนแรง ไม่อยากแม้แต่จะขยับกายไปไหน
หากแต่ไม่ตื่นก็มิได้ เนื่องจากเฉียนยินมารอที่หน้าประตูเสียแล้ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้อนรน”หวางเฟย. พวกเราไม่สามารถจับจิ่งเหวินซี. แถมยังเสียองครักษ์เงาไปหลายคน”
หยุนชางพลันหลี่ตาลงเล็กน้อย สมองยังมิทันจะทำงานได้ดี ฉะนั้นปฏิกิริยาจึงช้าไปบ้าง เพียงชั่วครู่จึงได้ยินน้ำเสียงแหบแห้งดังออกมาว่า “ข้าเข้าใจแล้ว รอข้าตื่นอีกสักนิด แล้วค่อยเข้าวัง”
พระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮาเตรียมการนานถึงหนึ่งเดือน วันนี้จึงมีงานจิปาถะที่นางต้องทำอีกมาก นางรับปากจิ่นกุ้ยเฟยไว้แล้วว่าจะไปช่วยงาน
จิ้งอ๋องถูกเสียงรบกวนจึงทำให้ตื่นขึ้นมา พลางมองหยุนชางที่ลุกขึ้นมานั่งด้วยความงัวเงียว่า “เช้าแล้วหรือ ?”
หยุนชางพลันหันกลับไปถลึงตาใส่จิ้งอ๋อง สายตาที่มองเต็มไปด้วยอารมณ์โกธร ทว่าเมื่อเห็นคนที่ยังมิตื่นดีส่งสายตาประจบประแจงมาให้จึงพูดว่า “มิใช่ท่านหรอกหรือที่ทำมัน หม่อมฉันบอกแล้วว่าหม่อมฉันจะยุ่งมากในวันงานพิธีวันนี้ ยังไม่ยอมปล่อยหม่อมฉันอีก”
จิ้งอ๋องเมื่อได้ยินดังนั้น จึงยิ้มออกมา พลางลุกขึ้นมาว่า “ถ้าเช่นนั้น เป็นการลงโทษ ให้เปิ่นหวาเข้าวังพร้อมเจ้าเป็นเช่นไร ”
หยุนชางพลางส่ายหน้าไปมา พร้อมหันไปมองว่า “ลืมเรื่องเข้าวังไปเถิดเพคะ หม่อมฉันวันนี้มีงานมากมายที่ต้องทำ ท่านแค่ช่วยหม่อมฉันก็พอ เรื่องจิ่งเหวินซี ทำอย่างไรก็ได้อย่าให้นางได้เข้าวัง เมื่อวานหม่อมฉันได้วางแผนจัดการให้องครักษ์เงาไปจับนางมาแล้ว หากแต่พวกเขาทำพลาด มิรู้ว่าตอนนี้นางไปซ่อนอยู่ที่ใดแล้ว”
จิ้งอ๋องได้ยินดังนั้นพลันขมวดคิ้วลง “นางมีนัดกับชางเจยคังหนิง นางจะต้องอยู่กับเขาอย่างแน่นอน จิ้งเหวินซีต้องหนีไปได้แน่ เพราะนางเดาได้ว่าเจ้าจะไม่ปล่อยให้นางเข้าไปทำตัววุ่นวายได้ หากแต่พวกเขามิรู้ว่าเราแอบได้ยินเรื่องราวของพวกเขาแล้ว ฉะนั้น ตอนนี้เจ้าต้องส่งคนไปยังหอเฉี่ยนสุ่ย”